ความหมาย

 
Patikul
วันที่  13 ต.ค. 2555
หมายเลข  21888
อ่าน  1,515

บุคคลผู้ทำกรรมชั่วไว้ ก็ไม่พึงพ้นจากความชั่วได้

หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้

หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้

หนีเข้าไปสู่ซอกภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้

(เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใด

ความตายพึงครอบงำไม่ได้ ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Patikul
วันที่ 13 ต.ค. 2555

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแปลความด้วยค่ะ " (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้ ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่" ความหมายคืออย่างไร

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 14 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลก ล้วนเป็นผู้มีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ความจริง เป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่มีใครพ้นจากความตายไปได้เลย ถูกความตายครอบงำไว้จริงๆ หนีไปทางไหนก็ไม่สามารถพ้นไปได้ จะไปที่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีใครจะหนีความตายได้ เพราะเหตุว่า สัตว์โลกทั้งหลายเมื่อเกิดมาแล้วก็จะต้องตาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด ไม่ว่าจะอยู่ถึงสวรรค์ชั้นใดก็ตาม ความตายก็ครอบงำไว้ เพราะความจริง คือ สัตว์โลกทั้งหมดที่เกิดมาแล้วจะต้องตาย หนีความตายไม่พ้นเลย

สำหรับประเด็นที่ควรจะได้พิจารณาเพิ่มเติม คือ

ถ้าหากว่า บุคคลผู้กระทำกรรมชั่ว คิดหาวิธีเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องได้รับผลของกรรมชั่ว ไม่ว่าจะเป็นการหนีไปทางอากาศ ก็ดี, เข้าไปสู่มหาสมุทรอันลึกหลายกิโลเมตร ก็ดี, หรือ นั่งในซอกแห่งภูเขา ก็ดี ถึงแม้จะมีการกระทำอย่างนี้ ก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกำลังแห่งกรรมชั่วได้ เพราะเหตุว่า เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมจะให้ผล ต้องได้รับผลอย่างแน่นอน

ในพระไตรปิฎก มีเหตุการณ์ในชีวิตของบุคคลที่ได้รับวิบากต่างๆ กันมากมาย แม้แต่ในสมัยนี้ก็เช่นเดียวกัน มีเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแต่ละบุคคลย่อมได้รับวิบาก คือ ผลของอดีตกรรม ในลักษณะต่างๆ ทั้งหมดทั้งปวง เพราะอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัยให้ได้รับผลของกรรม ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย โดยไม่มีใครทำให้เลย

ดังนั้น จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่า ถ้ากลัวการได้รับผลของกรรมที่ไม่ดีโดยประการทั้งปวง ต้องไม่กระทำเหตุที่ไม่ดี นั่นก็คือ ต้องไม่ทำกรรมชั่ว อย่างเด็ดขาด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Patikul
วันที่ 14 ต.ค. 2555

"ดังนั้น จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่า ถ้ากลัวการได้รับผลของกรรมที่ไม่ดีโดยประการ

ทั้งปวง ต้องไม่กระทำเหตุที่ไม่ดี นั่นก็คือ ต้องไม่ทำกรรมชั่ว อย่างเด็ดขาด"

นั่นหมายถึง "กรรมชั่วที่กระทำไว้แล้ว ผลของกรรมชั่วนั้น ไม่มีวันตาย"

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา คุณ khampan.a ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 14 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในความเป็นจริงของสัจจะนั้น สัตว์โลกเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วนในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้นเมื่อเกิดแล้ว สัตว์โลก็ไม่พ้นจากความตาย ดังเช่น ความจริงของสภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม ที่เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง คือ เมื่อมีการเกิดขึ้น ก็ตั้งอยู่ เสื่อมไปและดับไป ดังนั้น เมื่อเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วน สถานที่ที่ตาย ก็ตายมาทุกๆ สถานที่ เพราะ ความยาวนานของสังสารวัฏฏ์ ครับ

และ อีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด ความตายไม่เคยรอ หรือ เลือกสถานที่ หากเหตุปัจจัยพร้อม จุติจิต คือ ความตายเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา ซอกเขา กรรมไม่เลือกว่าเป็นที่ใด เมื่อกรรมให้ผล ย่อมทำให้ถึงความตายได้

เพราะฉะนั้น ที่ที่ปลอดภัย ไม่มีสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส เพราะ ไม่สามารถพ้นจากความตาย แต่ที่ที่ปลอดภัย พ้นจากความตาย คือ พระนิพพาน ย่อมไม่ถึงความตาย อันเป็นสถานที่ เป็นแผ่นดินที่ความตายครอบงำไม่ได้ เพราะ การดับกิเลส จนดับขันธปรินิพพาน ย่อมถึงความไม่เกิด ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม เมื่อไม่มีการเกิดย่อมไม่มีการตายอีกเลย ครับ

เพราะฉะนั้น หากว่ากลัวความตายจริงๆ ก็อบรมหนทางที่ถึงความเป็นผู้ไม่ตาย คือการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม และ เจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ย่อมทำให้ถึงสถานที่ที่ความตายครอบงำไม่ได้ ครับ

การศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา จึงเป็นอุปการะ ในการถึงสถานที่ปลอดภัย คือ สถานที่ที่ไม่มีกิเลส

ขออนุโมทนาผู้ร่วมสนทนาและทุกท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Patikul
วันที่ 14 ต.ค. 2555

" (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้" ย่อมหมายถึง

"ที่ที่ปลอดภัย พ้นจากความตาย คือ พระนิพพาน ย่อมไม่ถึงความตาย อันเป็นสถานที่ เป็นแผ่นดินที่ความตายครอบงำไม่ได้"

"ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่." ย่อมหมายถึง "เพราะ การดับกิเลส จนดับขันธปรินิพพาน ย่อมถึงความไม่เกิด ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม เมื่อไม่มีการเกิด ย่อมไม่มีการตายอีกเลย"

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา คุณ paderm ค่ะ.

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ