เตรียมตัวไปโปแลนด์

 
kanchana.c
วันที่  3 ก.ย. 2555
หมายเลข  21658
อ่าน  2,167

อีกอาทิตย์หนึ่งก็ถึงวันเดินทางไปโปแลนด์แล้ว เป็นการเดินทางที่ไม่ได้รู้ล่วงหน้า นานๆ เหมือนการเดินทางไปต่างประเทศครั้งอื่นๆ เช่น อินเดีย ที่รู้ล่วงหน้าเป็นปีว่าจะไป เมื่อคราวเดินทางไปสนทนาธรรมที่วังน้ำเขียวประมาณเดือน มิ.ย. 55 นั้น ได้ยินท่าน อาจารย์พูดถึงการเดินทางไปสนทนาธรรมที่อังกฤษและโปแลนด์ เพราะคุณลูคัส (Lukas) ชาวโปแลนด์เรียนเชิญท่านอาจารย์ไปให้ความรู้ เมื่อได้ยินเรื่องเดินทาง ก็รีบ เรียนท่านอาจารย์ว่า ครั้งก่อนๆ ท่านอาจารย์เดินทางไปสนทนาธรรมต่างประเทศไกลๆ ไม่มีโอกาสร่วมเดินทางด้วย ตอนนี้พร้อมทุกอย่างแล้ว ขอหนูไปด้วยค่ะ และต่อจากนั้นก็ ฟันฝ่าอุปสรรค (ของตัวเอง) ต่างๆ จนได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย แต่ในที่สุดก็เดินทาง ไปที่โปแลนด์และสาธารณรัฐเชคเท่านั้น ไม่ได้เดินทางไปอังกฤษตามกำหนดการเดิม

หลังจากนั้นก็เตรียมตัวไปร่วมสนทนาธรรม ด้วยการเข้าไปอ่านข้อความต่างๆ ที่อยู่ในกระทู้ของ DSG (Dhamma Study Group) ที่เชื่อมต่อกับ www.dhammahome.com เพื่อให้ชินกับภาษาอังกฤษที่ใช้ในภาษาธรรม ความจริงสมัครเป็นสมาชิกหลายปีแล้ว แต่ไม่ค่อยได้อ่าน (อ้างว่าไม่มีเวลา) และ เรื่องเขียน ร่วมสนทนาด้วย ก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงขนาดนั้น เมื่อได้อ่านละเอียด จึงได้ทราบว่า สหายธรรม ชาวต่างประเทศเหล่านี้มาจากหลายประเทศ

ท่านสนทนาธรรมกันด้วยธรรมที่ลึกซึ้งมาก เช่น เรื่องปัจจัย ๒๔ เป็นต้น และ คุณลูคัส ผู้จัดการสนทนาธรรมครั้งนี้ก็ยังอายุน้อย ประมาณ ๒๕ – ๒๖ ปี สนใจเรียนธรรมตั้งแต่อายุ ๑๕ เท่าที่อ่าน รู้สึกว่าแตกฉานมาก เธอโต้ตอบกับคุณอัลเบิร์ตโต ชาวอิตาลีด้วยธรรมที่ลึกซึ้ง ตอนนี้จึงไม่แน่ใจว่า ที่จะ สนทนาไม่เข้าใจ คงไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษอย่างเดียวเสียแล้ว ตอนแรกก็ คิดว่า เราศึกษาธรรมมามาก หลายสิบปีแล้ว คงไม่มีปัญหาเรื่องไม่เข้าใจธรรม (ขั้นฟัง) ความจริงยังมีอีกมากที่ยังไม่เคยได้ยิน จึงยังไม่เข้าใจ และแม้เคยได้ยินได้ฟังแล้ว ก็ยัง ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ว่า ไม่ใช่เรา ยังเข้าใจว่าเป็นเราอยู่ด้วยการยึดติดใน ความเป็นตัวตนอย่างเหนียวแน่น เพราะความไม่รู้ นึกถึงพระสูตรเรื่อง ปฐมทารุขันธสูตร ที่พระผู้มีพระภาคทรงกล่าวถึงท่อนไม้ลอยในแม่น้ำคงคา ซึ่งควรจะลอยไปสู่มหาสมุทร เพราะแม่น้ำคงคาลาดต่ำไปสู่มหาสมุทร เหมือนผู้มีความเห็นถูก ย่อมมีโอกาสไปสู่ ความหลุดพ้นจากวัฏฏะได้ แต่ไปไม่ถึง เพราะเหตุหลายประการ เหตุหนึ่งที่ทำให้นึกถึง คือ ท่อนไม้นั้นเกยบก ด้วยมานะ ถือตัวถือตนว่า รู้แล้ว เป็นต้น ทำให้เกิดความคิดแตก ออกไปอีกหลายอย่าง เพราะความมีตัวตนที่มากมาย ก็เหมือนท่อนไม้ใหญ่ขวางคลอง ไม่ได้ลอยไปไหนเลย ติดแน่นอยู่กับฝั่งนี้ฝั่งโน้น เข้าใจแล้วว่า ที่พระผู้มีพระภาคทรง แสดงธรรมโดยละเอียด รูปธรรมก็ทรงแตกย่อยเป็นส่วนที่เล็กที่สุดจนแตกย่อยออกไปอีก ไม่ได้ และนามธรรมก็แตกย่อยออกเป็นแต่ละขณะ เหมือนทำท่อนไม้ให้เล็กลงๆ เพื่อให้ ลอยไปสู่มหาสมุทรโดยง่าย เช่นเดียวกับทำตัวตนให้เล็กลงจนหายไปได้เลย ก็ยิ่งจะ ปลอดภัย โดยเข้าใจแต่ละขณะที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ก็จะรู้ว่าเป็นเพียงสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่มีใครทำอะไรได้เลย เพราะเกิดแล้วจึงปรากฏ ให้รู้ แล้วก็ดับไปทันที หาความเป็นเราจากสิ่งที่เพียงเกิดแล้วดับไปแล้วจากที่ไหน

ความจริงที่คิดว่าจะเตรียมตัวไปฟังให้เข้าใจมากที่สุดนั้น ก็เป็นความคิดด้วยความรัก ตนเท่านั้นเอง แต่เมื่อถึงเวลาร่วมสนทนาธรรมจริงๆ เพื่อนสนิทที่ติดตามไปด้วยทุกหน ทุกแห่ง ก็อาจจะกระซิบชวนให้ไปดูสิ่งต่างๆ ที่แปลกหูแปลกตาให้เพลิดเพลินเจริญใจ หรือไม่ก็ชวนกันไปนอนหลับพักผ่อน ช่วยกันหาเหตุผลสนับสนุนว่า ฟังไม่รู้เรื่อง ไปนอน หรือไปเที่ยวจะดีกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว เพราะสะสมความเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนานแล้ว จะ เปลี่ยนธาตุเลว (อกุศล) นี้ ให้เป็นธาตุปานกลาง (กุศลที่ไม่ใช่โลกุตตรธรรม กิริยา และ วิบาก เป็นต้น) ในทันทีไม่ได้ ถ้ายังไม่มีปัญญาพอ และที่เคยคิดว่า ธรรมจะเปลี่ยนให้ เป็นคนดีได้นั้นก็เพราะไม่เข้าใจว่า ธรรมแต่ละอย่างเกิดแล้วดับ ไม่กลับมาให้เปลี่ยน เป็นอย่างนั้นอย่างนี้อีกเลย มีแต่สภาพธรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยใหม่ ถ้าสะสม ความเห็นถูก ความเข้าใจถูกจากการฟังพระธรรมเพิ่มขึ้น เป็นเหตุปัจจัยใหม่ให้กุศลเกิด แต่ไม่ใช่อกุศลเก่าเปลี่ยนใหม่เป็นกุศลที่เข้าใจอย่างนี้ ก็เพราะยังมีตัวตนที่ยึดถือสภาพ ธรรมที่ดับไปแล้วว่ายังมีอยู่ เป็นเราเคยโกรธ เราเคยไม่ดี ไม่เคยคิดว่า เป็นธรรมอย่าง หนึ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้วนั่นเอง

ธรรมละเอียดลึกซึ้งมากจริงๆ ยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้ว่า ไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดมากขึ้น แต่เมื่อ ได้ยินได้ฟังข้อความที่ทำให้เข้าใจถูก ก็เป็นสุขและปิติอย่างยิ่ง ท่านอาจารย์กล่าวว่า งานที่สำคัญที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ และถ้าเข้าถึงความจริงในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็จะสุขและสงบอย่าง ยิ่ง

กราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่นำความรู้ความเข้าใจของท่าน มาเผยแพร่ต่อด้วยความเมตตา ขันติ และวิริยะค่ะ

ภาพท่านอาจารย์ ถ่ายเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 55 กับดอกบัวสวรรค์


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
daris
วันที่ 3 ก.ย. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

ขอให้ท่านอาจารย์และคณะเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 3 ก.ย. 2555

" ... ธรรมละเอียดลึกซึ้งมากจริงๆ ยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้ว่า ไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดมากขึ้น แต่เมื่อได้ยินได้ฟังข้อความที่ทำให้เข้าใจถูก ก็เป็นสุขและปีติอย่างยิ่ง

ท่านอาจารย์กล่าวว่างานที่สำคัญที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ และ ถ้าเข้าถึงความจริงในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็จะสุขและสงบอย่างยิ่ง ... "

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงด้วยครับ

จะรอชมภาพและความการสนทนาธรรม สดๆ ตรงจากโปแลนด์ และ กรุงปราก ซึ่งได้ทราบว่า พี่แดงมีกุศลศรัทธา และ กุศลวิริยะ อย่างยิ่ง ถึงกับลงทุนซื้อไอแพดใหม่ และ กำลังเรียนรู้วิธีการใช้ เพื่อส่งภาพและความการสนทนามาให้สหายธรรมได้ชม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 3 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 3 ก.ย. 2555

ขอให้ท่านอาจารย์และคณะ เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chulalak
วันที่ 3 ก.ย. 2555
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 21658 ความคิดเห็นที่ 5 โดย pat_jesty

ขอให้ท่านอาจารย์และคณะ เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kanchana.c
วันที่ 4 ก.ย. 2555

ภาพดอกบัวสวรรค์ของคุณวันชัย ถ่ายตอนสาย ดอกจึงเหี่ยวแล้ว ส่วนภาพข้างบน ถ่ายตอนเช้า ดอกยังสดอยู่ จะเห็นชัดว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาแต่ละขณะนั้น ไม่เหมือน เดิมเลย เพียงแต่บางอย่างแปรเปลี่ยนสภาพให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น ดอกไม้สด เป็นต้น แต่ถ้าเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่ก็เก่าไปทุกขณะ อาจจะ คงทนกว่ามนุษย์ ซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้ไม่รวดเร็วเหมือนดอกไม้สด แต่ก็เห็นชัด เมื่อ เวลาผ่านไปเป็นปีๆ

เมื่อเขียนไปคิดไป สิ่งที่ได้ฟังท่านอาจารย์มาเนิ่นนานก็ปรุงแต่งให้เกิดความเข้าใจว่า ทุกอย่างที่คิดว่ามีนั้น จริงๆ แล้วมีแต่ในความคิด เหมือนมีในความฝัน แท้ที่จริงแล้ว มีแต่ เฉพาะขณะนี้ เดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ ส่วนสิ่งอื่นๆ มีในความคิดเท่านั้นเอง ถ้าไม่คิดถึงก็ เหมือนไม่เคยมี ไม่ต้องพูดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงด้วยว่า ยิ่งไม่มีอะไรเลย เพียงคิดจริง จริง ไม่ว่าจะไปโปแลนด์ จะได้เห็นอะไร ได้ยินธรรมอะไร ล้วนแต่เป็นเพียงภาพในใจ (มโนภาพ) เท่านั้นเอง

ขอบคุณกัลยาณมิตรทั้งหลาย ที่มีกุศลจิตช่วยเหลือเกื้อกูลในการทำกุศลครั้งนี้ค่ะ มี คุณวันชัย ภู่งาม ที่อาสาตรวจทานแก้ไข พิสูจน์อักษรและใส่ภาพประกอบให้ (ถ้าสามารถ เขียนเรื่องส่ง พร้อมทั้งรูป) มีคุณเค ก็รับอาสา และช่วยเป็นที่ปรึกษา เรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย และน้องเบน บุญยวีร์ รัชนี ที่เสียเวลาหลายชั่วโมง ตั้งแต่พา ไปซื้อพร้อมทั้งสอนคุณแม่แดงใช้ IPad พร้อมทั้งวิธีส่งไฟล์ ส่งรูปรวมทั้งอีกหลายท่านที่ จะต้องถูกรบกวนถามไปเรื่อยๆ ตามประสาคนสูงวัยที่หลงๆ ลืมๆ แต่ก็ยังอยากทันสมัยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 5 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 5 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ