คนใยยุคก่อนมีศาสนา กับในยุคหลังมีศาสนา

 
1335m
วันที่  8 ก.ย. 2555
หมายเลข  21695
อ่าน  2,076

คนในยุคก่อนมีศาสนากับในยุคหลังมีศาสนา คนกลุ่มไหนดีกว่ากันครับ (คุณธรรม)

หากมองแบบในมุมของยุคนั้นๆ หรือว่าการขาดคุณธรรมต้องมีปัจจัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับในช่วงกาลสมบัติ ช่วงเวลาที่ดี คือ สมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้ายังไม่ทรงปรินิพพาน ก็จะมี ผู้ที่มีคุณธรรม ที่พร้อมที่จะเป็นพระอริยบุคคลมากมายเกิดในสมัยนั้น

ส่วนเมื่อเวลาล่วงเลยไป แต่ ศาสนายังอยู่ ความเข้าใจพระธรรมของสัตว์โลกก็ค่อยๆ เสื่อมถอยไป คุณธรรมก็เสื่อมถอยไปตามความเข้าใจพระธรรมที่น้อยลง จนถึงกาลเวลาที่พระศาสนาอันตรธาน โลกก็มืด เพราะ ไม่มีแสงสว่าง คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ทำให้คุณธรรมเสื่อมถอยลงไปอีกครับ

เพราะฉะนั้น ช่วงที่ว่างจากศาสนา ก็เป็นช่วงที่มนุษย์ ขาดความเข้าใจพระธรรมและทำให้เสื่อมถอยจากคุณธรรม

แต่ อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงว่า ยุคที่มนุษย์มีอายุยืน แม้จะเป็นช่วงที่ว่างจากศาสนา ก็เพราะ เป็นผู้มีศีล หมายถึง มีคุณธรรมที่มีศีลโดยมากทำให้อายุยืน แต่อายุจะถอยลงตามคุณธรรมที่ลดลง คือ มีศีลน้อยลง จนถึงอายุขัยเพียง ๑๐ ปี ก็จะฆ่ากันเอง ไม่มีคุณธรรมเลยโดยมาก ครับ

เพราะฉะนั้น ช่วงว่างจากศาสนาก่อนที่จะมีพระศาสนา ก็ต้องพิจารณาอายุของมนุษย์ด้วย ยิ่งอายุขัยน้อยลง ก็ยิ่งมีคุณธรรมต่ำลงด้วย ครับ เช่นเดียวกับ หลังจากมีพระศาสนา ถ้าพระศาสนายังไม่อันตรธาน ก็ยังมีมนุษย์ที่เข้าใจธรรม มีมากกว่า ช่วงที่ศาสนาอันตรธาน ก็มีคุณธรรมมากกว่าช่วงก่อนมีศาสนา แต่หลังที่ศาสนาอันตรธานไปแล้ว ก็ต้องพิจารณาช่วงอายุเป็นสำคัญ ด้วย ครับ

เพราะฉะนั้น จึงมีหลายเหตุปัจจัยที่ทำให้สัตว์โลกมีคุณธรรมต่างๆ กัน ตามที่กล่าวมา ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่สำคัญ คือ ขณะนี้ แต่ละคนก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว และยังอยู่ในช่วงที่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำรงอยู่ แล้วจะดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะเป็นผู้ได้รับประโ่ยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน สะสมมาแตกต่างกัน พฤติกรรมจึงแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจพระธรรม ก็ย่อมจะไม่ปล่อยเวลาแห่งการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้ล่วงเลยไป

เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานมรดกที่ล้ำค่าให้กับพุทธบริษัท คือ พระธรรม แต่ ถ้าผู้ใดไม่ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ผู้นั้นก็จะไม่ได้รับมรดกอันล้ำค้านี้เลย

การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ได้สะสมความดี และ สะสมปัญญา ย่อมเป็นชีวิตที่คุ้มค่า คุ้มค่าแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะครบถ้วน [พร้อมที่จะรองรับพระธรรม] และ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังพระธรรมซึ่งหาฟังได้ยากเป็นอย่างยิ่งจากบุคคลผู้มีปัญญา

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรม คือ นามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ต่อไป เวลาของแต่ละบุคคล เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่เริ่มศึกษาตั้งแต่ในขณะนี้ การที่จะฟัง การที่จะศึกษาในขณะต่อๆ ไป ก็จะมีไม่ได้, เริ่มต้นตั้งแต่ในขณะนี้ เป็นการดีอย่างยิ่ง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 10 ก.ย. 2555

ไม่ว่าจะยุคก่อนศาสนา หรือยุคหลังศาสนาก็ตาม

ถ้ายังไม่ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ ก็ยังเป็นปุถุชนซึ่งเป็นผู้หนาแน่นด้วยกิเลส จึงไม่สำคัญว่ายุคไหน แต่ที่สำคัญคือ ชาตินี้ ได้เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ ได้ศึกษาธรรมะ ได้อบรมปัญญา ได้ทำความดี จึงจะเป็นชาติที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ