ศีลเป็นเครื่องวัดเมตตา

 
พิมพิชญา
วันที่  4 ก.ย. 2555
หมายเลข  21674
อ่าน  1,548

เคยอ่านเจอว่าศีลเป็นเครื่องวัดว่าผู้นั้นมีเมตตาหรือเปล่า

อยากขอคำอธิบายอย่างละเอียดค่ะ

แล้วจะมีไหมคะ คนที่พูดโกหกเป็นประจำ (ด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา) แต่กลับเป็นผู้มีเมตตา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ศีลเป็นเครื่องวัดเมตตา หมายความว่า ผู้ที่มีศีลเป็นปกติ ไม่ล่วงศีล เมื่อมีเหตุการณ์ที่จะทำให้ล่วงศีล ก็งดเว้น ไม่ล่วง ก็ด้วยเมตตา ประการหนึ่ง ครับ เช่น

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เพราะ มีเมตตา กับ สัตว์ จึงไม่ฆ่า

งดเว้นจากการลักทรัพย์ของผู้อื่น เพราะ มีเมตตากับเจ้าของ ปรารถนาให้ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์มีความสุข จึงไม่ลักของๆ เขา

งดเว้นจากประพฤติผิดในกาม เพราะ มีเมตตา กับ ผู้ที่เป็นผู้ปกครอง หรือ ผู้ที่เป็นเจ้าของ จึงไม่ทำร้ายเขาด้วยการละเมิดข้อ กาเม

งดเว้นจากการพูดเท็จ เพราะ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้ยินความจริง

งดเว้นจากการดื่มสุรา เพราะ ต้องการให้คนรอบข้างมีความสุข ไม่ปรารถนาให้คนรอบข้างเดือดร้อน มี บุตร ภรรยา เป็นต้น

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งครับว่า ศีล เกิดขึ้นได้ เพราะ อาศัยความมีเมตตา แต่ไม่ทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่า ศีล จะเป็นเครื่องวัด ความมีเมตตา คือ ถ้าศีลดี ก็จะต้องมีเมตตามาก ก็ไม่ใช่ ครับ เพราะ ศีล มีหลากหลายนัย เพราะ เหตุให้เกิดศีล ไม่จำเป็นจะต้องเกิดเพราะจิตที่เป็นเมตตาก็ได้ เช่น เพราะกลัวภัยในนรก กลัวบาป จึงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เป็นต้น ในขณะนั้น นี่คือ อาศัย โอตตัปปะ การเกรงกลัวบาป จึงประพฤติในศีล หรือ มีความละอาย ที่จะทำบาป จึงงดเว้นที่จะล่วงศีลในขณะนั้น นี่คือ ศีล ที่เกิดจาก หิริ ความละอายต่อบาป ครับ

และที่สำคัญ จิตเกิดดับทีละขณะ ไม่ได้หมายความ มีกุศลจิต เกิดตลอดเวลา บางขณะมีศีล บางขณะไม่มีศีล มีศีลโดยไม่มีเมตตาในขณะนั้นก็ได้ และ มีเมตตา โดยไม่ได้มีกุศลขั้นศีล ก็ได้ และ อกุศลก็เกิดสลับกันไปมากมาย

เพราะฉะนั้น คนที่มีศีล คือ ขณะที่งดเว้นจากบาป แต่ ขณะต่อไป ก็โกรธ แต่ไม่ล่วงศีล ขณะนั้นไม่มีเมตตาก็ได้ และ โกหกบ่อยๆ ไม่มีศีลบ่อยๆ แต่ หลังจากนั้น เกิดกุศลจิตที่หวังดีกับผู้อื่นก็ได้ คือ เมตตาเกิด แต่เพียงเล็กน้อย สั้นมากๆ ครับ

เพราะฉะนั้น จึงต้องพิจารณาเป็นทีละขณะจิตเป็นสำคัญ ว่า ขณะใดมีศีล ขณะใดไม่มีศีล ขณะใดมีเมตตา ขณะใดไม่มีเมตตา พิจารณาเป็นทีละขณะจิตไป โดยไม่พิจารณารวมเป็นเหตุการณ์ยาวๆ ครับ ก็จะทำให้เข้าใจขึ้น ว่า ขณะใดมีเมตตา มีศีล ไม่มีศีล ครับ ซึ่ง เหตุใกล้เกิดศีล คือ หิริ และ โอตตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวต่อไป

ดังนั้น ควรกล่าวว่า ศีล เป็นเครื่องวัดว่า ผู้นั้น มี หิริ โอตตัปปะ หรือ เปล่า เพราะ ถ้ามีศีลดี ก็มีหิริ โอตัปปะดีด้วย แต่ ถ้าศีลไม่ดีโดยมาก ก็แสดงว่า เป็นผู้ไม่มีหิริ โอตตัปปะ โดยมาก

ส่วน เมตตา จะเจริญขึ้นได้ ไม่ใช่เพียงการรักษาศีลดี แต่ เพราะอาศัยการพิจารณา ฟังพระธรรมบ่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องเมตตา และ อบรมสมถภาวนา ก็จะเป็นผู้ที่มีเมตตาเจริญจนมีกำลัง ครับ

ดังนั้น ธรรมจึงละเอียดและมีหลายเหตุปัจจัย ไม่ใช่เพียงศีล จะเป็นเครื่องวัดผู้นั้นมีเมตตา ทั้งหมด ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลผู้ที่เป็นมิตรกับทุกคน ย่อมมีแต่ความปรารถนาดี หวังดี ไม่หวังร้ายต่อผู้อื่น ไม่มีการเบียดเบียนผู้อื่นโดยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆ ก็ตาม และ ก็ย่อมจะเป็นผู้มีกรุณา เวลาที่บุคคลทั้งหลายประสบความทุกข์เดือดร้อน แล้วย่อมเป็นผู้มีมุทิตา เวลาที่บุคคลอื่นประสบกับความสุขความเจริญหรือความสำเร็จ และถ้าไม่สามารถที่จะเกื้อกูลได้ หรือแม้ว่าจะได้ทำประโยชน์เกื้อกูลแล้วก็ไม่สำเร็จ บุคคลนั้น ก็ยังเป็นผู้ไม่ขุ่นเคืองใจ เพราะรู้ว่าแล้วแต่เหตุปัจจัยหรือกรรมของบุคคลนั้น ก็สามารถที่มีอุเบกขาที่มีความเป็นกลางไม่เอนเอียงไปด้วยอำนาจของอกุศล

เมตตา เป็นกุศลธรรมที่ควรอบรมเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อบุคคลอื่นได้ด้วย และประการที่สำคัญ เมตตาธรรม จะเป็นพื้นฐานให้กุศลธรรมประการอื่นพลอยเจริญขึ้นด้วย ซึ่งกุศลธรรมนี้เอง จะเป็นมิตรแท้ เป็นเพื่อนแท้ ที่คอยจะนำแต่ประโยชน์เกื้อกูลมาให้ ไม่นำความทุกข์ ความเดือดร้อนมาให้เลยแม้แต่น้อย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 7 ก.ย. 2555

คนที่มีศีล มีคุณธรรม เมตตาก็เจริญ ศีลก็เป็นส่วนหนึ่งของเมตตา คนที่โกหก ศีลขาด เมตตาก็ไม่เจริญ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Thanapolb
วันที่ 7 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ทั้งสอง จับใจความสำคัญบางส่วนได้ว่า

"เหตุใกล้เกิดศีล คือ หิริ และ โอตตัปปะ"

"เมตตา จะเจริญขึ้นได้ ไม่ใช่เพียงการรักษาศีลดี แต่เพราะอาศัยการพิจารณา

ฟังพระธรรมบ่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องเมตตา และ อบรมสมถภาวนา ก็จะเป็นผู้ที่มี

เมตตาเจริญจนมีกำลัง"

"เมตตาธรรม จะเป็นพื้นฐานให้กุศลธรรมประการอื่นพลอยเจริญขึ้นด้วย"

ขอร่วมสนทนาด้วยคนครับ

แม้จะมีศีลครบ หรือไม่ค่อยผิดศีล แต่เมื่อยามที่เกิดความไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจแม้เล็กน้อยก็ขาดเมตตาแล้ว

เมตตาหรืออโทสะ ก็ตรงข้ามกับโทสะ ทำให้เราเห็นชัดในชีวิตประจำวันเลยว่า ขุ่นเคืองเกิดเมื่อใด รู้เลย เมตตาเรายังน้อย และไม่มั่นคง เพราะสติ ปัญญา ยังน้อยอยู่ ใช่ไหมครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 8 ก.ย. 2555

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

ถูกต้อง ครับ เมตตา จะมีมาก หรือ ศีลจะสมบูรณ์ มีมากได้ เพราะ มีปัญญาเป็นสำคัญ

แสดงว่าปัญญายังน้อย ครับ ถ้ามีเมตตาน้อย หรือ ศีลไม่ดี ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 8 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ