การสร้างบุญบารมี

 
tookta
วันที่  20 ก.ค. 2555
หมายเลข  21438
อ่าน  2,293

ได้อ่านหนังสือธรรมะ เรื่องสร้างบุญบารมี

เขาบอกว่าการให้ทานมี ๓ ระยะคือ

๑. มีเจตนาที่จะทำทาน

๒. ขณะให้ทาน

๓. หลังให้ทานแล้ว

แต่ถ้าผู้ที่รับการทำทานของเราเป็นคนที่ไม่ดี ไม่ใช่ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ ทานที่ทำไปนั้นก็จะไม่สัมฤทธิ์ผลให้เราได้บุญบารมี ซึ่งในความคิดคิดว่ามันไม่น่าจะถูกต้องนะคะ เพราะการที่เราทำทานไปเราก็มีความสุขใจ (ซึ่งนั้นก็คือบุญที่เราได้รับ) แต่เราก็ไม่รู้ว่าความคิดของเราถูกต้องหรือไม่ รบกวนท่านผู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุญ คือ ขณะที่สภาพธรรมฝ่ายดี เกิดขึ้นกับจิตใจ ซึ่งบุญก็มีทั้ง บุญที่เป็นทาน ศีล ภาวนา บุญที่เป็นไปในทานนั้น คือ ขณะใดที่มีเจตนาสละวัตถุ สิ่งของให้กับผู้อื่นด้วยเจตนาที่จะให้ เพื่ออนุเคราะห์ผู้นั้น เช่น ให้ขอทาน คนยากจน เป็นต้น หรือ ให้เพื่อบูชาคุณผู้นั้น เช่น ให้สิ่งของวัตถุ เพื่อบูชาคุณอาจารย์ เป็นต้น ขณะนั้น จิตที่ดีเกิดขึ้นที่จะสละวัตถุให้ผู้อื่น ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นกุศลจิตแล้ว แต่บุญในขั้นทานจะสำเร็จ หรือไม่ อาศัย องค์ประกอบ ๓ อย่างคือ

๑. ผู้ให้ ที่มีเจตนาสละวัตถุ สิ่งของ

๒. มีสิ่งของที่จะให้

๓. ผู้รับ หากไม่มีประการใด ประการหนึ่ง บุญย่อมไม่สำเร็จ เช่น คิดว่าจะให้ เตรียมของไว้ แต่ไม่มีผู้รับ บุญขั้นทานก็ไม่สำเร็จ คิดจะให้ ผู้รับมา แต่ไม่มีของที่จะให้ บุญขั้นทานก็ไม่สำเร็จ ครับ

ซึ่ง บุญขั้นทานจะสำเร็จ ในข้อที่ ๓ ที่เป็นผู้รับนั้น ไม่ได้จำเพาะเจาจงว่าจะต้องเป็นเนื้อนาบุญ เป็นผู้ที่มีคุณธรรมเท่านั้น แม้แต่สัตว์ที่ไม่มีคุณความดีมาก แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน การให้กับสัตว์เดรัจฉาน ก็ชื่อว่าเป็นบุญขั้นทาน และ บุญนั้นสำเร็จแล้วครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า แม้แต่การเทน้ำข้าว เศษอาหาร ลงในน้ำ ด้วยตั้งใจว่า ให้สัตว์มีชีวิตในน้ำได้ทาน แม้นั้นก็เป็นบุญแล้ว เพราะ มีเจตนาสละวัตถุ คือ อาหาร มีผู้ให้ และ มีผู้รับ คือ สัตว์ในน้ำ ดังนั้น บุญขั้นทาน สำเร็จได้ ไม่ว่าผู้รับจะเป็นใครก็ตาม

ส่วนผู้รับต่างกัน ก็ทำให้ผลของบุญต่างกัน ครับ ดังนั้นเราจะต้องแยกระหว่างประเด็นที่ว่า ให้ทานกับบุคคลใดก็ได้ บุญขั้นทานสำเร็จ แต่ ผลของบุญ ก็แตกต่างตามผู้รับ คือ คุณธรรมของผู้รับ ครับ ผู้ที่รับมีคุณธรรมมาก ผลของบุญก็มาก ผู้รับมีคุณธรรมความดีน้อย ผลของบุญก็น้อยตามลงไป

ส่วน คำว่า บารมี เป็นคุณธรรมที่ทำให้ถึงการดับกิเลส แม้แต่ทาน ก็เป็นบารมี ทานใดที่ทำโดยไม่หวังผล และ เข้าใจถูกว่าเป็นไปเพื่อละสละ ขัดเกลากิเลส แม้จะให้ใครก็ตาม แม้สัตว์เดรัจฉาน ก็ชื่อว่า เป็นบุญสำเร็จแล้ว และ เป็นบุญที่เป็นบารมีด้วย คือ ทานบารมี ครับ

สรุปได้ว่า ไม่เกี่ยวกับผู้รับเลยว่า จะเป็นใคร ถึงจะเป็นบุญ ไม่ว่าให้กับใคร แต่ถ้าให้ด้วยจิตที่เป็นกุศลแล้ว ชื่อว่าบุญสำเร็จแล้ว ครับ ส่วนผู้ที่ให้ด้วยความหวังอยากได้บุญไม่ใช่บารมี เพราะ ทำด้วยความหวัง ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tookta
วันที่ 20 ก.ค. 2555

ขอขอบคุณนะคะที่ช่วยชี้แนะให้เข้าใจมากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 21 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นเมื่อกล่าวถึงคำอะไรก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องด้วยว่า คือ อะไร? แม้แต่บุญบารมีคืออะไร? พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อติดข้องต้องการ,

บุญ เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เป็นเครื่องชำระล้างมลทินคือกิเลส ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นบุญย่อมไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น สำหรับบารมี ก็ไม่พ้นจากบุญ ซึ่งเป็นการสะสมบุญของผู้ที่เข้าใจถูกเห็นถูกในหนทางที่เป็นไปเพื่อขัดเกลา ละคลายกิเลสจนกว่ากิเลสทั้งหลายทั้งปวงจะถูกดับจนหมดสิ้น

บารมี เป็นความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งคือการดับกิเลส แม้แต่การให้ทาน ก็เป็นความดีประการหนึ่งที่เป็นไปเพื่อขัดเกลา ละคลายกิเลสคือความตระหนี่ โดยไม่ใช่เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 23 ก.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ก.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ทานที่มีผลเลิศ ๑ ขณะก่อนให้ ๒ ขณะกำลังให้ ๓ ขณะให้แล้ว"

"ทุกขณะ ๑ ๒ ๓ ให้แล้วก็ไม่มีความเสียดาย"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 25 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Graabphra
วันที่ 27 ก.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.ค. 2555

ทานที่มีผลมาก ต้องประกอบด้วยผู้ให้มีคุณธรรม มีศีล ผู้รับก็มีคุณธรรมมีศีลด้วย และ ประกอบด้วย ๓ กาล คือ มีเจตนาก่อนให้ ขณะให้ หลังจากให้แล้ว จิตผ่องใส ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ