กามคุณ 5
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กามคุณ ๕ ในโลก
มีใจเป็นที่ ๖
เราประกาศแล้ว
บุคคลคลายความพอใจในกามคุณ ๕ นี้ได้แล้ว
ย่อมพ้นจากทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนี้
ควรละความพอใจ
ดูก่อนภิกษุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
ล้วนจูงใจให้กำหนัด ควรละความพอใจในสิ่งนั้นๆ เสีย
ตัณหาก็ดี ความกระหายก็ดี
ของคนพาลมีปัญญาน้อย ไม่รู้อะไร
ย่อมเจริญยิ่งขึ้นทุกที
เหมือนเขาโคย่อมเจริญขึ้นตามตัวฉะนั้น.
ไม่พึงสั่งสมกามทั้งหลาย
พึงเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย
ไม่มีความละโมบ
บุรุษผู้มีปัญญา เปรียบด้วยมหาสมุทร
ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ พึงตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า
ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
บุรุษผู้มีตัณหาเป็นเพื่อนสอง ท่องเที่ยวไปสิ้นกาลนาน ย่อมไม่ล่วงพ้นสงสาร
อันมีความเป็นอย่างนี้ และความเป็นอย่างอื่นไปได้ ภิกษุรู้โทษนี้ว่า
ตัณหาเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์
เป็นผู้มีตัณหาปราศจากไปแล้ว
ไม่ถือมั่น มีสติ พึงเว้นรอบ.
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ
ขออนุญาตเรียนสอบถามถึงนัยของ "กามคุณ ๕ ในโลก มีใจเป็นที่ ๖" ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณผู้ร่วมเดินทางครับ
ตอบคำถามคุณผู้ร่วมเดินทาง
"กามคุณ ๕ ในโลก มีใจเป็นที่ ๖" ตามความเข้าใจนะครับ ก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผ้ส
รวมเป็น ๕ แล้วครับ ใจเป็นที่ ๖ ก็คือความคิดนึกครับ
ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณคุณหมอมากครับ
แสดงให้เห็นว่า หากเป็นกามคุณ ๕ เป็นเรื่องของรูป ที่จูงใจให้เกิดความพอใจ
ส่วนทางใจเป็นที่ ๖ คือ เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ซึ่งก็จูงใจให้กำหนัดให้พอใจเช่นเดียวกับกามคุณ ๕ นั้น ก็ไม่พ้นไปจากตัณหาเช่นกัน ส่วนนี้จึงควรพิจารณาในลักษณะเช่นนี้ด้วย จะใช่หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ถ้าท่านทั้งหลายกลัวความทุกข์ ถ้าความทุกข์ไม่เป็นที่รักของท่านทั้งหลายไซร้
ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำบาปกรรมทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับเลย
ถ้าท่านทั้งหลาย จักทำหรือทำอยู่ซึ่งบาปกรรมไซร้
ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไป ก็ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์เลย"
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอและทุกๆ ท่านครับ ...
เรียนความเห็นที่ 5 ครับ
โลภะ ติดข้องได้ทุกอย่าง โลภะเป็นกิเลสกาม ที่ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่น่าพอใจ ที่เป็นวัตถุกาม และ โลภะไม่ได้ติดข้องเพียง รูปธรรมเท่านั้น ยังติดข้องแม้แต่สภาพธรรมที่เป็นนามธรรม ที่เป็น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณด้วย
เพราะฉะนั้น ควรละความพอใจ แม้ที่เกิดทางใจ มีนามธรรม เป็นต้น แต่ต้องด้วยปัญญาที่ละ โดยเริ่มจากเข้าใจความจริงที่เป้น นามธรรมที่เป็น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ครับ นี่คือ หนทางการละกิเลส ทั้งที่เป็นกามคุณ ๕ มีใจเป็นที่ ๖ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอบพระคุณอาจารย์ผเดิมมากครับ
ขออนุญาตเรียนสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ
นอกจากสังขารขันธ์ ๔ ที่เป็นทางใจแล้ว ธรรมารมณ์ ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยใช่ไหมครับ
และผมสงสัยว่า กามคุณ ท่านกล่าวว่ามี ๕ แต่ทางใจมิได้เรียกเช่นนั้น มีข้อพิจารณาในความละเอียดของอรรถที่ต่างกันนี้ด้วหรือไม่ครับ
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
ธัมมารมณ์ คือ อารมณ์ที่รู้ได้ทางใจ หมายรวมถึง บัญญัติ พระนิพพาน สุขุมรูป จิต เจตสิก เพราะฉะนั้น เมื่อกล่าวถึง กาม กามคุณ กาม หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นไปใน รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส ที่มีในชีวิตประจำวัน นำมาซึ่ง คุณ คือ ความยินดีพอใจในรูป ... สิ่งที่กระทบ ท่องเที่ยวไปในกาม ดังเช่น กามาวจรจิต
แต่ ธัมมารมณ์บางประเภทไม่เป็นกาม เช่น นิพพาน โลภะไม่ติดข้อง ครับ ทางใจ จึงไม่ได้จัดเป็นกามคุณ ๕ ตามที่กล่าวมา ครับ