กล่าวตู่

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า กล่าวตู่ หมายถึง การกล่าวคำที่ไม่จริง คือ กล่าวคำเท็จ ว่าร้ายผู้อื่นด้วยคำที่ไม่จริง เรียกง่ายๆ ว่า ใส่ร้าย ก็ได้ครับ กล่าวตู่ผู้อื่น คือ กล่าวว่าผู้อื่นด้วยคำที่ไม่จริง เป็นเท็จ ยกตัวอย่างเช่น พระโพธิสัตว์เคยกล่าวตู่ ฤาษีผู้ปฏิบัติธรรมดี ว่าเป็นผู้ไม่มีศีล เป็นต้น ชื่อว่ากล่าวตู่ คือ กล่าวว่าร้ายคนอื่น ด้วยคำที่ไม่จริงนั่นเองครับ จึงเป็นวาจาที่ไม่ดี เป็นวาจาเท็จ ครับ และ หากมีเจตนาให้คนรอบข้างไม่ชอบ รังเกียจคนที่ถูกว่า ด้วยการกล่าวตู่ว่าคนนั้น ด้วยคำที่ไม่จริง ก็เป็นวาจาส่อเสียดด้วยครับ

อรรถกถาอธิบาย การกล่าวตู่ว่า

บรรดาบทเหล่านั้น

บทว่า อภูตวาที ได้แก่ ผู้ไม่เห็นโทษของบุคคลอื่นเลย ทำการกล่าวเท็จ ตู่ผู้อื่นด้วยคำเปล่า.

สรุปได้ว่า การกล่าวตู่ก็มาจากจิตที่เป็นอกุศล เป็นวาจาที่ไม่ดี

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่ไม่เป็นความจริง แล้วไปกล่าวว่าเป็นจริง สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงแสดงไว้ แล้วไปกล่าวว่า ทรงแสดงไว้ หรือสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ทรงแสดงไว้ ก็กล่าวว่า ทรงแสดงไว้ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นตัวอย่างของการกล่าวตู่ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นในลักษณะใด

เวลาที่ศึกษาจากหลายๆ พระสูตร ก็จะเห็นได้ว่า มีข้อความที่แสดงถึง ผู้ที่มีความละเอียด ในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่มีการสนทนาสอบถาม จากผู้ที่มีปัญญา ว่า อย่างไร จึงจะชื่อว่า ไม่กล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างไร จึงจะเป็นการกล่าวคล้อยตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อความเป็นผู้ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม นั่นเอง ซึ่งจะเป็นไป เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริงและตรงตามความเป็นจริงตามที่พระองค์ทรงแสดง ไม่เป็นการกล่าวตู่พระองค์ ครับ

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

การกล่าวตู่ หมายถึง พูดมุสา พูดไม่จริง ทำให้คนอื่นเสียหาย เดือดร้อน บาปมาก

ตัวอย่าง เช่น นางจิณจมาณวิกา กล่าวตู่ว่า ได้มีท้องกับพระพุทธเจ้า ภายหลังก็ถูกจับได้ และ ถูกแผ่นดิบสูบไปสู่อเวจีนรก ค่ะ