เจริญสติเพียงหนึ่งขณะจิตตัดภพชาติได้7ชาติจริงหรือ
การเจริญสติจนเห็นการเกิดดับของรูปนามเพียงขณะจิตเดียวสามารถตัดภพชาติได้ ๗ ชาติจริงหรือไม่อย่างไรครับ กระผมขอเรียนถามท่านอาจารย์ผู้รู้ด้วยความเคารพครับ
ขออนุโมทนาบุญ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การจะตัดภพชาติ อย่างมากที่สุดเพียง ๗ ชาติไม่เกิดอีก คือ เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ครับ ซึ่งกว่าจะถึงความเป็นพระโสดาบันนั้น จะต้องอบรมปัญญาอย่างยาวนาน และเจริญสติปัฏฐาน อย่างมากมายนับไม่ถ้วน คือ นับขณะจิตที่เจริญสติปัฏฐาน รู้ความจริงในขณะนี้ นับขณะจิตไม่ได้ และ เมื่อเจริญสติปัฏฐานแล้ว ก็ต้องผ่านการเจริญวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ อีกหลายขั้น ๑๖ ขั้น จึงจะถึงความเป็นพระโสดาบัน เกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ ครับ
จะเห็นนะครับว่า ไม่ใช่เพียงการเจริญสติปัฏฐานเพียงขณะเดียว หรือ ไม่ใช่เพียงเห็นการเกิดดับของนาม รูป ที่เป็นเพียงวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ จะถึงความเป็นพระโสดาบันได้
ดังนั้น การเจริญสติปัฏฐานเพียงขณะเดียว และเห็นการเกิดดับของนามรูป จะทำให้ถึงการเกิดไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอบรมปัญญาต่อไปอีกมามาย เมื่อถึงความเป็นพระโสดาบัน ย่อมเป็นเครื่องรับรองแน่นอนว่า จะไม่เกิดเกิน ๗ ชาติ ครับ
ส่วน ในสมัยพุทธกาล บางครั้งเราอาจได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เมื่อประจักษ์สภาพธรรมในขณะนี้ เพียงสภาพธรรมใด สภาพธรรมหนึ่ง หรือ เห็นการเกิดดับ ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน เกิดไม่เกินอีก ๗ ชาติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสโดยนัยพระสูตร ไม่ได้ตรัสโดยนัยอภิธรรม ที่เป็นแต่ละขณะจิต โดยละเอียด เพราะ พระองค์กล่าวโดยนัยพระสูตร โดยรวมครับ เพราะไม่ใช่เพียงเห็นการเกิดดับเท่านั้น แต่จะต้องมีวิปัสสนาญาณเกิดต่อ ในขณะที่เห็นการเกิดดับ ที่เป็นวิปัสสนาญาน ขั้นที่ ๕ มีการเห็นโทษ เห็นภัยและต่อไปเรื่อยจนถึงขั้นที่ ๑๖ และ ถึงมรรคจิต ผลจิต และได้ถึงความเป็นพระโสดาบัน ครับ
เพราะฉะนั้น ขณะที่ มรรคจิตเกิด สามารถดับกิเลส ได้ เพียงขณะจิตเดียว ถึงความเป็นพระโสดาบันได้ แต่ กว่าจะถึงมรรคจิต ก็ต้องอบรมปัญญา เกิดสติปัฏฐานนับขณะจิตไม่ถ้วน และเกิดวิปัสสนาญาณมาหลายขั้นมากๆ แล้วครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นนั้น เป็นเรื่องที่ยาวไกลมาก ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการสะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งจะปราศจากปัญญาไม่ได้เลยทีเดียว และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาแล้ว จึงทำให้ได้ฟังได้ศึกษาอบรมเจริญปัญญาต่อไป ไม่ใช่ว่าฟังพระธรรมแล้วจะให้ปัญญาเจริญขึ้นมากๆ ในทันทีทันใดทำให้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลเลย ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ จนกว่าปัญญาจะถึงความเจริญสมบูรณ์พร้อมในที่สุด
จึงสำคัญอยู่ที่เหตุ คือ การอบรมเจริญปัญญา เพราะในที่สุดแล้ว ผลสูงสุดของการอบรมเจริญปัญญา ก็คือ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสที่สะสมมาอย่างมากมายและยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จะดับได้ก็ด้วยปัญญา ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...