สดจากโรงแรมโอเมก้า 1 (10 ก.ย. 55)
นอนหลับสนิท ตื่นมาฟ้าก็สว่างแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัว ลงไปขอรหัสผ่าน เพื่อเข้า wifi ส่งภาพ และรูป ไปเมืองไทย เมื่อคืนท่านอาจารย์ของดสนทนาธรรมในตอนเช้า เพราะต้องการพักผ่อน ซึ่งสมควรเป็นอย่างยิ่ง แต่คุณซาร่าห์ ผู้ประสานงานกับชาว ต่างชาติแจ้งว่า ชาวต่างประเทศ จะสนทนากันเอง ตอน 9:30 เชิญผู้สนใจเข้าร่วม การสนทนาด้วย
พอรับประทานอาหารเช้าเสร็จ (อาหารอร่อยมาก เป็นบุฟเฟต์ มีปลาเทร้าต์ ปลา แซลมอน สลัดผักสด ขนมปังแบบต่างๆ และอีกหลากหลาย) คุณแก้วตา ผู้ดูแลท่าน อาจารย์ ก็บอกว่า จะมีสนทนาธรรมตอนเช้าเหมือนเดิม ตามที่นึกไว้เลยว่า เมื่อท่าน พักผ่อนแข็งแรงแล้ว ท่านจะไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มีสนทนาธรรม ที่ศาลากลางสนามหลังโรงแรม มองเห็นทะเลสาบ และ ป่าสนรอบๆ ท้องฟ้าใส อากาศกำลังเย็นสบาย (เมื่อใส่เสื้อขนเป็ด) ลมพัด เห็นดอกหญ้าสีขาวบน สนาม พริ้วไหวเหมือนสีเงิน สวยจนอดไปถ่ายภาพเก็บไว้ไม่ได้ คิดดูก็แล้วกันว่า วิตก เจตสิกนั้น อยู่กับสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือ อยู่กับเสียงบรรยายธรรม ของท่านอาจารย์ แล้วเหตุสมควรต่อการเข้าใจพระธรรมหรือไม่ แต่ก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน ที่เกิด เพราะมีเหตุมาจากความติดข้อง เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังไม่รู้ค่ะ
แต่ก็ยังพอจำได้บ้างว่า เพื่อนของลูคัส ชื่อ Wojciech ที่ศึกษาด้วยการทำสมาธิแล้ว คิดว่า นั่นคือการปฏิบัติธรรม (เหมือนคนอีกเป็นจำนวนมาก) ท่านอาจารย์ก็พยายาม อธิบายให้เข้าใจ ถึงความหมายของคำว่า "ปฏิปัตติ" ซึ่งก็คือ การรู้เฉพาะสิ่งที่กำลัง ปรากฏ ในขณะนี้ ซึ่งมีสภาพธรรม ปรากฏเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มองดูตาของ Wojciech แล้ว เห็นความว่างเปล่า คิดเอาเองว่า คงยังไม่เข้าใจ ถ้ายังไม่มีพื้นฐาน อภิธรรมเพียงพอ ที่จะรู้จัก จิต เจตสิก และ รูป พอสมควร ก็ยากที่จะเข้าใจ แม้ความ หมายของคำว่า "ปฏิบัติ" แล้วจะปฏิบัติถูกได้อย่างไร ท่านอื่นๆ ก็ถามท่านอาจารย์ ด้วยชื่อภาษาบาลีบ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ท่านตอบว่า ไม่ต่างกันเลย ที่เมืองไทยก็พูดชื่อด้วยภาษาไทย แต่ยังไม่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน คิดนึก เป็นต้น
จำได้แค่นี้ค่ะ ความจริงอัดเทปไว้ อยากเป็นซุปเปอร์วูแมนจังเลย จะได้มีพละกำลังถอดเทปออกมาเล่าให้หมด แต่มีกำลังเพียงแค่นี้ค่ะ จึงควรสันโดษ ยินดีตามมี ตามได้ ตามกำลัง ตามสมควร
สนทนาธรรมเสร็จ ท่านอาจารย์ก็ให้คุณโจนาธาน อุทิศส่วนกุศลเป็นภาษาอังกฤษ ดู Wojciech งงๆ คงไม่เคยได้ยิน ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแล้ว อาหารกลางวันมื้อแรก มีเซอร์ไพรซ์จากคุณเล็ก จิราภรณ์ ด้วยขนมไทย ที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยด้วยความยากลำบาก ทุกคนประทับใจมาก โดยเฉพาะพวกฝรั่ง ขออนุโมทนา ทุกคนก็ทำกุศลที่ตนเองถนัด เพราะที่มูลนิธิฯ คุณเล็กและครอบครัว ก็เป็นเจ้าภาพของหวานทุกเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว
นัดสนทนาธรรมภาคบ่าย ตอนบ่ายสาม มีเวลาเหลือ มีพวกใจแตก นัดกันไปช็อปปิ้งมอลล์ก่อน ทราบมาว่า อยู่ห่างจากโรงแรม 3 ก.ม. ค่าแท๊กซี 100 บาท แต่ต้องโทรเรียก และต้องใช้เงินยูโร ลูคัสบอกผิด จึงต้องไปแลกเงิน เป็นเงินโปแลนด์ (ยังจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร) ซึ่ง Wojciech ช่วยเป็นมัคคุเทสก์ เพราะคนโปแลนด์ส่วนใหญ่ไม่พูด ภาษาอังกฤษ ถ้าหลงทางคงลำบากมาก เพราะไม่มีแท๊กซีให้เรียกเหมือนเมืองไทย
ตกลง Wojciech พาไปที่เมืองเก่า ซึ่งวันพรุ่งนี้ ก็ต้องไปตามโปรแกรมเดิมอยู่แล้ว ก็เลยเสียเวลาฟังธรรมไปเฉยๆ เพราะเสียเวลาเดินหากันไปมา กว่าจะครบ การสนทนาธรรมก็เกือบหมดเวลา
มีกิจกรรมมากมายค่ะในวันนี้ คิดว่าควรเล่าให้พวกเราร่วมอนุโมทนาด้วย หลังสนทนาธรรม ได้ยินว่า ท่านอาจารย์ไปเดินเล่นรอบทะเลสาบ จึงรีบเดินตามไปสมทบ แต่ไม่ทันจึงได้ภาพบรรยากาศริมทะเลสาบที่มีหงส์ฝูงใหญ่ว่ายวนอวดความสง่างามมาให้ดูค่ะ
ถึงเวลาอาหารเย็น ท่านอาจารย์ซึ่งปกติไม่ทานอาหารเย็น แต่ก็ต้องลงมาร่วม เพราะคุณไมเคิล สามีของ ดร.โซฟี ที่เคยไปสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯทุกครั้งที่ไปเมืองไทย ได้เดินทางจากวอร์ซอว์ มาพบท่านอาจารย์ (มาคนเดียว เพราะภรรยาของท่านไปเมืองไทย) เวลาพักผ่อนของท่านอาจารย์ก็น้อยลงน้อยลง ซึ่งท่านก็นั่งบรรยายธรรมทั้งวัน แต่ก็เห็นคุณแก้วตานวดคลายความเมื่อยล้าให้ท่าน ขออนุโมทนาค่ะ
...กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และ
ทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ...