พระปาราชิกแล้วสามารถเข้าขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิได้หรือไม่

 
citrus
วันที่  5 ส.ค. 2555
หมายเลข  21516
อ่าน  2,621

๑. อยากทราบว่าพระที่ปาราชิกแล้ว สามารถเจริญฌาน หรือวิปัสสนาญาณ ในขั้นต้นได้หรือไม่เพราะเหตุใด บางแห่งกล่าวว่า ตั้งแต่อุทยัพยญาณ จะไม่เกิดขึ้น

๒. มีพระรูปหนึ่งแสร้งนึกมโนภาพขึ้นมาว่าเห็นผี แล้วบอกกับโยมว่าฉันเห็นผีที่มารังควาน แล้วบอกวิธีแก้ เพื่อหวังลาภสักการะ เพื่อนำไปซื้อของใช้แพงๆ ส่งประกัน เก็บในธนาคาร แต่โยมก็ทำตาม สบายใจหายเจ็บไข้ อย่างนี้ปาราชิกหรือไม่

๓. ถ้าพระรูปนี้ร่วมสังฆกรรม โดยที่รูปอื่นก็รู้ว่าเป็นอย่างนี้ จะมีอาบัติต่อพระรูปอื่นๆ ไหม

๔. ควรทำอย่างไรกับพระรูปนี้ดี ถ้าปาราชิก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. อยากทราบว่าพระที่ปาราชิกแล้ว สามารถเจริญฌาน หรือวิปัสสนาญาณ ในขั้นต้นได้หรือไม่เพราะเหตุใด บางแห่งกล่าวว่า ตั้งแต่อุทยัพยญาณ จะไม่เกิดขึ้น

- หากถึงความเป็นปาราชิกแล้ว และ ยังดำรงตนดังเช่นพระภิกษุ กุศลประการต่างๆ ย่อมไม่เจริญ และ ย่อมกั้นกุศลที่สูงๆ ด้วย ดังนั้น แม้อาบัติที่ไม่ใช่ข้อปาราชิก หากไม่ได้ปลงอาบัติ ยังเป็นเครื่องกั้นสวรรค์และกุศลขั้นสูงได้ ไม่ต้องกล่าวถึง ผู้ที่ปาราชิกแล้ว ก็ไม่มีทาง แม้แต่กุศลขึ้น อุปจารสมาธิที่เป็นสมถภาวนา ก็ไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงวิปัสสนาญาณ ก็ไม่มีทางได้ เพราะ เครื่องกั้น คือ ปาราชิกเกิดขึ้นแล้ว ครับ


๒. มีพระรูปหนึ่งแสร้งนึกมโนภาพขึ้นมาว่าเห็นผี แล้วบอกกับโยมว่าฉันเห็นผีที่มารังควาน แล้วบอกวิธีแก้ เพื่อหวังลาภสักการะ เพื่อนำไปซื้อของใช้แพงๆ ส่งประกัน เก็บในธนาคาร แต่โยมก็ทำตาม สบายใจหายเจ็บไข้ อย่างนี้ปาราชิกหรือไม่

- ต้องเป็นการอวดอุตตริมนุษธรรมที่เป็น ฌาน และ วิปัสสนา เป็นสำคัญ ครับ เช่น บอกว่าตนได้ฌาน ได้ วิปัสสนาญาณ บรรลุธรรม อันนี้อาบัติปาราชิก หรือ แม้กล่าวว่าเห็นผี ด้วยการกล่าวว่า ด้วยตนมีสมาบัติ มีฌาน มีฤทธิ์ที่สามารถเห็นผี ทั้งที่ตนไม่ได้ฌาน ไม่มีฤทธิ์ เป็นปาราชิก ครับ


๓. ถ้าพระรูปนี้ร่วมสังฆกรรม โดยที่รูปอื่นก็รู้ว่าเป็นอย่างนี้ จะมีอาบัติต่อพระรูปอื่นๆ ไหม

- ถ้ารู้ต้องปฏิเสธ ไม่ทำสังฆกรรม ถ้าทำ ภิกษุรูปอื่นต้องอาบัติ ครับ


๔. ควรทำอย่างไรกับพระรูปนี้ดี ถ้าปาราชิก

- ควรจะไต่สวน สอบสวน และ ถ้าเป็นจริง จึงไม่ยอมร่วมทำสังฆกรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญที่สุด คือ การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุญาต และไม่ประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ความเดือดร้อนใจในภายหลังที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะไม่ได้คล้อยตามพระพุทธพจน์ เมื่อต้องอาบัติแล้ว เมื่อยังไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้องตามพระวินัย ย่อมเป็นเครื่องกั้นการบรรลุมรรคผล อีกทั้งยังกั้นการไปสู่สุคติภูมิ ด้วย หมายความว่าถ้าหากมรณภาพลงในขณะที่ยังมีอาบัติอยู่ ย่อมเป็นผู้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเท่านั้น แต่ถ้าได้สำรวมตามสิกขาบทต่างๆ ที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ การต้องอาบัติน้อยใหญ่ก็จะไม่เกิดขึ้น และจะไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนใจในภายหลังเลย ครับ

...ขอบพระคุณ อ. ผเดิม และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 9 ส.ค. 2555

ถ้าพระปาราชิกแล้วไม่สึกออกมา ก็เป็นเครื่องกั้นสวรรค์ และ มรรค ผล นิพพาน ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ