วิเวกสูตร.. กำจัดความพอใจในคนเสีย

 
pirmsombat
วันที่  18 ก.ค. 2555
หมายเลข  21432
อ่าน  1,511

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจาก ๑. วิเวกสูตร

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 353

ท่านเป็นคนจงกำจัดความพอใจในคนเสีย

แต่นั้นท่านจักเป็นผู้มีความสุข

ปราศจากความกำหนัด

ท่านมีสติ ละความยินดีเสียได้

เราเตือนให้ท่านระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ

ธุลีคือกิเลสประดุจบาดาลที่ข้ามได้ยาก

ได้แก่ความกำหนัดในกามอย่าได้ครอบงำท่านเลย

นกที่เปื้อนฝุ่น ย่อมสลัดธุลี

ที่แปดเปื้อนให้ตกไป ฉันใด

ภิกษุผู้มีเพียร มีสติ ย่อมสลัดธุลีคือ

กิเลสที่แปดเปื้อนให้ตกไปฉันนั้นดังนี้.

.....................

ควรละความพอใจ

ดูก่อนภิกษุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ

แล้วล้วนจูงใจให้กำหนัด ควรละความพอใจในสิ่งนั้นๆ เสีย

เธอพึงทราบอรรถแห่งคำที่เรากล่าวแล้ว

อย่างย่อ โดยพิสดารอย่างนี้เถิด ฯลฯ

.....................

ข้อความบางตอนจาก กามชาดก

ช่างทำรองเท้าหนังเลี้ยงชีพ เมื่อประกอบรองเท้า

ส่วนใดควรเว้นก็เว้น เลือกเอาแต่ส่วนที่ดีๆ

มาทำรองเท้าขายได้ราคาแล้ว

ย่อมมีความสุข

ฉันใดเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน

พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ละทิ้งส่วนแห่งกามเสีย

ย่อมถึงความสุข

ถ้าพึงปรารถนาความสุขทั้งปวง

ก็พึงละกามทั้งปวงเสีย.

.......................


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

นกที่เปื้อนฝุ่น ย่อมสลัดขน ฝุ่นย่อมหลุดไปได้ ธรรมที่จะสลัดฝุ่น คือ กิเลสได้ ไม่ใช่

เราที่จะสลัด ไม่ใช่เราที่จะเพียรละ สลัด แต่ เป็นปัญญาที่ทำหน้าที่ละ สละ สลัด

กิเลสออกจากจิตใจ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็รู้ความจริง ละความไม่รู้และละกิเลสไป

ตามลำดับ ตามระดับของปัญญา หนทาง ละ สลัดกิเลส คือ การฟังพระธรรม ศึกษา

พระธรรม ก็ะค่อยๆ ละกิเลส โดยกิเลสที่ต้องละก่อน คือ ความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคล

ตัวตน และ เมื่อปัญญาเจริญ ก็สามารถละความยินดีพอใจ ในกาม เมื่อถึงความเป็น

พระอนาคามี เพราะฉะนั้น เริ่มจากเข้าใจความยินดีพอใจ ในขณะนี้ที่เกิดขึ้นเป็น

ธรรมดา ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เป็นหนทางละความยินดีพอใจในกาม ครับ

ขออนุโมทนาคุณหมอ ที่นำธรรมของพระพุทธเจ้ามาให้อ่าน

และขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kinder
วันที่ 18 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เข้าใจ
วันที่ 18 ก.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ คุณหมอมากครับที่นำ พระสุตตันตปิฏก ส้งยุตตนิกาย สคาถวรรค บทหนึ่งเป็นต้นเหตุให้ได้มาซึ่งแห่งผล ของอาณิสงส์เป็นความรู้ความเข้าใจร่วมกันครับกราบขอบพระคุณ อาจารย์อย่างสูงครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 18 ก.ค. 2555

เป็นอรรถที่ไพเราะมากครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอ อาจารย์ผเดิม และทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pirmsombat
วันที่ 18 ก.ค. 2555

ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผเดิม คุณเข้าใจ คุณผู้ร่วมเดินทาง

คุณคำปั่น คุณเซจาน้อย

และ

ทุกท่านมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 18 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมนั้น ก็เพื่อให้บุคคลทั้งหลายได้เห็นโทษ

ของอกุศล แล้วก็เจริญกุศลยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าพระองค์จะได้ทรงชี้ทางที่จะดับกิเลส แต่

ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดับกิเลสอกุศลที่ตนสะสมมาทิ้งไปได้ทั้งหมดในทันทีทันใด แต่ว่า

จะต้องอาศัยการเข้าใจในเหตุผลที่ทำให้รู้จักตัวเองตรงตามความเป็นจริง และการที่

จะดับกิเลสทั้งหลาย ก็จะต้องอาศัยกุศลธรรมที่จะต้องอบรมเจริญขึ้นจริงๆ ที่ขาดไม่ได้

เลยคือ มีความเพียร มีความอดทนที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา

ต่อไปจนกว่าจะสามารถสลัดกิเลสทั้งหลายทั้งปวงออกไปได้ในที่สุด ครับ.

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ และทุกๆ ท่านด้วยครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 21 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ปัญญานั่นเองที่จะทำหน้าที่ละ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอและทุกๆ ท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ