พระธาตุ

 
นิรมิต
วันที่  13 ก.ย. 2555
หมายเลข  21726
อ่าน  2,673

กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน

กระผมสงสัยว่า การที่อัฏฐิของพระอริยสงฆ์จะเป็นพระธาตุได้นั้น ท่านจำเป็นต้องเป็น พระอรหันต์ เท่านั้นใช่หรือไม่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี อัฏฐิท่านเหล่านั้นจะไม่ถึงความเป็นพระธาตุหรือ

แล้วพระอรหันต์ จำเป็นไหมว่าอัฏฐิของท่านจะต้องเป็นพระธาตุเสมอไปทุกๆ ท่านทุกๆ องค์

แล้วถ้าอย่างนั้น เราสามารถรู้ได้ใช่ไหมว่าท่านผู้ใดเป็นพระอรหันต์ หรือพระอริยเจ้า ด้วยการดูว่าอัฏฐิของท่านนั้นเป็นพระธาตุหรือเปล่า ดังเช่นที่มีเห็นในปัจจุบันนี้

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธาตุ ก็คือ ส่วนที่เป็นกระดูก ที่เกิดจากการเผาศพแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น จึงจะมีพระธาตุ มีกระดูกที่เกิดจากการเผาศพ แม้ปุถุชน ก็มีกระดูกที่เป็นธาตุ คือ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมรวมกัน ที่เป็นรูปธาตุด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่า กระดูกของใครที่ควรจะเคารพ สักการะ ควรแก่การบูชา

ก็ต้องสรีระ กระดูกของผู้ที่มีคุณธรรม มีพระอริยเจ้าขั้นต่างๆ ทั้งพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหันต์ พระอัครสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า อันเป็นผู้ควรแก่การบูชาด้วยการระลึกถึงพระคุณ แต่ไม่ใช่เพื่อการได้ลาภ สักการะ เป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้มีความเป็นพิเศษว่า กระดูกของผู้มีคุณธรรมจะต้องมีสีสันต่างๆ แปลกๆ ที่สมมติว่า อย่างนี้คือพระธาตุ เพราะ พระธาตุ ในความหมายที่อธิบายแล้ว ก็คือ การประชุมของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม เป็นรูปธาตุเท่านั้น

และจากคำถามที่ว่า

แล้วถ้าอย่างนั้น เราสามารถรู้ได้ใช่ไหมว่าท่านผู้ใดเป็นพระอรหันต์ หรือพระอริยเจ้า ด้วยการดูว่า อัฏฐิของท่านนั้นเป็นพระธาตุหรือเปล่า ดังเช่นที่มีเห็นในปัจจุบันนี้


- ที่สำคัญ ไม่ได้หมายความว่า คุณธรรม จะวัดกันที่ รูปร่าง ลักษณะ ของกระดูก ที่สมมติว่าเป็นพระธาตุ เพราะ คุณธรรม เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา แต่ต้องเห็นได้ด้วยปัญญา ส่วน กระดูกที่สมมติว่าเป็นพระธาตุ ก็เป็นเพียงสี สิ่งที่ปรากฏทางตา เท่านั้น ครับ เพราะ คุณธรรม มีปัญญา เป็นคุณธรรมภายใน ที่รู้ได้ด้วยปัญญา ด้วยการสนทนา เป็นต้น ครับ

ปัญญา และ คุณธรรมต่างหาก เป็นตัวตัดสิน ว่าผู้ใดมีคุณธรรม หรือ ไม่มีคุณธรรม ไม่ใช่เพียงลักษณะภายนอก ของสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากร่างกายที่ปราศจากจิต วิญญาณ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 453

ข้อความบางตอนจาก...

ชฏิลสูตร

[๓๕๖] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์เป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม ครอบครองเรือน บรรทมเบียดพระโอรสและพระชายา ทาจรุณจันทน์อันมาแต่แคว้นกาสี ทรงมาลาของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีเงินและทอง ยากที่จะรู้เรื่องนี้ว่า คนพวกนี้เป็นพระอรหันต์ หรือคนพวกนี้บรรลุอรหัตตมรรค ...

ดูก่อนมหาบพิตร ปัญญา พึงรู้ได้ด้วยการสนทนา ก็ปัญญานั้นจะพึงรู้ ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้ใส่ใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้.


- ประโยชน์ของการเห็นสิ่งหนึ่ง สิ่งใด มี สรีระที่ปราศจากวิญญาณ ที่เรียกว่ากระดูก เป็นต้น เพื่อการระลึกถึงความจริงของชีวิต ว่า แม้เราก็ไม่พ้นจากความตาย ควรที่จะไม่ประมาทกับชีวิต จึงเจริญกุศล อบรมปัญญา เท่าที่ชีวิตที่เหลือยู่ ในขณะที่เกิดเป็นมนุษย์ เพราะ ไม่ว่าใคร ก็ไม่พ้นจากความตาย การเห็นด้วยการพิจารณาอย่างนี้ ย่อมจะเป็นประโยชน์กับชีวิตที่สุด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 14 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ เมื่อละจากโลกนี้ไป ร่างกายมีวิญญาณ ไปปราศแล้ว หาประโยชน์มิได้ ในที่สุด ก็จะต้องเน่าเปื่อยผุพัง ไม่ช้าก็เร็ว เป็นเพียงรูปธรรม ที่เกิดเพราะอุตุเท่านั้น

สิ่งที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ :-

ในขณะนี้กำลังมีชีวิตอยู่ ก็ควรที่จะรู้ความจริงว่า วันหนึ่งเราก็จะต้องตาย ตายเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วนั่นแหละ จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง แต่ในขณะที่กำลังมีชีวิตอยู่ ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า การที่จะจากโลกนี้ไปนั้น จะจากไปด้วยปัญญาที่อบรมจนกระทั่งเจริญขึ้น หรือว่าจะจากไป โดยที่ว่าไม่สนใจฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเลย?

ขณะนี้ ทุกคนมีร่างกาย ซึ่งเป็นที่รักที่พอใจ อีกไม่นาน ร่างกายนี้ก็จะเน่าเปื่อยผุพัง แล้วชาติหน้า จะมีรูปร่างกายเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่า การกระทำทางกาย ทางวาจา เป็นไปด้วยอำนาจของอกุศลที่ครอบงำย่ำยีจิตใจหรือไม่ ที่จะทำให้ร่างกายในชาติต่อไป พิกลพิการ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่น่าดู หรือจนกระทั่งทำให้ถึง ความเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ซึ่งก็เป็นเรื่องของขณะจิตที่เร็วมาก เร็วยิ่งกว่ากระพริบตา ก็สามารถเปลี่ยนสภาพความเป็นบุคคลนี้ทั้งหมด จากการเป็นมนุษย์ในสุคติภูมิ ไปสู่อบายภูมิได้ ถ้าเป็นผู้ตั้งอยู่ในความประมาทมัวเมา

แต่สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรม ตามระดับขั้นของความเข้าใจ ของตนเอง

ดังนั้น พระธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง และจะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่ใฝ่ใจศึกษา เห็นประโยชน์ พร้อมทั้งมีความจริงใจ ที่จะน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อละคลาย ขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เท่านั้น

ดังนั้น แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น ก็ควรจะได้เห็นประโยชน์ ของการเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเข้าใจได้ ก็ด้วยการฟัง การศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ จริงๆ

ที่สำคัญ พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนที่เป็นไป เพื่อปัญญาโดยตลอด การเป็นพระอริยบุคคล ผู้ที่สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น เป็นได้ ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยอย่างอื่น เมื่อได้ศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ก็จะมีความมั่นคง ในความเป็นจริง ในความถูกต้อง จะไม่หวั่นไหวไปกับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นไปตามพระธรรมคำสอน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 14 ก.ย. 2555

พระบรมสารีริกธาตุ ใช้กับพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานไปแล้วเท่านั้น และ เป็นเครื่องหมายเตือนให้ระลึกถึงว่า แม้แต่ พระพุทธเจ้าที่ประเสริฐที่่สุดในโลก ก็ยังต้องละกายหรือสังขารที่ไม่เที่ยงนี้เลย แล้วเรายังเป็นปุถุชน เราก็ยังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ เราไม่ควรประมาท ควรเจริญกุศลทุกประการ เจริญปัญญา เพราะความตายไม่แน่นอน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
นิรมิต
วันที่ 14 ก.ย. 2555

กราบขอบพระคุณท่านวิทยากรและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
daris
วันที่ 14 ก.ย. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 18 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ภพฺพาคมโน
วันที่ 12 ต.ค. 2555

อนุโมทนาที่ตอบเรื่องพระธาตุค่ะ

เราเป็นปุถุชน ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ รู้แต่ว่าใครไม่ใช่พระอรหันต์ โดยพิจารณาว่าคำสอนของผู้นั้นถูกต้องตามพระไตรปิฎกหรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ต.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ