บวชเป็นพระ แล้วปล่อยให้ตัวอ้วน น้ำหนักเกิน ผิดพระวินัยไหมครับ
//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094999
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับพระภิกษุ การฉันอาหาร ก็ควรจะอยู่ในปริมาณที่พอดี การฉันมากไป ก็เท่ากับว่า ไม่ได้พิจารณาในการฉันในขณะนั้น ที่ไม่รู้จักความพอดีกับตน ก็อาจทำให้อาบัติข้อใดข้อหนึ่งได้ ในขณะที่ฉัน ไม่ว่าจะเป็นการไม่สำรวม การฉันมากไป ซึ่ง ท่านพระสารีบุตร ท่านจะรู้จักประมาณในการฉัน โดยดื่มน้ำ ๗ คำ ก่อนอิ่ม แล้วท่านก็อิ่มเพียงพอให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ เพราะ ในการฉันอาหารนั้น ภิกษุควรพิจารณาว่า เพียงบรรเทาเวทนาเก่า และ เพื่อเพียงพอให้ชีวิตดำรงอยู่เป็นเท่านั้น เพื่อประโยชน์คือ การประพฤติพรหมจรรย์ อบรมปัญญา ไม่ใช่เพื่อเล่น หรือ เพื่อความอร่อยครับ ดังนั้น แม้แต่การบริโภคอาหาร ก็จะต้องพิจารณาด้วยปัญญา เป็นสำคัญ
เพราะการบวชเป็นพระภิกษุ ไม่ใช่เพื่ออาศัยอาหารจากชาวบ้าน เพื่อเลี้ยงชีพ แต่ต้องพิจารณาอาหารที่ผู้มีศรัทธาให้ ฉันพอควร และ อบรมปัญญา เป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุญาตเรียนสอบถามเพิ่มเติมครับเกี่ยวกับเรื่องที่ทรงอุปมา
- การฉันอาหารเสมือนสามีภรรยาผู้เดินทางกันดารกินเนื้อบุตรเพื่ออยู่รอด
- การฉันอาหารเปรียบเสมือนการหยอดน้ำมันที่ล้อเกวียนพอที่จะวิ่งต่อไปได้
- ทรงแสดงว่า หากปราชิกมีได้มากกว่า ๔ จะทรงบัญญัติเรื่อง การฉันอาหารโดยไม่สำรวม เป็นข้อที่ ๕
ข้อความข้างต้นอยู่ในบทใดของพระไตรปิฎกครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมมากครับ
พระพุทธเจ้าให้พิจารณาการบริโภคอาหาร ไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อประดับตกแต่ง ไม่ใช่เพื่อมัวเมา แต่บริโภคเพื่อให้ร่างกายดำรงชีวิตอยู่ได้ จะได้มีกำลัง มีแรงที่จะบำเพ็ญสมณธรรม
อ่านพระไตรปิฎก ปุตตมังสสูตร เล่ม ๒๖ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค และ อรรถกถา สีลขันธวรรค สามัญญผลสูตร เล่ม ๑๑ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสที่ได้สะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะสามารถดับได้อย่างหมดสิ้นในที่สุด ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดอกุศลเลย แม้เพียงเล็กน้อย
การบริโภคอาหาร ไม่ใช่เพื่อประดับตกแต่ง เพื่อความมัวเมา เป็นต้น แต่เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ เพื่อจะได้อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป ซึ่งก็หมายรวมการใช้สอยปัจจัย ๔ ทั้งหมด ทั้งเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ว่า เพื่อประโยชน์แก่การทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ เพื่ออบรมเจริญปัญญา,
สำหรับเพศบรรพชิต นั้น เป็นเพศที่จะต้องขัดเกลากิเลสเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญ คือ ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เว้นในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้าม และ ประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุญาต ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว โอกาสที่จะล่วงละเมิดพระวินัยมีโทษสำหรับตนเอง ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
- การฉันอาหารเสมือนสามีภรรยาผู้เดินทางกันดารกินเนื้อบุตรเพื่ออยู่รอด
เชิญคลิกที่นี่ครับ
การบริโภคอาหารเปรียบดั่งเนื้อของบุตร [ปุตตมังสสูตร]
- ทรงแสดงว่า หากปราชิกมีได้มากกว่า ๔ จะทรงบัญญัติเรื่อง การฉันอาหารโดยไม่สำรวมเป็นข้อที่ ๕
เชิญคลิกที่นี่ครับ
ผู้ไม่พิจารณาแล้วบริโภคอาหาร [อรรถกถาปุตตมังสสูตร]
การฉันอาหารเปรียบเสมือนการหยอดน้ำมันที่ล้อเกวียนพอที่จะวิ่งต่อไปได้
อยู่ในพระไตรปิฎก หมวดนี้ ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 189
ขออนุโมทนา ครับ