ทำอย่างไร
ในเมื่อพระภิกษุสงฆ์รับเงินไม่ได้
แล้วแม่ฝากให้หนูเอาเงินถวายให้พระพี่ชายหนูและแม่จะตกนรกไหมคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะอุปการะเกื้อกูลให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่กระทำในสิ่งที่ผิด เพราะความเข้าใจนี้เอง เป็นเครื่องนำพาชีวิตให้ดำเนินไปในทางที่ถูก เพราะได้รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรคือสิ่งที่ผิด,
การถวายเงินแก่พระภิกษุโดยตรง โดยที่พระภิกษุเป็นผู้รับ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พระภิกษุผู้รับนั้น จะรับเพื่อตนเองหรือ เพื่อผู้อื่น ก็เป็นอาบัติด้วยกันทั้งนั้น ส่วนผู้ถวายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ฉลาดในการให้ทาน เพราะเป็นการให้ที่ทำให้พระภิกษุต้องอาบัติ แต่ถ้ามอบเงินไว้ให้กับไวยาวัจจกร (ผู้ขวนขวายในสิ่งที่เป็นประโยชน์) เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นไปตามพระธรรมวินัย เพราะพระภิกษุไม่ได้เป็นผู้รับ ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือ จะถวายในสิ่งที่เหมาะสมแก่พระภิกษุ ก็ย่อมได้ และสิ่งเหล่านี้ ก็จะไม่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนใจในภายหลังได้ เพราะได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว นั่นเอง
การที่แม่ฝากให้เอาเงินถวายให้พระพี่ชาย ตัวผู้ถวายและแม่จะตกนรก ไหม?
ควรที่จะได้พิจารณาว่า การถวายเงินแก่พระภิกษุ ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถวายเกิดในนรก เพราะ การเกิดในนรก ต้องเป็นเพราะอกุศลกรรม เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามเป็นต้น ถึงแม้ว่าไม่เป็นเหตุให้เกิดในนรก แต่ก็เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็ไม่ควรที่จะกระทำต่อไป เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไร คือ สิ่งที่ผิด ก็ไม่ควรที่จะกระทำในสิ่งที่ผิดต่อไป แต่ควรที่จะกระทำให้ถูกต้องขึ้นเท่านั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอร่วมสนทนาด้วยนะคะ
กาลเวลาเปลี่ยนไป พระวินัยที่ทรงบัญญัติไว้ก็ถูกผู้ที่เคยถือปฏิบัติกันมาอย่างเคร่งครัดสำหรับเพศบรรพชิต ก็เริ่มจะปะปนไปกับเพศฆาราวาสเข้าไปทุกวัน และดูเหมือนว่าพระภิกษุสงฆ์ก็มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเหมือนกับฆาราวาส แต่ถ้าเราคิดย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาลและมโนภาพว่าถ้ามีอุบาสก อุบาสิกาคนใดหรือชาวบ้านเอาสตางค์ใส่บาตรแทนอาหารให้พระภิกษุที่ออกบิณฑบาต เราถึงจะเกิดความละอายใจอย่างมากที่เห็นภาพของการกระทำเช่นนั้นว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการดูหมิ่นคำสอนของพระพุทธองค์ และบรรดาพระภิกษุทั้งหลายคงจะไม่ยอมให้มีการกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้นเป็นแน่
แต่เพราะหลายๆ คนในปัจจุบันนี้ ขาดการอบรมเจริญปัญญาให้รู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมคำสอน และมักมีจิตคิดเมตตาต้องการถวายปัจจัยให้กับพระภิกษุสงฆ์โดยตรงเพื่อนำไปใช้สอยในสิ่งที่จำเป็น ซึ่งจากคำตอบที่อาจารย์คำปั่น ได้เขียนมาก็เป็นการอธิบายได้เป็นอย่างดี
และขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อกุศลที่เป็นบาป มีหลายระดับ ครับ คือ มีทั้ง อกุศล บาปที่เกิดขึ้นในจิตใจและสะสมเป็นอุปนิสัย เช่น โกรธในใจ เกิดความชอบในใจ ไม่ได้แสดงออกมาทางกาย วาจา ซึ่งไม่มีผลทำให้เกิดในอบายภูมิ มี นรกเป็นต้น ครับ
อกุศล หรือ บาปที่เกิดขึ้นแล้วแสดงออกมาทางกาย วาจา เฃ่น การทานอาหาร การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเดิน การทำอาหาร ออกกำลังกาย ก็เป็นการกระทำทางกาย วาจา ที่เกิดจากอกุศลจิต เรียกว่า กายทุจริต วจีทุจริต แต่ไม่ถึงกับมีกำลังที่เป็นอกุศลกรรมบถที่เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยเจตนาทำร้ายผู้อื่น จึงไม่เป็นปัจจัยให้ไปอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ครับ
อกุศล หรือ บาปที่เกิดขึ้น จากกรรมที่ทำโดยไม่ได้มีเจตนาเบียดเบียนผู้อื่น แต่ทำด้วยความไม่รู้ เช่น การให้เงินกับพระภิกษุ ไม่ได้มีเจตนาร้าย เมื่อไม่เป็นเจตนาร้ายแต่ให้ในสิ่งที่ไม่ควร ก็ไม่เป็นบาปที่มีกำลัง ที่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น เพราะ ไม่ได้มีเจตนาเบียดเบียน จึงไม่ทำให้ต้องไปเกิดในอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ครับ
อกุศล บาป ที่มีกำลัง อันเกิดจากเจตนาที่ไม่ดี ที่เป็นไปในอกุศลกรรมบถ ๑๐ อันเป็นเจตนาเบียดเบียนผู้อื่น มีเจตนาฆ่า เจตนาขโมย เป็นต้น และการล่วงศีล ๕ ย่อมเป็นปัจจัยให้ไปอบายภูมิ มี นรก เป็นต้นได้ เมื่อกรรมนั้นให้ผล ครับ
ดังนั้น การที่มารดาให้เงินพระพี่ชาย มีเจตนาที่ดี ไม่ได้มีเจตนาร้าย จึงไม่เป็นบาปที่ทำให้ตกนรก ไปอบายภูมิ ครับ แต่ที่สำคัญ เมื่อรู้ว่าอะไรควร ไม่ควรแล้ว ก็ควรที่จะงดเว้นการให้เงินพระภิกษุ เพราะ แทนที่จะรักษาพระพี่ชาย ก็อาจทำร้ายท่านไม่รู้ตัว เพราะ ทำให้ท่านต้องอาบัติ การจะได้บุญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการให้สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะ การให้สิ่งที่ผิด ก็ย่อมทำร้ายผู้ให้ได้ ควรที่จะเป็นผู้รักษาพระศาสนา ด้วยการกระทำในสิ่งที่ถูก คือ เคารพในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติไว้ เป็นสำคัญ
สำคัญที่ว่า หากเป็นผู้กล้าที่จะรักษาในสิ่งที่ถูก ก็จะทำให้สะสมความเป็นผู้ตรง ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้สังคมจะยอมรับ และ กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้สังคมจะไม่ยอมรับ เพราะ สิ่งที่ควร ไม่ควร ไม่ได้อยู่ที่ค่านิยม สังคมยอมรับในเรื่องใด แต่ความถูกต้อง อยู่ที่สภาพธรรมที่เป็นกุศลธรรม ความดี เพราะ ความดี ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย กาลเวลา และ สถานที่ใด ความดี ความถูกต้องย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องแม้การไม่ให้เงินพระ และ พระไม่รับเงิน ก็เป็นสิ่งที่สมควร ไม่ว่ากาลใด สมัยไหน สถานที่ใด ครับ
ประโยชน์ที่สำคัญ คือ สะสมความเป็นผู้ตรง ไม่เอนเอียงโอนอ่อนตามสังคม ด้วยคำว่าเกรงใจ และ อายต่อคนรอบข้าง เพราะผู้กล้า วีระ คือ การทำความดี ผู้ไม่กล้า คือผู้ที่ทำไม่ดี ด้วยอำนาจของกิเลส ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขออนุโมทนากับคุณหนูเจ้าของกระทู้นะครับ ที่ยังทราบว่าพระรับเงินไม่ได้
เมื่อทราบแล้วคราวต่อไปเราก็ไม่ทำอีก
ถึงแม้พระอลัชชีบางรูปจะเอ่ยปากขอเงินเราก็สามารถปฏิเสธแบบนุ่มนวลได้
โดยไม่ใช่ไปกล่าวหาท่าน หรือไปสอนท่าน
เช่นกล่าวว่า ... "ดิฉันไม่มีศรัทธาที่จะถวายเงินแด่พระภิกษุค่ะ" ... เป็นต้นครับ