สังฆาทิเสสหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับการที่จะต้องอาบัติสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๓ ที่ว่าด้วยการพูดเกี้ยวหญิงนั้น มุ่งหมายถึงการพูดพาดพิงถึงวัจจมรรค (ทวารหนัก) ปัสสาวมรรค (ทวารเบา) พาดพิงเมถุนธรรม (การกระทำของบุคคลคู่ระหว่างชายกับหญิง) ถ้ามีการกล่าวคำพูดอย่างนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส เป็นการกระทำไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชนทั้งหลาย ส่วนการพูดอย่างคำถามที่ได้ยกขึ้นมาถามนั้น ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส เพราะไม่ได้พูดพาดพิงวัจจมรรค ปัสสาวมรรคและเมถุนธรรม แต่ก็เป็นวาจาที่ไม่เหมาะสม สำหรับเพศบรรพชิต ซึ่งจะต้องมีการสำรวมระวังอย่างยิ่งทีเดียว เพราะ ไม่ว่าจะเป็นการล่วงละเมิดสิกขาบทข้อใด ก็มีโทษสำหรับผู้ล่วงละเมิดทั้งนั้น การได้ศึกษาพระวินัย ในแต่ละสิกขาบทให้เข้าใจ ย่อมเกื้อกูลได้มากทีเดียว ที่จะทำให้ได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผิด อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ละเว้นไม่กระทำในสิ่งที่ผิด และ เพื่อที่จะได้น้อมประพฤติเฉพาะในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ครับ
ขอบพระคุณอาจารย์ประเชิญ แสงสุข ที่ให้ความเข้าใจในสิกขาบทข้อนี้ ครับ
สำหรับต้นบัญญัติสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๓
ขอเชิญคลิกอ่านโดยตรงจากพระวินัยปิฎก ครับ
พูดเกี้ยวหญิง อาบัติสังฆาทิเสส [มหาวิภังค์]
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจครับว่า อาบัติสังฆาทิเสส คือ อะไร
อาบัติสังฆาทิเสส เป็นอาบัติหนัก แต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติเพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัต ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
ส่วนคำถามที่ว่า
หากพระพูดว่า "คิดถึง" กับหญิง ขณะมีความกำหนัด สังฆาทิเสสไหม
ในกรณีนี้ หากว่าภิกษุพูดกล่าวโดยไม่ได้อ้างถึงเรื่องการเสพเมถุนธรรม พูดเกี้ยวที่มุ่งไปที่อวัยวะเพศของเพศหญิง หรือ เกี้ยวด้วยการกล่าวหยาบคายเพื่อการเสพเมถุนธรรม แต่เพียงกล่าวด้วยจิตกำหนัดที่เพียงว่า คิดถึง อย่างนี้ ไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ครับ เพราะ ไม่ได้มีกำลังของกิเลสมากขนาดนั้น ครับ แต่ถ้าภิกษุกล่าวเกี้ยวไม่ใช่เพียงการพูดธรรมดาทั่วไป แต่พูดอ้างเกี่ยวข้องกับการจะเสพถุนธรรมกับหญิงนั้น โดยพูดถึงอวัยวะเพศของสตรีที่เป็นทวารเบา หรือ ทวารหนัก ชื่อว่า ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ครับ
แต่เมื่ออ่านสิกขาบทนี้ ก็มีความละเอียดลงไปอีกครับ หากกล่าวเกี้ยวปรารภอวัยวะของผู้หญิงที่ไม่ใช่อวัยวะเพศ ที่อยู่ส่วนข้างบน หรือ ส่วนข้างล่างต่ำจากอวัยวะเพศลงไปก็ต้องอาบัติอีกเช่นกัน แต่ไม่ถึงสังฆาทิเสส ครับ
ขออนุโมทนาอาจารย์ประเชิญที่ได้อธิบายในประเด็นนี้ให้เข้าใจ ครับ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 181
พระบัญญัติสังฆาทิเสสที่ ๓
อนึ่ง ภิกษุใด กำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว พูดเคาะมาตุคาม ด้วยวาจาชั่วหยาบ เหมือนชายหนุ่มพูดเคาะหญิงสาวด้วยวาจาพาดพิงเมถุน เป็นสังฆาทิเสส
[๔๐๑] สตรี ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นสตรี ความกำหนัดและพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของสตรี ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อมถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ...
[๔๐๔] อนึ่ง สตรี ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นสตรี มีความกำหนัดและพูดพาดพิงถึงอวัยวะเบื้องบนใต้รากขวัญลงมา อวัยวะเบื้องต่ำเหนือเข่าในรูป เว้น ทวารหนัก ทวารเบา ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติถุลลัจจัย ...
[๔๐๕] สตรี ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นสตรี มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงอวัยวะเบื้องต่ำใต้เข่าลงมา ของสตรี ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
อนาปัตติวาร
[๘๐๖] ภิกษุผู้มุ่งประโยชน์ ๑ ภิกษุผู้มุ่งธรรม ๑ ภิกษุผู้มุ่งสั่งสอน ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา