สติ

 
yuta
วันที่  4 ส.ค. 2555
หมายเลข  21511
อ่าน  1,276

สติมีกี่ชนิดครับท่านทั้งหลายช่วยตอบให้หายความสงสัยด้วยครับ

ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สติ ตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นเจตสิก สติ เป็นเจตสิกฝ่ายดี คือเกิดกับจิตที่ดีงาม ไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย สติ ทำหน้าที่ระลึกเป็นไปในทางที่ดี และ สติเป็นธรรมที่เป็นเครื่องกั้นกระแสกิเลส

สติ มีหลายอย่าง หลายชนิด แต่ สติ ก็ต้องกลับมาที่ สติ เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ครับ

สติ แบ่งตามระดับของกุศลจิต เพราะ เมื่อใด กุศลจิตเกิด สติจะต้องเกิดร่วมด้วย กุศลจิต มี ๔ ขั้น คือ ขั้นทาน ศีล สมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา

สติจึงมี ๔ ขั้น คือ สติ ที่ระลึกเป็นไปในทาน สติ ที่ระลึกไปในศีล สติ ที่ระลึกเป็นไปในสมถภาวนา และ สติ ที่ระลึกเป็นไปในวิปัสสนาภาวนา

สติขั้นทาน คือ เมื่อสติเกิดย่อมระลึกที่จะให้

สติขั้นศีล คือ ระลึกที่จะไม่ทำบาป งดเว้นจากการฆ่าสัตว์

สติขั้นสมถภาวนา เช่น ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า และ

สติขั้นวิปัสสนา คือ สติที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ เกิดพร้อมปัญญารู้ความจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ดังนั้น สติ จึงเป็นสภาพธรรม ที่ระลึกเป็นไปในกุศลทั้งหลาย และ ขณะใดที่สติเกิด ขณะนั้น อกุศลไม่เกิด เพราะ กั้นกระแสกิเลสในขณะนั้น

ขอเพิ่มเติมความละเอียดของสติดังนี้ ครับ

โดยมาก คนไทย นำภาษาบาลีมาใช้ โดยไม่ตรงกับความหมายของภาษาบาลี และไม่ตรงกับความหมายของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ อย่างเช่น คำว่า สติ

สติ ในภาษาไทย ก็เข้าใจกันว่า ทำอะไร ก็รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เดินก็รู้ว่าเดินอยู่ ซื้อของก็ให้มีสติ น้ำท่วมก็ให้มีสติ สรปุว่า คนไทยที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม เข้าใจว่า สติ คือรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ชื่อว่า มี สติ

ความหมายสตินี้ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ

สติ ที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ

สติ เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี เป็นเจตสิกเกิดกับจิตที่ดีเท่านั้น ไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย ดังนั้น ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้น ไม่มีสติ ขณะใดที่เป็นกุศล ไม่ว่าระดับใด ขณะนั้นมีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วยครับ

สติ ทำหน้าที่ระลึก และกั้นกระแสกิเลสที่เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้นในขณะที่สติเกิดครับ

ดังนั้นต้องเป็นกุศล จึงจะมีสติ และขณะที่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในขณะนั้น รู้ว่าเดินอยู่ นั่งอยู่ แต่ จิตไม่ได้เป็นไปในในทาน ศีล ภาวนา ไม่เป็นกุศล หรือ เพียงรู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่ใช่สติ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญอยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และมีความเข้าใจไปตามลำดับ

จะเห็นได้ว่า พระธรรม เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว การที่จะเข้าใจมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผู้ศึกษาว่าจะมีความเพียร มีความอดทนมีความจริงใจที่จะฟัง ที่จะศึกษามากน้อยแค่ไหน เพราะธรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าใจ เมื่อเป็นธรรมแล้ว ก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แม้แต่สติก็เช่นเดียวกัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดร่วมกับจิตที่ดีงามทุกประเภท จะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิตเลย นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้

ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไปนั้นจะไม่ปราศจากสติเลย สติจึงเกิดร่วมกับกุศลจิตทุกระดับขั้นตั้งแต่ขั้นต้น จนถึงกุศลขั้นสูงสุด คือ โลกุตตรกุศลที่สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
daris
วันที่ 4 ส.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
munlita
วันที่ 6 ส.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 7 ส.ค. 2555

ขณะที่สติเกิดเป็นเครื่องกั้นอกุศลธรรมทั้งหลาย ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ