ขายบารากุบาปมากไหม
อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
ผมขายบารากุให้ลูกค้าที่มาเที่ยวผมจะบาปไหมครับ ใน บารากุ เป็นตัวมีกลิ่นผลไม้มีหลายรส แต่มันมีควัน เขาว่าดูดแล้วเป็นมะเร็ง แล้วอย่างนี้
ผมจะบาปมากไหมครับ และเป็นการประกอบอาชีพชอบไหมครับอาจารย์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บารากุ เป็นยาสูบชนิดหนึ่ง ซึ่งหากได้อ่าน และ ได้ศึกษาโดยละเอียดนั้น จัดได้ว่าเป็นสารเสพติดที่มีอันตรายต่อร่างกายมาก ทั้งผลงานวิจัยจากประเทศต่างๆ ซึ่งอันตรายกว่าบุหรี่มาก เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า อาชีพที่อุบาสก อุบาสิกา ไม่ควรทำ คือ
การค้าขายศัสตรา ๑
การค้าขายสัตว์ ๑
การค้าขายเนื้อสัตว์ ๑
การค้าขายน้ำเมา ๑
การค้าขายยาพิษ ๑
เพราะฉะนั้น บารากุ ที่เป็นยาสูบที่อันตรายมาก ก็จัดเป็นของมึนเมาที่เป็นยาเสพติดได้ และ รวมทั้งยังเป็นยาพิษก็ได้ จึงไม่ควรที่คฤหัสถ์จะประกอบอาชีพอย่างนี้ เพราะเป็นอาชีพที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คือ ทำลายชีวิตและสุขภาพของเขา ครับ
ที่สำคัญ ควรที่จะคิดถึงคนอื่นเป็นสำคัญ หาก ผู้ที่เสพ เป็น ญาติพี่น้อง เป็น บุตร ลูกของเรา เราจะรู้สึกอย่างไร และ อยากให้เขาสูบหรือไม่ เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ว่าเป็นอันตรายกับผู้อื่น ก็ไม่ควรประกอบอาชีพที่จะขายสิ่งเสพติดให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เพราะ เพียงเงินที่ได้ ไม่คุ้มกันกับชีวิตของคนอื่น รวมทั้งการประกอบอาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้าม ไม่ควรทำ ครับ
ดังนั้น ชีวิตไม่ใช่เพียงชาตินี้ ยังมีชาติต่อๆ ไป ควรที่จะสะสมเหตุที่ดี คือ ความดี
ความดีเท่านั้นที่จะรักษาไม่ให้ตกไปในอบายภูมิ มี นรกที่น่ากลัว เมื่ออยากได้เหตุที่ดี ก็ควรทำเหตุที่ดี คือ กุศลกรรม หากกรรมใดทำแล้วเดือดร้อนใจ กรรมนั้นก็ไม่ควรทำ
พระธรรม จะเป็นเครื่องนำทางที่ถูกว่าอะไร ควรหรือไม่ควร แต่ ทุกอย่างก็เป็นไป ตามธรรมเป็นไป โดยไม่มีใครเลือกทางเดินให้ เป็นไปตามเหตุปัจจัย และ เมื่อต่อไป จะต้องได้รับสิ่งที่ไม่ดีจากการกระทำของตน ก็โทษใครไม่ได้เลย เพราะได้เลือกทางที่ไม่ดีไว้แล้ว ตามธรรมที่เป็นไปครับ
ควรเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ถูก ไม่มีคำว่าสาย สำหรับการทำความดี ละเว้นความชั่วที่ได้ทำมา ครับ มองให้ไกลกว่านี้ ไม่ใช่เพียงเงินที่ได้มาโดยง่าย ก็จะได้คำตอบ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในชีวิตประจำวัน ชีวิตของคฤหัสถ์ส่วนใหญ่แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องประกอบอาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตไม่ให้ลำบาก ไม่ให้เดือดร้อน แต่ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่า ไม่ควรประกอบอาชีพที่จะเป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน
ซึ่งถ้าหากว่าได้ศึกษาพระธรรม ได้ฟังพระธรรม ก็จะทำให้มีความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรคือสิ่งที่เป็นโทษ ทำให้งดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น และประพฤติในสิ่งที่ควรประพฤติ ได้ ด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...