ฌาณ อภิญญา
การฝึก สมาธิ จนถึง ฌาน อภิญญาคืออะไร
พระมหาโมคคัลลานะ ฤทธิ์ อย่างไร
ทำอย่างไร ถึงจะมี ฤทธิ์ อย่างเช่นท่าน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าใจทีละคำ ครับ
ฌาน หมายถึง ความสงบของจิตจนตั้งมั่น สงบนิวรณ์ คือ กิเลสในขณะนั้น
อภิญญา หมายถึง ความรู้อย่างยิ่งยวด ซึ่งเป็นผลพวงจากการอบรมสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา
ฤทธิ์ คือ การทำให้สำเร็จ ซึ่ง ฤทธิ์ก็มีทั้งที่เป็นไปในการแสดงปาฏิหารย์ได้ มีการเหาะเหินเดินอากาศ และ ฤทธิ์ของพระอริยะ ที่มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง
ซึ่ง พระมหาโมคคัลลานะ เป็นอัครสาวก ผู้เลิศในด้านฤทธิ์ เพราะ ท่านถึงพร้อมด้วยบารมี ซึ่งการจะได้ฤทธิ์ อภิญญานั้น จะต้องมีการเจริญสมถภาวนาจนได้ฌาน ๘ ขั้นสูงสุดและ แคล่วคล่อง จึงจะสามารถแสดงฤทธิ์ได้ และ พระมหาโมคคัลลานะ ไม่ได้แสดงฤทธิ์ได้อย่างเดียว ท่านเป็นพระอรหันต์ คือ ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ด้วยการเจริญวิปัสสนา
ซึ่งการได้ฤทธิ์ อภิญญา ๕ ด้วยการเจริญสมถภาวนา ได้ฌานนั้น แม้ก่อนสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติ ก็มีฤาษีที่เจริญสมถภาวนา จนแสดงฤทธิ์ได้ แต่ก็ไม่สามารถดับกิเลส ก็เวียนว่ายตายเกิดอีก และก็ไปสู่นรกอีกได้เป็นธรรมดา
แม้พระเทวทัต ก็แสดงฤทธิ์ได้ เพราะได้ฌานขั้นสูงสุด แต่เพราะไม่ได้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลด้วยการเจริญวิปัสสนา ก็ทำให้เป็นผู้หนาด้วยกิเลส ทำให้ทำผิดประการต่างๆ ต่อพระพุทธเจ้า ไปเกิดในนรก ซึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ทรงแสดงหนทางหลุดพ้น คือ การเจริญวิปัสสนา ทำให้สาวกได้เข้าใจและดำเนินตามหนทาง ก็สามารถบรรลุธรรมดับกิเลสได้ ถึงความเป็นผู้มีฤทธิ์อีกนัยหนึ่ง คือ มีฤทธิ์ด้วยปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง แม้บางท่านจะไม่มีฤทธิ์ คือ การแสดงปาฏิหารย์ได้ก็ตาม แต่ประโยชน์สูงสุด ที่ควรได้ คือ การดับกิเลสที่เป็นสาระสูงสุดของชีวิตท่านทำสำเร็จแล้วครับ
เพราะฉะนั้น การเจริญสมถภาวนาได้ฌาน ถึงความเป็นผู้มีฤทธิ์ไม่ใช่ง่ายเลย เป็นเรื่องยาก และไม่สามารถละกิเลสได้จริง ควรสนใจ ใส่ใจในเรื่องที่จะเป็นไปเพื่อดับกิเลส เพราะ การมีฤทธิ์ไม่สามารถดับกิเลสได้ แต่ ฤทธิ์ คือ ปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริงดับกิเลสได้ ครับ ซึ่งก็เริ่มจากการฟังให้เข้าใจในเบื้องต้นว่า ธรรม คืออะไร เป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ ครับ
การได้ฌาน จนกระทั่งสามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้นั้น เป็นผลของการอบรมเจริญสมถะ มีความชำนาญในการเข้าและออกจากฌาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าจะถึงการได้ฌานขั้นต่างๆ แม้ในสมัยพุทธกาลเอง ผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลโดยที่ได้ฌานด้วย มีน้อยกว่าพระอริยบุคคลที่ไม่ได้ฌาน
การแสดงถึงความประพฤติเป็นไป ของพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีตที่ท่านมีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ก็แสดงถึงอัธยาศัยที่ท่านได้สะสมมา ไม่ใช่ว่าพอได้ฟังได้ศึกษาว่าพระมหาโมคคัลลานะได้ฌาน แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ ก็อยากจะเป็นเหมือนท่าน ความอยากนี่ก็เป็นเครื่องกั้นแล้ว เพราะอกุศลเกิดขึ้นเป็นไปในแล้วในขณะนั้น
หนทางที่ควรเดิน คือ การอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นได้ เพราะการอบรมเจริญสมถะไม่สามารถทำให้ถึงการดับกิเลสได้ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...