ปั้นน้ำเป็นตัว [สุภากัมมารธิดาเถรีคาถา]
“ขณะนี้กำลังปั้นน้ำเป็นตัวอยู่หรือไม่?” (ความจริง แท้จริง เกิดและดับ)
สิ่งที่ปรากฏทางตา เกิด ปรากฏ แล้วดับ แต่เมื่อไม่ปรากฏร่องรอยของการเกิดดับอวิชชาความไม่รู้ จึงทำให้เข้าใจว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏ ให้เห็นได้ เหมือนไม่ได้ดับไป (ว่าเที่ยง ว่ายั่งยืน) เป็นตัวนั้น ตัวนี้ทั้งวัน และก็มีความติดข้อง ในสิ่งที่ปรากฏด้วยความไม่รู้ “ปั้นน้ำเป็นตัวเยอะ และยังปั้นอยู่เรื่อยๆ ตราบที่ยัง มีความไม่รู้” ซึ่งจะหมดสิ้นไปได้ ด้วยการรู้ความจริงในสิ่งที่ปรากฏ
“เมื่อไร ที่จะไม่มีตัว ในสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น”
ต้องเริ่มเข้าใจจริงๆ โดยการฟัง ก็ต้องฟังซ้ำๆ เรื่องเดิม คือ มีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีเสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงชั่วคราว เป็นต้น จนกระทั่งเริ่มเข้าใจลักษณะจริงๆ ของสิ่งที่กำลังปรากฏ สามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมไม่ติดข้องในนิมิต อนุพยัญชนะ (ถ้าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน คือ เอาออกไป ก็จะเหลือแต่ ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ที่ปัญญาจะสามารถเข้าใจถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏได้) และเมื่อเวลาที่ปัญญาเกิดแล้ว ก็สามารถเห็นถูกตามความเป็นจริงว่า เมื่อเห็นแล้ว คิดถึงสิ่งที่มีสัณฐานต่างๆ จึงทำให้เข้าใจความหมายของสิ่งที่ปรากฏ
แม้ผู้มีปัญญา เช่น พระอริยบุคคล รู้ความจริง เช่นนี้ ก็ไม่สามารถปิดกั้น การเกิดดับสืบต่อ กระทั่งปรากฏเป็นนิมิตให้เป็นอย่างอื่นได้ เมื่อเห็นแล้วก็จำ จำแล้วก็คิด คิดแล้วก็เป็นเรื่องราว เช่นเดิม เพราะฉะนั้นธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็ต้องเข้าใจตามความเป็นจริงอย่างนั้น
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสุภากัมมารธิดาเถรี คาถา..ข้อความเตือนสติเรื่องสุภากัมมารธิดาเถรีคาถา
พระธรรมเป็นธรรม ที่ละเอียดลึกซึ้งมากจริงๆ ถ้าไม่นมัสสิการใจ ไปกับการฟังพระธรรมและศึกษาพระธรรมเสมอๆ ก็จะต้องหลงไปกับอวิชชา ความไม่รู้อย่างแน่นอน ธัมมะมีความต่างจากตัวหนังสือที่ได้อ่านมาก ธรรมคือความปรากฎที่มีอยู่จริงๆ ความแทรกซึมเข้ามาของอวิชชา ความไม่รู้นั้นเขาเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้เลย
กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ