ไปทางอื่น ไม่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทางอื่นคือ ทางผิด ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นหนทางที่ทำให้กิเลส อกุศลเพิ่มมากขึ้น ผู้เดินทางผิดนี้มีมากทีเดียว แสวงหาหนทางอื่น ทางปฏิบัติผิด ซึ่งไม่ใช่การแสวงหาความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงคือ หนทางที่จะทำให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ย่อมไม่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่ได้ฟังความจริง ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
ในทางตรงข้าม หนทางที่ถูกต้องคือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เป็นไปเพื่อความเห็นถูกเข้าใจถูก ซึ่งจะต้องได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว จึงได้มาฟัง มาศึกษาพิจารณาให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เป็นหนทางที่จำกัดไว้เฉพาะผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงเท่านั้น ไม่สาธารณะทั่วไปแก่ชนเหล่าอื่น จึงต้องเป็นผู้ละเอียดที่จะรู้ว่าหนทางอื่น ไปนั่งหลับตาแล้วปัญญาจะเกิดขึ้นเองนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ปัญญาเกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่เกิดจากการค่อยๆ อบรมให้มีขึ้นเพิ่มขึ้นได้จากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อความเข้าใจที่มั่นคง คงสักวันหนึ่งสภาพธรรมย่อมปรากฏตามความเป็นจริง ปรากฏแก่เฉพาะผู้ที่เดินทางถูกต้องเท่านั้น
ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา [วักกลิสูตร]
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นพบสัมมาสัมพุทธเจ้า
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
หนทางมีอยู่สองทาง ระหว่างทางถูก กับ ทางผิด ใครจะเดินไปทางไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ หนทางที่ถูกต้องมีอยู่แล้ว คือการอบรมเจริญปัญญา ถ้าไม่ดำเนินไปตามทางนั้น จะเป็นความผิดของใคร ถ้าไม่ใช่ความผิดของผู้นั้นเองจึงเป็นเรื่องที่น่าคิดพิจารณาทีเดียว ครับ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา
อาจารย์คำปั่น และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ก็ยังไม่เคยเห็นมีอาจารย์ท่านใด ทั้งสอนและชี้แนะข้อปฏิบัติจากพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ละเอียดทุกถ้อยคำในพระไตรปิฏก เท่าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
แต่ผู้ฟังส่วนใหญ่ที่ยังหนาด้วยความคิดเห็นผิดๆ ต่างหากและปัญญาก็ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติให้เห็นจริงได้ อาจจะเกิดการท้อแท้สิ้นหวัง เพราะโลภะเกิดก็ไม่สะดุ้ง โทสะเกิดก็ดี คนจะได้กลัวและถอยไปห่างๆ โมหะเกิดยิ่งดีใหญ่ เดี๋ยวไปเข้าวัดตามเทศกาลและทำบุญทำกุศลให้มากเข้าไว้ ทุกอย่างก็จะดีเองเพราะอาจจะได้ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือเมื่อตายไปก็จะได้ไปจุติในที่ที่ดีต่อไป และไม่ได้สนใจในคำสอนให้ละเอียดถี่ถ้วนเลย คนที่ไม่มีพื้นฐานในเนื้อแท้แห่งพระธรรมเลย เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด และจะเชื่อแบบยึดติด ใครจะพูดบอกชี้แนะให้ ก็ไม่ยอมฟังเสียแล้ว แยกผิดแยกถูกไม่ออก ฉะนั้น คำที่คุณเมตตานำมากล่าวอีกครั้งว่า ธรรมจำกัดไว้เฉพาะผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงเท่านั้น ไม่สาธารณะทั่วไปกับชนเหล่าอื่น ก็เป็นคำอธิบายที่ตรงดีทีเดียวค่ะ