กรณีเพชรสีเลือด ใครมีส่วนร่วมในบาปบ้างครับ

 
ชะอมทอดกรอบ
วันที่  5 ก.ย. 2555
หมายเลข  21679
อ่าน  2,126

เรื่องมีอยู่ว่าประเทศเซียร์ร่าลีโอนในทวีปแอฟริกามีการขุดเจอเหมืองเพชร คนในประเทศทำสงครามแย่งเพชร นำเพชรออกขายให้ต่างชาติเพื่อนำเงินมาซื้ออาวุธทำสงครามประหัตประหารกันเอง ผู้ซื้อเพชรรายใหญ่คืออเมริกา แบบนี้ใครมีส่วนร่วมในบาปบ้างครับ

๑. พ่อค้าเพชร

๒. หนุ่ม-สาว และคนอื่นๆ ที่ซื้อเพชร

๓. คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในขบวนการค้าเพชร

และถ้าเปรียบเทียบลูกค้าที่รู้แหล่งที่มาของเพชรว่ามาจากความตาย ความพิการของชาวเซียร์ร่าลีโอน แล้วยังซื้อเพชรนั้น กับลูกค้าที่ไม่รู้ที่มาของเพชร ใครได้บาปมากกว่ากันครับ (ถ้าตอบว่าคนไม่รู้ได้บาปน้อยกว่า แบบนี้จะเข้าตำรา “ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด" ไหมครับ)

เมื่อเรื่องนี้ถูกตีแผ่เป็นที่รู้ด้วยทั่วกันแล้ว ในทัศนคติชาวพุทธควรทำอย่างไรครับ

๑. ซื้อเพชรต่อไป เขามาขาย ฉันก็ซื้อ ฉันไม่ได้ไปสั่งให้เขาไปหามา (คล้ายๆ กรณีเนื้อสัตว์เขามาขาย ฉันก็ซื้อ ฉันไม่ได้ไปสั่งให้เขาฆ่า) ส่วนใครจะเป็นจะตายนั้นฉันไม่สน

๒. เพชรนำมาซึ่งความตาย ความพิการ ความหายนะของชาวเซียร์ร่าลีโอน เราขอต่อต้านขบวนการนี้ เราไม่ซื้อเพชร

จบเรื่องเพชรสีเลือดแต่เพียงเท่านี้ครับ

เจริญในธรรม


Tag  บาป  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การพิจารณาธรรมก็ต้องพิจารณาไปทีละคำ โดยจำกัดความ คำนั้นให้ถูกต้องและเข้าใจตรงกันก่อน ครับ แม้แต่ คำว่า บาป

บาป ในที่นี้ ก็ต้องมุ่งหมายถึง การทำอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ มีความเห็นผิด มีความโลภด้วยวิธีทุจริต เป็นต้น

ที่กล่าวมา คือ การทำอกุศลกรรม ที่เป็นบาป เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ใดที่เป็นเรื่องยาว ก็ต้องพิจารณาไปทีละขณะครับว่า ขณะใดที่ฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ใครฆ่าในขณะนั้นเป็นบาป แต่หากไม่ได้เป็นผู้ฆ่า หรือใช้ให้คนอื่นฆ่า ไม่ได้เป็นบาป ครับ

และในกรณี ของ การซื้อเพชร ขายเพชร หากทำด้วยวิธีทุจริต ฉ้อโกง ก็จัดเป็นบาป ที่เป็นอทินนาทานได้ ครับ

ดังนั้นธรรมเป็นเรื่องละเอียดมาก ไม่ใช่พิจารณาเป็นเรื่องราวยาวๆ แต่เป็นทีละขณะจิต แม้แต่ตัวพ่อค้า ซื้อเพชรโดยให้ทำวิธีทุจริต หรือ สั่งฆ่าคนก็บาป แต่ถ้าไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นก็ไม่บาป เพราะ ไม่เป็นไปในอกุศลกรรมบถ ๑๐

รวมทั้งผู้ซื้อ ก็ต้องดูเจตนาด้วยครับ ซื้ออย่างเดียว ไม่ได้เมีเจตนาในการทำบาป ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ข้อ ก็ไม่บาป แต่ถ้าซื้อด้วยการทุจริต หรือ สังซื้อด้วยการสั่งให้ทำบาป ก็บาป ครับ และ แม้คนอื่นในขบวนการค้าเพชร ก็แล้วแต่จิตของใคร ว่าเป็นอย่างไร หากจิตในขณะใด เป็นไปในอกุศลกรรมบถ ข้อหนึ่งข้อใด ใน ๑๐ ข้อก็บาป ครับ

ชาวพุทธ จึงควรเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นว่า โลกย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครสามารถบังคับให้ใครเป็นอย่างไรได้ และ ให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องมีการทำบาป ทำอกุศล เพราะ ยึดถือ ในสิ่งที่เป็นเพียง ธาตุดิน ที่เป็นเพียงแข็งแต่สำคัญว่าเพชร นี่คือ โทษของความไม่รู้ โทษของกิเลสที่ทำให้เป็นไปอย่างนี้

ประโยชน์ของชาวพุทธ คือ น้อมเข้ามาพิจารณาตนเอง ว่าตนเองก็มีกิเลสอย่างนี้ เช่นกัน ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญา กิเลสที่เป็นอนุสัยกิเลสที่ยังมีครบ ก็พร้อมที่จะทำบาปได้ทุกอย่าง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม จึงควรพิจารณาที่ตนเป็นสำคัญ และ เห็นประโยชน์ของชีวิตที่มีค่าที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ คือ การเจริญกุศล อบรมปัญญาเป็นสำคัญ

เราไม่สามารถจัดการโลกทั้งโลก หรือ ทำแผ่นดินให้เรียบด้วยฝ่ามือของเราคนเดียว แต่ ควรจัดการโลก คือ ใจของตนเอง ด้วยการขัดเกลากิเลส โดยการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมฟังพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ อย่างน้อย ก็ทำให้โลก คือ ใจของตนเองสงบขึ้น เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น เพราะ มีปัญญาเข้าใจว่ามีแต่ธรรมที่เป็นไป

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละคนก็กำลังก้าวไปสู่ความตายเข้าไปทุกขณะๆ เรื่องของคนอื่นจึงเป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ มีความประพฤติเป็นไปตามการสะสม ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่เราได้กระทำกิจที่ควรกระทำสำหรับตนเองหรือยัง? เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ควรที่จะประมาท ไม่ประมาททั้งอกุศล และ ไม่ประมาทในการเจริญกุศล ด้วย ตั้งใจฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ และ กุศลทุกประการจะเจริญเพิ่มขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นด้วย กุศลแต่ละขั้นที่เจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน ก็ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกความเห็นถูก จนกว่าจะสามารถดับกิเลสทั้งปวงจนหมดสิ้น ไม่เกิดขึ้นอีกเลย

และที่ควรจะได้พิจารณาเพิ่มเติม คือ ปกติในชีวิตประจำวัน อกุศลจิต เกิดมากกว่า กุศลจิต ถ้ากุศลจิตไม่เกิด นั่นก็หมายความว่า เป็นการปล่อยโอกาสให้ อกุศลจิต เกิดขึ้น สะสมอกุศลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นโทษแก่ตนเองโดยส่วนเดียว ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 6 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 8 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"เราไม่สามารถจัดการโลกทั้งโลก หรือ ทำแผ่นดินให้เรียบด้วยฝ่ามือของเราคนเดียว แต่ ควรจัดการโลก คือ ใจของตนเอง ด้วยการขัดเกลากิเลส โดยการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ"

"กุศลแต่ละขั้นที่เจริญขึ้นในชีวิตประจำวันก็ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูก ความเห็นถูก จนกว่าจะสามารถดับกิเลสทั้งปวงจนหมดสิ้น ไม่เกิดขึ้นอีกเลย "

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม อ.คำปั่นและทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ