*ทำดี และศึกษาพระธรรม*
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (15 ก.ค. 55) ไปฟังธรรมที่มูลนิธิฯ เห็นหลายคนใส่เสื้อยืดมีตรามูลนิธิฯ และมีข้อความปักข้างหลังว่า “ทำดี และศึกษาพระธรรม” ทราบมาว่า มีผู้มีจิตศรัทธา คือ คุณทวีชัย อยู่มั่นธรรมา นำมาบริจาคหลายร้อยตัว เราก็ได้อานิสงส์จากการไปร่วมฟังสนทนาธรรมที่วังน้ำเขียวและที่เชียงใหม่ได้รับแจกมา ๒ ตัว
เมื่อได้อ่านคำขวัญของชมรมบ้านธัมมะว่า “ทำดี และศึกษาพระธรรม” ก็เข้าใจอย่างเผินๆ ว่า ก็เหมือนอย่างที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ คือ ทำดี เพราะระหว่างความดีกับความชั่ว ควรจะทำอะไร ก็ต้องทำความดี แต่ก็รู้จากการฟังธรรมว่า เลือกไม่ได้อีกเหมือนกันว่าจะทำอะไร แล้วแต่เหตุปัจจัยที่สะสมมาที่จะโน้มเอียงในการทำดีหรือทำชั่ว จึงต้องศึกษาพระธรรมด้วย เพื่อทำความเห็นให้ตรงตามที่ทรงแสดงพระสัทธรรมไว้ดีแล้วว่า “สิ่งใดเป็นความชั่วควรระวังไม่ให้เกิดขึ้น แต่ถ้าความความชั่วเกิดขึ้นแล้วควรละ สิ่งใดเป็นความดีควรเจริญ และควรระวังรักษาความดีที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อมไป” แต่เมื่อฟังคำบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ในวันนั้น จึงได้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่า ทุกคนเห็นแก่ตัว (คำนี้ไม่เคยคิดว่า ตัวเองเป็น เพราะคิดเองว่า เราก็แสนดี เสียสละ ชอบช่วยผู้อื่นเสมอ) ทำอะไรทุกอย่างเพราะมีตัว เมื่อคิดตามคำบรรยายของท่าน ก็เห็นจริงด้วย อย่างที่มาฟังธรรม ก็เพราะอยากให้ตัวเองเข้าใจธรรม เพราะรู้ว่าธรรมเป็นมรดกอันล้ำค่าที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้พุทธศาสนิกชน แต่จะได้รับผลประโยชน์จากมรดกนี้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับความเข้าใจพระธรรมมากน้อยอย่างไรด้วย เมื่อตัวเองเข้าใจพระธรรมแล้ว ก็แน่ใจได้ว่า ตัวเองจะได้ทำความดีเพิ่มขึ้น เพื่อตัวเองจะได้รับสิ่งที่ดีเป็นผลตอบแทนทั้งในปัจจุบันชาติ และชาติต่อๆ ไปก่อนจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ด้วย เพราะรู้ว่า นั่นเป็นความสุขที่แท้จริง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อตัวเองทั้งสิ้น
ท่านอาจารย์บรรยายต่อไปว่า ทำความดีมากแค่ไหนก็ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะยังมีตัวตน แต่เมื่อใดได้ประจักษ์แจ้งว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา มีแต่จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของตนๆ เพียง ๑ ขณะ แล้วก็ดับไป ไม่กลับมาเกิดซ้ำอีกเลย จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นเรา เป็นเขาไม่ได้จากสิ่งที่เกิดแล้วดับแล้วอย่างรวดเร็วนั้น เมื่อประจักษ์แจ้งอย่างนี้ ความดีนั้นจึงจะบริสุทธิ์ แต่เมื่อยังไม่ถึงขั้นนั้น อยู่ในขั้นนี้ก็ต้องทำความดี แล้วศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริงอย่างที่ทรงพระมหากรุณาแสดงไว้ให้ศึกษา ระลึก พิจารณาจนประจักษ์แจ้งในที่สุด ดังนั้นจึงควร “ทำดี และศึกษาพระธรรม” ต่อไป
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ขอกราบเท้าท่านอาจารย์ที่นำพระธรรมมาพร่ำสอนบ่อยๆ เนืองๆ โดยนัยต่างๆ
เพื่อให้ผู้ฟังได้มีโอกาสเข้าใจตามที่ได้ทรงแสดงไว้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อาจารย์กาญจนา ที่นำธรรมดีๆ มาให้อ่านกัน ครับ
".....ทุกคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรทุกอย่างเพราะมีตัว อย่างที่มาฟังธรรม ก็เพราะอยากให้ตัวเองเข้าใจธรรม เมื่อตัวเองเข้าใจพระธรรมแล้ว ก็แน่ใจได้ว่าตัวเองจะได้ทำความดีเพิ่มขึ้น เพื่อตัวเองจะได้รับสิ่งที่ดีเป็นผลตอบแทนทั้งในปัจจุบันชาติ และชาติต่อๆ ไปก่อนจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ด้วย เพราะรู้ว่า นั่นเป็นความสุขที่แท้จริง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อตัวเองทั้งสิ้น...."
เพราะความเป็นเรา จึงทำทุกอย่างเพื่อ "เรา" และ "ของเรา" คนนี้ ปล่อยวางทางโลก แต่ไม่วายเข้าไปยึดติดทางธรรม เหมือนมือขวาที่แบออกไป แต่มือซ้ายกลับเข้าไปกำไว้แน่นดังนั้น ไม่ว่าจะทำดีมากแค่ไหน ก็ยังเป็นเราอยู่นั่นเอง ลืมไปเลยว่า...เป็นธรรม
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาอาจารย์กาญจนาสำหรับกระทู้เตือนใจดีๆ นี้ด้วยค่ะ
เพื่อประโยชน์และความสุขความสงบแก่ชาวโลกและโลกอื่นเป็นเบื้องต้น จนถึงความสุขที่แท้จริงครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไพเราะเป็นอย่างยิ่ง ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...แต่เมื่อยังไม่ถึงขั้นนั้น อยู่ในขั้นนี้ก็ต้องทำความดี แล้วศึกษาพระธรรม เพื่อให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ตามความเป็นจริง อย่างที่ทรงพระมหากรุณาแสดงไว้ให้ศึกษา ระลึก พิจารณาจนประจักษ์แจ้งในที่สุด ดังนั้น จึงควร “ทำดี และ ศึกษาพระธรรม” ต่อไป...
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงด้วยครับ
อ่านบทความของพี่แดงครั้งใด ประทับใจในความเป็นผู้ตรงและจริงใจของพี่แดง ครับ