บุพพกรรมของนางปฏาจารา

 
emancipation
วันที่  2 ส.ค. 2555
หมายเลข  21505
อ่าน  6,718

อยากทราบบุพพกรรมของนางปฏาจาราฝ่ายอกุศล ที่ทำให้นางต้องสูญเสียลูก สามีและครอบครัวไปในเวลาไล่เลี่ยกันครับ ว่าในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ได้มีแสดง บุพพกรรมโดยตรงลงไปครับว่า เพราะ กรรมอะไร นางปฏาจาราจึงต้องพลัดพรากจากสามี บุตร บิดา มารดา เพราะ เขาเหล่านั้นตายจากไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่พ้นจากผลของอกุศลกรรมแน่นอน ที่ทำให้พลัดพรากจากของรัก ซึ่งในพระไตรปิฎก บางแห่งก็แสดงไว้ครับว่า การพลัดพรากจากของรัก เป็นผลของการผิดศีลข้อที่ ๓ คือ กาเมสุมิจฉาจาร ดังนั้น การพลัดพราก จึงต้องเป็นผลของอกุศลกรรมใด อกุศลกรรมหนึ่งให้ผล ครับ แต่ที่สำคัญ ที่ควรพิจารณาในเรื่องนางปฏาจารา คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงกับนางปฏาจารา ซึ่งเป็นประโยชน์มาก ดังนี้ ครับ

น้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ยังมีปริมาณน้อย ความเศร้าโศกของนรชนผู้ถูกทุกข์กระทบแล้ว น้ำของน้ำตามิใช่น้อย มีปริมาณมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ นั้นเสียอีก แม่เอย เหตุไร เจ้าจึงยังประมาทอยู่เล่า

พระองค์แสดงถึงความจริงที่ว่า สังสารวัฏฏ์ยาวนานนับประมาณไม่ได้ สัตว์โลกล้วนถูกความโศกครอบงำมานับไม่ถ้วน ควรที่จะไม่ประมาท คือ การอบรมเจริญปัญญา เป็นสำคัญ ครับ ไม่มีบุตรที่จะช่วยได้ บิดาก็ไม่ได้ แม้พวกพ้องก็ไม่ได้ เมื่อความตายมาถึงตัวแล้ว หมู่ญาติก็ช่วยไม่ได้เลย สัจจะ ธรรมะ อหิงสา สัญญมะ และทมะ มีอยู่ในผู้ใด พระอริยะทั้งหลายย่อมคบผู้นั้น นั่นเป็น อนามตธรรม ธรรมที่ไม่ตาย (นิพพาน) ในโลก.

แสดงถึงความจริงที่ว่า บุตร ญาติพี่น้องที่สำคัญว่าเป็นที่พึ่งที่แท้จริง แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ที่พึ่งได้เลย เพราะต่างก็ต้องไปตามกรรม สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่คุณงามความดีของตนนั่นแหละที่จะเป็นที่พึ่งในภพหน้า และพึ่งให้ไม่ต้องมีการเกิด เพราะได้ที่พึ่ง คือ ปัญญา จนถึงการดับกิเลส ครับ บัณฑิตรู้ใจความข้อนี้แล้ว สำรวมในศีล พึงรีบเร่งชำระทางไปพระนิพพานทีเดียว

คนที่เห็นความเกิดความเสื่อม [ของปัญจขันธ์] มีชีวิตเป็นอยู่วันเดียวยังประเสริฐกว่าคนที่ไม่เห็นความเกิดความเสื่อม ถึงจะมีชีวิตเป็นอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้ จึงเห็นประโยชน์ของการเจริญอบรมปัญญา ไม่มีตัวเราที่เร่ง แต่เพราะปัญญาที่เห็นประโยชน์จึงศึกษาพระธรรม และ เจริญกุศลเพิ่มขึ้น และ ชีวิตของผู้มีชีวิตเพียงแม้ขณะเดียวที่เห็นความจริงด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าคนที่ไม่ได้รู้ความจริงอยู่ด้วยความประมาท เพราะ แม้ชีวิตยืนยาว แต่ทำอกุศล ไม่อบรมปัญญา ก็ไม่ต่างจากคนที่ตายแล้ว ตายไปด้วยความประมาท ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
munlita
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ในพระไตรปิฎกมีแสดงไว้ เช่น นางอิสิทาสี ดูแลสามีอย่างดี สามีก็ไม่รัก ในอดีตชาติ ท่านทำให้สามีเกลียดภรรยาคนแรกที่เป็นคนดีมีศีล จนเป็นเหตุให้เลิกกัน ท่านพูดส่อเสียด ด้วยผลแห่งกรรมนั้นทำให้ท่านแต่งงานกี่ครั้ง สามีก็ต้องบอกเลิกทุกครั้ง ภายหลังท่านสลดใจและออกบวช ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ยังเป็นผู้ไม่พ้นจากทุกข์ใจ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุ คือ กิเลส เพราะยังมีกิเลส จึงยังไม่พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง เพราะยังมีกิเลสนี้เอง จึงฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง เพราะสามารถนำออกไปจากทุกข์ทั้งปวงได้จริง นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ประจักษ์แจ้งพระนิพพานถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ

นางปฏาจารา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่เคยได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีต เห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาแล้ว ถึงแม้ว่าในชาติสุดท้าย ชีวิตจะประสบกับความทุกข์ใจมากสักเพียงใด แต่เพราะอุปนิสัยที่เคยได้สะสมมา จึงทำให้ได้พบกัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังพระธรรมจากพระองค์ และได้รับประโยชน์จากพระธรรม คือ ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบัน แล้วขอบวชในพระพุทธศาสนา ในที่สุดก็สามารถบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ไม่ต้องมีภพใหม่อีกต่อไป นั่นหมายความว่าเป็นผู้พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 3 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 5 ส.ค. 2555
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แมวทไวไลท์
วันที่ 8 ส.ค. 2555

อนุโมทนาบุญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
mild
วันที่ 21 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง

"ดูก่อน น้องหญิงเธอจงยังสติกลับมาเถิด" เพียงประโยคเดียวที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัส ก็ทำให้หญิงบ้าผู้สูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักหยุด และพิจารณาตาม ยอมที่จะฟังคำสอนสั่งต่อ จึงน่าพิจารณาว่า กรรมหลากหลาย ผลของกรรมย่อมหลากหลาย ไม่เป็นที่บังคับบัญชา แต่สภาพธรรมมะให้ผลแล้วย่อมดับไปตามสมควรแก่เหตุ และการที่นางได้พบท่านผู้รู้ก็เพราะกุศลที่สะสมมาโดยแท้

ขออนุโมทนาและกราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 28 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ