สดจากโรงแรมโอเมก้า 3 (12 ก.ย. 55)

วันนี้ไม่ได้ไปฟาร์มเลี้ยงม้า ตามกำหนดการเดิม เพราะมีหน่วยล่วงหน้าไปสำรวจแล้ว ว่าไกล และ ไม่มีอะไรน่าดู จึงสนทนาธรรมในตอนเช้า ซึ่งฝรั่งดีใจมาก เพราะอยาก สนทนาธรรมอย่างเดียว เหมือนท่านอาจารย์ แต่คงห่วงผู้ติดตามจากเมืองไทย จะเบื่อ จึงจัดโปรแกรมให้ดูสถานที่ต่างๆ ที่คิดว่าน่าดูน่าชม แต่เมื่อเราไม่อยากชมเอง ก็มีเวลา ได้สนทนาธรรมอย่างที่ต้องการ

เริ่มสนทนาธรรมตั้งแต่ 09:00 น. - 11:00 น. มีคำถามมากมาย แต่ที่จำได้คือ การทำกุศล เช่น ทาน ศีล หรือ เมตตา เพื่อให้มีกุศล มากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวตนหรือ ท่านอาจารย์ตอบว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริง สิ่งใดเป็นเหตุ สิ่งใดเป็นผล ไม่มีตัวตนไปทำอะไรได้ มีแต่สภาพธรรม ซึ่งเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย เกิดแล้วก็ดับไป ถ้าศึกษาพระสูตรไม่ถูกต้อง จะทำให้มีความเห็นผิด คิดว่ามีตัวตนที่ บังคับบัญชาได้

ถึงเวลาเดินทางไปทานอาหารกลางวันแล้ว (ฟังตั้ง 2 ชั่วโมง จับความได้แค่นี้) ต้องเดินทางหลังโรงแรมเลียบไปริมทะเลสาบประมาณ 20 นาที (ท่านอาจารย์และผู้สูงวัยนั่งแท๊กซี่) เป็นร้านที่ดีที่สุดในโอลสทิน อยู่ติดทะเลสาบ มองเห็นหงส์ฝูงใหญ่แหวกว่าย (คงเป็นฝูงเดิม) อาหารก็รสชาติดีมาก มีซุปกับเสต็กจานใหญ่ ราคาคนละ 600 บาท เมื่อเทียบกับเมืองไทยแล้วถูกมาก

รับประทานอาหารยังไม่ทันเสร็จ ฝนก็เริ่มตก บรรยายกาศสวยงามไปอีกแบบ แต่ต้องโทรเรียกแท๊กซี่มารับ (ค่ารถประมาณ 50 บาท)

เริ่มสนทนาธรรมรอบบ่าย เวลา 16:00 -18:00 น. จับความได้ว่าบัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรม จึงไม่เกิดดับ ถ้าไม่มีปรมัตถธรรม ไม่มีนิมิต จะรู้บัญญัติได้จากนิมิต ฟังได้แค่นี้ เพราะมีโทรศัพท์มาจากคนใกล้ตัวจากเมืองไทย โดยผ่าน facetime ของ ipad แต่ที่นี่มีพายุลมแรง สัญญาณไม่ค่อยดี โทรหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จึงไม่ได้ฟังธรรม เห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยหรือยัง (ยังไม่เห็น เพราะยังเป็นเพียงความคิดถึงสภาพธรรมที่ดับไปแล้ว ยังไม่ถึงเฉพาะขณะที่กำลังปรากฏ)