ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๕๐

 
khampan.a
วันที่  5 ส.ค. 2555
หมายเลข  21518
อ่าน  1,872

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ หมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐]

- พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มีมากในพระไตรปิฎก ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของ แต่ละบุคคลที่จะค่อยๆ พิจารณาเห็นโทษของอกุศล แล้วก็เห็นประโยชน์ของกุศล

- ถ้าไม่อาศัยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ย่อมไม่มีทางใดเลยที่สัตว์โลกจะ พ้นจากความมืดบอดของอวิชชา กล่าวคือ เกิดมาก็ไม่รู้ความจริงแล้วก็ตายไป โดยที่ไม่ได้ฟังพระธรรม

- มีกิเลสมาก ถ้ายังไม่เห็นว่า กิเลสที่มีเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ก็พอกพูนและแสวง หากิเลสนั้นๆ เพิ่มขึ้น

- เมื่อเห็นความไม่ดีของคนอื่น ก็ควรคิดว่าแม้เราเองก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่เขา เราก็มี ในเมื่อเราก็มีด้วย ทำไมรังเกียจแต่อกุศลของคนอื่น แต่ไม่รังเกียจอกุศลของเรา ซึ่ง การที่จะรังเกียจอกุศลคนอื่น ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเราเลย แต่การที่ย้อนกลับมาว่า อกุศลที่คนอื่นมีนั้น เราก็มี และเราเท่านั้นผู้เดียวที่จะเพียรขัดเกลาอกุศลของเราได้ เราไม่สามารถที่จะไปขัดเกลาอกุศลของคนอื่นได้เลย

- พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นสัจธรรม เป็นของจริงที่พิสูจน์ได้ แม้แต่กิเลสของตน เอง ก็เป็นแต่เพียงสภาพธรรมซึ่งเหมือนๆ กัน เช่น ความพอใจยินดี ซึ่งเป็นโลภะ ไม่ว่า จะเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ ชาติศาสนาใดๆ โลภะก็คือโลภะเหมือนกัน ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น

- เพียงฟังพระธรรมนิดๆ หน่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เพียงพอที่จะไปต่อต้านกับอกุศล ซึ่งสะสมมาพอกพูนหนาแน่น เพียงเห็น ก็เกิดโลภะบ้าง หรือโทสะบ้าง ได้ยินเสียงที่ พอใจก็ต้องเกิดโลภะ ถ้าเป็นเสียงที่ไม่พอใจ ก็ต้องเกิดโทสะ ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ต้องถูกกิเลสครอบงำ จนกว่าปัญญา ความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน จะค่อยๆ เจริญขึ้นจริงๆ

- การรู้จักตัวเองว่า มีอกุศลประเภทใดมากน้อยเท่าไร ดีกว่าการที่จะเป็นผู้ฉลาด ที่จะรู้จักอกุศลของคนอื่น เพราะเหตุว่าขณะที่กำลังรู้จักอกุศลของคนอื่น ต้องไม่ลืมที่ จะพิจารณาจิตด้วยว่า ขณะนั้นเกิดเมตตาหรือว่าเกิดอกุศล ในขณะที่เห็นอกุศลของคนอื่น ถ้าจะเป็นผู้ที่ขาดทุน ก็คือ เมื่อเห็นอกุศลของคนอื่น แล้วตนเองเกิดอกุศล แต่ถ้าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็คือ เมื่อเห็นอกุศลของคนอื่นแล้ว ก็เกิดเมตตา เพราะเหตุว่าแม้ตนเองก็มีอกุศลอย่างนั้นเหมือนกัน

- แม้แต่เพียงคำว่า "ไม่ใช่ตัวตน" หรือ "อนัตตา" คำเดียว ก็ประมาทไม่ได้เลย ทั้ง ๓ ปิฎก แสดงความเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย และไม่ใช่สภาพธรรมที่จะพึงยึดถือว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลด้วย

- เมื่อกล่าวถึงคำว่า “ธรรม” แสดงว่าไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่สภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เช่น การเห็น เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง การได้ยิน เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น

- สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คำใดที่ตรัสแล้วไม่เปลี่ยน เห็นต้อง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้ยินต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สติต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุ ปัจจัย สุขต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ทุกข์ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิดตามความพอใจได้ แต่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเฉพาะของสภาพธรรมนั้นๆ

- ตลอดชีวิต ความเข้าใจพระธรรม ประเสริฐที่สุด

- หนทางอื่น (ความเห็นผิด) ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้เข้าใจความจริง ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า ขณะนี้เป็นธรรม

- ฟังพระธรรมต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจว่า ขณะนี้เป็นธรรม แทนที่จะคิดถึงเรื่องอื่น ก็กลับมาคิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง

- ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูก ตรงตามความเป็นจริง เพราะไม่หลงผิด

- การฟังพระธรรม ไม่ใช่เพียงวันนี้ ชาตินี้ แต่ต้องสะสมต่อไปอีก

- ถ้าไม่เคยฟังพระธรรมมาก่อนเลย จะเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ได้ อย่างไร

- ที่มีโอกาสได้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ก็เพราะมีการฟังพระธรรม

- ได้รับบาดเจ็บ ใครทำให้ ไม่มีเลย นอกจากเหตุ คือ อกุศลกรรมที่ตนเองได้ กระทำไว้แล้วเท่านั้นถึงคราวให้ผล

- โกรธตอบคนที่กระทำไม่ดี แล้วกระทำสิ่งที่ไม่ดีตอบ นั่นเป็นการสะสมเหตุที่ ไม่ดี เป็นการสร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดีให้กับตนเอง

- ทุกคนไม่ควรลืมที่จะขัดเกลากิเลสของตนเอง

- โอกาสที่จะฟังพระธรรมในชาตินี้ เหลือไม่มาก

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๔๙ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nong
วันที่ 5 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 5 ส.ค. 2555

- พระธรรมที่ทรงแสดงไว้มีมากในพระไตรปิฎก ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของ แต่ละบุคคลที่จะค่อยๆ พิจารณาเห็นโทษของอกุศล แล้วก็เห็นประโยชน์ของกุศล

- การฟังพระธรรม ไม่ใช่เพียงวันนี้ ชาตินี้ แต่ต้องสะสมต่อไปอีก

- โอกาสที่จะฟังพระธรรมในชาตินี้ เหลือไม่มาก

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Noparat
วันที่ 5 ส.ค. 2555

ตลอดชีวิต ความเข้าใจพระธรรม ประเสริฐที่สุด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรมด้วย ครับ

- เราควรเข้าใจ ชีวิตประจำวันของเราจริงๆ เราควรดำเนินชีวิตตามปกติ เพื่อที่จะ ได้เห็น อัธยาศัย และ กิเลส ของเรา เราควรเห็น โลภะ และ โทสะ ของเรา ที่เกิดขึ้น ตามธรรมชาติ เราสนุกสนาน และ มีความสุขกับสิ่งที่เราชอบได้แต่ก็สามารถที่จะ เข้าใจสภาพธรรมในชีวิตประจำวันของเราได้มากยิ่งขึ้น ความเข้าใจสภาพธรรมที่ เกิดขึ้น ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวันจะเป็นปัจจัย ที่ทำให้เรา เข้าใจ ถึงลักษณะของ โลภะ โทสะ เมตตา ความสุข และ ความทุกข์ ฯลฯ ที่เกิดขึ้น ตามปกติ ตามความป็นจริง ในชีวิตประจำวัน ได้มากขึ้น ผู้มีปัญญาจะมีชีวิตที่เป็นสุข พร้อมทั้งมี การเข้าใจสภาพธรรมตามปกติ ตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวันด้วย

- ปัญญา ซึ่งรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงเป็นปัจจัยที่ทำให้ ละคลายโมหะ ความ ไม่รู้ และ ความเห็นผิด การรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงจะทำให้ ละคลายการยึดถือ ในสภาพธรรมทั้งหลายซึ่งจะทำให้ เป็นอิสระ มากขึ้น

- การที่จะเป็นคนดีนั้น ต้องอบรมเจริญกุศล อบรมตนเอง เช่น ถ้าอยากทำอาหารเก่ง ก็ต้องหัดทำบ่อยๆ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะเป็นแม่ครัวที่มีฝีมือ

- ควรอ่านพระธรรม และ พิจารณาให้เข้าใจพระธรรมที่ได้อ่าน และควรคบหากับผู้ที่ สามารถอธิบายให้เราเข้าใจสภาพธรรมได้ เพื่อการอบรมเจริญปัญญา เพื่อ รู้ สภาพ ธรรม ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน

- ที่พึ่งจริงๆ ตั้งแต่เกิดมา จนกระทั่งเติบโต สิ่งที่เป็นคิดว่าเป็นที่พึง เช่น วงศาคณา ญาติ อาชีพต่างๆ ความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เมื่อเกิดขึ้น ก็หมดไปทั้งนั้น แล้วพึ่งได้ไหมคะ.? เมื่อเปรียบกับ ความเข้าใจพระธรรม ขณะที่กำลัง เข้าใจพระธรรม (ที่ได้ศึกษา ไม่ว่าจะฟัง อ่าน สนทนา ฯ) ขณะนั้นกำลัง มีพระธรรมเป็น ที่พึ่ง เพราะว่า ขณะนั้นจิต ปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ ในขณะที่กำลังเข้าใจจริงๆ ว่า ไม่มีอะไรเลย ทั้งหมดว่างเปล่าเพราะทั้งหมด เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไปหมด เมื่อดับหมด สิ่งที่คิดว่ามี ก็ไม่มีอีกต่อไป ถ้ามีความเข้าใจพระธรรม อย่างนี้ หมายความว่า จิตขณะนั้น ปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ ขณะจิตนั้นเป็นที่พึ่งได้ไหม เป็นที่พึ่งได้ไหม ทั้งในขณะจิตนั้นเอง ขณะต่อๆ ไป จนกระทั่งถึงชาติต่อๆ ไปด้วย ในทางตรงกันข้าม ขณะที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ปรากฏแล้วเกิดความติดข้อง จิตขณะนั้นเป็นที่พึ่ง ที่จะไม่ให้มีความติดข้อง ได้ไหม ไม่ได้เลย หรือ เมื่อสิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ จิตขณะนั้นเป็นที่พึ่ง ที่จะไม่ให้โกรธ ได้ไหม ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ที่พึ่งที่แท้จริง คือ ปัญญา หรือ ความเห็นถูก ขณะใด จิตประกอบด้วยปัญญา ความเห็นถูก ขณะนั้น ไม่มีอกุศลใดๆ เกิดขึ้นได้เลยและถ้ามีปัญญามากขึ้นจนกระทั่งสามารถ ดับอกุศลทั้งหมดที่สะสมมา โดยไม่เหลือเลยและ อกุศลใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้อีกเลย อย่างนี้เป็นที่พึ่งที่แท้จริง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 5 ส.ค. 2555

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ.คำปั่น, อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เข้าใจ
วันที่ 5 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระธรรมคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้าพระองค์นั้น

กราบขอบพระคุณอ. คำปั่น, อ. ผเดิม ผู้แบ่งปันอย่างมากๆ ครับ

กราบอนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kinder
วันที่ 5 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
munlita
วันที่ 6 ส.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Thanapolb
วันที่ 6 ส.ค. 2555

- โอกาสที่จะฟังพระธรรมในชาตินี้ เหลือไม่มาก

- ฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ.คำปั่น และทุกท่านครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นและทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
rrebs10576
วันที่ 6 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wanipa
วันที่ 8 ส.ค. 2555
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Pailinsri
วันที่ 8 ส.ค. 2555

อนุโมทนาสาธุ และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์และอาจารย์วิทยากรทุกๆ ท่าน ที่ได้ร่วมกันนำข้อธรรมของพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ มาอธิบายด้วยคำที่ง่าย ทำให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น และบ่อยครั้งที่ช่วยเตือนสติที่กำลังหลงเพลิดเพลินไป ให้รู้ตัวขึ้น

ขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น ที่ได้บันทึก "ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม" ทำให้สามารถย้อนมาอ่าน ทบทวนได้ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสไปร่วมการฟังบรรยายสด แม้จะคอย ติดตามทางหน้าเว็บ และรายการทีวี บ่อยครั้งก็ยังพลาดโอกาสไป แต่ก็ได้อาศัยบันทึก ธรรมนี้มาติดตามทบทวนในภายหลัง

กราบขอบพระคุณอย่างสูงทุกๆ ท่านมา ณ ที่นี้ ค่ะ_/__/_/_

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
aurasa
วันที่ 9 ส.ค. 2555

โอกาสที่จะฟังพระธรรมในชาตินี้ เหลือไม่มาก

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
boonpoj
วันที่ 8 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
nopwong
วันที่ 10 เม.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Pailinsri
วันที่ 25 เม.ย. 2556

กราบขอบพระคุณท่านผู้บรรยายธรรม และคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.คำปั่นที่ช่วยสรุปบันทึกคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ ให้สามารถมาอ่านทบทวนข้อธรรมได้ง่ายขึ้น

อนุโมทนาสาธุในกุศลจิต ความเมตตานี้ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ และขออนุญาตนำข้อธรรมบางส่วนไปแบ่งปันกับญาติมิตรด้วยค่ะ_/!_

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
kullawat
วันที่ 9 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chatchai.k
วันที่ 19 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
มังกรทอง
วันที่ 22 ธ.ค. 2564

เมื่อเห็นความไม่ดีของคนอื่น ก็ควรคิดว่าแม้เราเองก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่เขา เราก็มี ในเมื่อเราก็มีด้วย ทำไมรังเกียจแต่อกุศลของคนอื่น แต่ไม่รังเกียจอกุศลของเรา ซึ่ง การที่จะรังเกียจอกุศลคนอื่น ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเราเลย แต่การที่ย้อนกลับมาว่า อกุศลที่คนอื่นมีนั้น เราก็มี และเราเท่านั้นผู้เดียวที่จะเพียรขัดเกลาอกุศลของเราได้ เราไม่สามารถที่จะไปขัดเกลาอกุศลของคนอื่นได้เลย น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ