เจริญสติเพียงหนึ่งขณะจิตตัดภพชาติได้7ชาติจริงหรือ

 
yoonsri
วันที่  3 ส.ค. 2555
หมายเลข  21507
อ่าน  2,869

การเจริญสติจนเห็นการเกิดดับของรูปนามเพียงขณะจิตเดียวสามารถตัดภพชาติได้ ๗ ชาติจริงหรือไม่อย่างไรครับ กระผมขอเรียนถามท่านอาจารย์ผู้รู้ด้วยความเคารพครับ

ขออนุโมทนาบุญ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะตัดภพชาติ อย่างมากที่สุดเพียง ๗ ชาติไม่เกิดอีก คือ เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ครับ ซึ่งกว่าจะถึงความเป็นพระโสดาบันนั้น จะต้องอบรมปัญญาอย่างยาวนาน และเจริญสติปัฏฐาน อย่างมากมายนับไม่ถ้วน คือ นับขณะจิตที่เจริญสติปัฏฐาน รู้ความจริงในขณะนี้ นับขณะจิตไม่ได้ และ เมื่อเจริญสติปัฏฐานแล้ว ก็ต้องผ่านการเจริญวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ อีกหลายขั้น ๑๖ ขั้น จึงจะถึงความเป็นพระโสดาบัน เกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ ครับ

จะเห็นนะครับว่า ไม่ใช่เพียงการเจริญสติปัฏฐานเพียงขณะเดียว หรือ ไม่ใช่เพียงเห็นการเกิดดับของนาม รูป ที่เป็นเพียงวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ จะถึงความเป็นพระโสดาบันได้

ดังนั้น การเจริญสติปัฏฐานเพียงขณะเดียว และเห็นการเกิดดับของนามรูป จะทำให้ถึงการเกิดไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอบรมปัญญาต่อไปอีกมามาย เมื่อถึงความเป็นพระโสดาบัน ย่อมเป็นเครื่องรับรองแน่นอนว่า จะไม่เกิดเกิน ๗ ชาติ ครับ

ส่วน ในสมัยพุทธกาล บางครั้งเราอาจได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เมื่อประจักษ์สภาพธรรมในขณะนี้ เพียงสภาพธรรมใด สภาพธรรมหนึ่ง หรือ เห็นการเกิดดับ ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน เกิดไม่เกินอีก ๗ ชาติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสโดยนัยพระสูตร ไม่ได้ตรัสโดยนัยอภิธรรม ที่เป็นแต่ละขณะจิต โดยละเอียด เพราะ พระองค์กล่าวโดยนัยพระสูตร โดยรวมครับ เพราะไม่ใช่เพียงเห็นการเกิดดับเท่านั้น แต่จะต้องมีวิปัสสนาญาณเกิดต่อ ในขณะที่เห็นการเกิดดับ ที่เป็นวิปัสสนาญาน ขั้นที่ ๕ มีการเห็นโทษ เห็นภัยและต่อไปเรื่อยจนถึงขั้นที่ ๑๖ และ ถึงมรรคจิต ผลจิต และได้ถึงความเป็นพระโสดาบัน ครับ

เพราะฉะนั้น ขณะที่ มรรคจิตเกิด สามารถดับกิเลส ได้ เพียงขณะจิตเดียว ถึงความเป็นพระโสดาบันได้ แต่ กว่าจะถึงมรรคจิต ก็ต้องอบรมปัญญา เกิดสติปัฏฐานนับขณะจิตไม่ถ้วน และเกิดวิปัสสนาญาณมาหลายขั้นมากๆ แล้วครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นนั้น เป็นเรื่องที่ยาวไกลมาก ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการสะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งจะปราศจากปัญญาไม่ได้เลยทีเดียว และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาแล้ว จึงทำให้ได้ฟังได้ศึกษาอบรมเจริญปัญญาต่อไป ไม่ใช่ว่าฟังพระธรรมแล้วจะให้ปัญญาเจริญขึ้นมากๆ ในทันทีทันใดทำให้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลเลย ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ จนกว่าปัญญาจะถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมในที่สุด

จึงสำคัญอยู่ที่เหตุ คือ การอบรมเจริญปัญญา เพราะในที่สุดแล้ว ผลสูงสุดของการอบรมเจริญปัญญา ก็คือ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสที่สะสมมาอย่างมากมายและยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จะดับได้ก็ด้วยปัญญา ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
munlita
วันที่ 10 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ