ผู้ป่วยทานยาฆ่าเชื้อผิดศีลข้อหนึ่งหรือไม่ อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องพิจารณา ในศีลข้อที่ หนึ่ง ที่เป็นปาณาติบาต ว่างมีองค์ประกอบอะไรบ้าง จึงจะเป็นปาณาติบาต ครับ
องค์ของปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) มี ๕ ประการ คือ
๑. สิ่งมีชีวิต
๒. รู้ว่า เป็นสิ่งมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่า
๔. มีความพยายามฆ่า
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
จะเห็นนะครับว่า จะต้องเป็นสัตว์ที่มีชีวิต ซึ่งในพระพุทธศาสนา สัตว์ที่มีชีวิต คือ เกิดจากกรรมเป็นปัจจัย และ มีจิต เจตสิกเกิดขึ้น ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครับ
สัตว์มีชีวิต ไม่ได้ตัดสินที่เคลื่อนไหวได้ หรือ เคลื่อนไหวไม่ได้ สำหรับในทางวิทยาศาสตร์จัดจุลินทรีย์ เชื้อโรคเป็นสิ่งมีชีวิต จุลินทรีย์บางชนิดเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จุลินทรีย์ส่วนใหญ่ เช่น แบคทีเรีย โปรโตซัว รา ยีสต์ และไวรัส ไม่จัดเป็นสัตว์
สำหรับพืช หรือ ต้นไม้ นักวิทยาศาสตร์ก็จัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
ในทางพระพุทธศาสนา สัตว์มีทั้งรูปและนาม คือ มีใจครอง สิ่งอื่นๆ นอกจากสัตว์แล้ว ไม่มีใจครอง มีแต่รูป ซึ่งเกิดจากอุตุเป็นสมุฏฐาน ไม่ได้เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ไวรัส แบคทีเรีย จึงไม่จัดเป็นสิ่งมีชีวิต ครับ
ดังนั้นการทานยาฆ่าเชื้อ ด้วยเจตนารักษาโรคที่เกิดขึ้นกับตนเอง ก็เท่ากับว่า ขณะนั้นก็ไม่มีเจตนาฆ่าอยู่แล้ว เพราะ เจตนารักษาโรคตนเอง ก็ไม่เป็นปาณาติบาต เพราะไม่มีเจตนาฆ่า และ แม้มีเจตนาที่จะฆ่าไวรัส เชื้อโรค แต่ เชื้อโรคที่เป็นไวรัส แบคทีเรีย ก็ไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิต แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากอุตุเป็นปัจจัย ที่เป็นรูปธรรม จึงไม่จัดเป็นปาณาติบาต ไม่ผิดศีลข้อที่ ๑ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำคัญที่ความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า สิ่งมีชีวิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่เกิดจากกรรม มีความเกิดขึ้นเป็นไปของรูปธรรมและนามธรรม กล่าวคือ จิต เจตสิก และ รูป ส่วนเชื้อโรค หรือ ไวรัสต่างๆ นั้น ไม่มีจิต ไม่มีเจตสิก
การทำลายสิ่งเหล่านี้ จึงไม่ชื่อว่าเป็นการฆ่าสัตว์ในความหมายของสัตว์ เพราะสัตว์ที่พระพุทธองค์ทรงหมายถึงนั้น ต้องเป็นสัตว์มีชีวิตที่เกิดจากกรรม มีจิต มีเจตสิก และรูป
ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ครับ
...ขอบพระคุณ อ. ผเดิม และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...