การสวดมนต์

 
nasza
วันที่  30 ต.ค. 2555
หมายเลข  21984
อ่าน  2,159

เวลาที่ผมสวดมนต์ ผมไม่จุดธูป เทียน เนื่องจากว่าสถานที่อยู่ไม่อำนวย แต่ตั้งใจสวด แบบนี้จะได้ไหม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่ามนต์ก่อนครับ เพราะ มนต์ (ภาษาบาลี คือ มนฺต) หมายถึง ปัญญา บางครั้งก็มีคำว่า พุทธมนต์ (พระปัญญาของพระพุทธเจ้า) ด้วย และประการที่สำคัญ คือ มนต์ ในทางพระพุทธศาสนา ต้องเป็นพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเท่านั้น เช่น พระสูตร ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถ้าไม่ฟัง ไม่ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย

การสวดมนต์จึงไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อขอพร จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนั่นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นไปเพื่อได้ เพื่อติดข้องไม่เป็นไปเพื่อละ สละขัดเกลากิเลส

ในความเป็นจริงแล้วในสมัยพุทธกาล บุคคลสมัยนั้นต่างก็พูดเป็นภาษาบาลีกันทั้งหมด เพราะฉะนั้น คำพูดเมื่อจะกล่าวสรรเสริญใคร ยกย่องบุคคลใด รวมทั้งอธิบายในสิ่งใด ให้ผู้อื่นเข้าใจก็ใช้คำบาลี การสวดมนต์ที่ปัจจุบันสวดกันนั้ก็เป็นภาษาบาลี มีการกล่าวยกย่อง สรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น รวมทั้งเป็นบทพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในสูตรต่างๆ ในปัจจุบันก็นำมาสวดกัน

เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ การสวดมนต์ก็จะถูกต้อง คือ เป็นไปเพื่อการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย

ดังนั้น การระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ด้วยการระลึก หรือกล่าวคำสอนของพระพุทธเจ้าขณะนั้นก็บูชาด้วยกุศลจิต อันเป็นเครื่องบูชาที่เลิศประเสริฐกว่า อามิส ของบูชาอย่างอื่น โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ธูป เทียน เลย เพราะ ขณะนั้นกำลังบูชาด้วยคุณความดี ที่เกิดจากการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยแล้ว ครับ

หากแต่ว่า ถ้าไม่เข้าใจก็จะติดพิธีกรรม ที่จะต้องใช้ธูป ใช้เทียน ใช้ธูปจำนวนเท่านั้น เท่านี้ ขณะนั้น ไม่ได้เกิดกุศลจิตคิดบูชาพระพุทธเจ้า แต่ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญแล้ว การกล่าวพระธรรม สาธยายพระธรรม ที่เรียกว่าสวดมนต์ ก็เกิดกุศลเกิดปัญญา เกิดกุศลจิต ระลึกถึงพระคุณ ก็เป็นเครื่องบูชาที่ประเสริฐสูงสุด และเหมาะสมแล้ว ครับ แม้ไม่มีธูป เทียน เลย

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nasza
วันที่ 30 ต.ค. 2555

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 30 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ที่เกิดจากการสะสมบำเพ็ญพระบารมีมาเป็นเวลาที่ยาวนาน และเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะเข้าใจ แต่ก็ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่มีความจริงใจตั้งใจที่จะศึกษา ซึ่งจะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการศึกษา เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง โดย ไม่ใช่เพียงสวด หรือ ท่อง เท่านั้น จะต้องเป็นผู้มีความเข้าใจด้วย บทสวดมนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมงคลสูตร กรณียเมตตสูตร รัตนสูตร เป็นต้น ล้วนเป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถูกต้อง ถ้านำมาสวดหรือท่อง เพื่อได้ เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด หวังลาภสักการะ ก็เป็นการผิดตั้งแต่ต้น เป็นอกุศลตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ไม่เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เพราะพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อความติดข้องต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด

ถ้าจะมองในมุมกลับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวด แต่ศึกษาแล้วน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ย่อมเป็นประโยชน์กว่าอย่างแท้จริง แม้แต่คำว่า "สวด" ซึ่งเป็นคำไทย ก็ยังต้องแปลไทยเป็นไทยอีก เพื่อจะได้สอดคล้องตรงกับความหมายเดิมในภาษาบาลี คือ มาจากคำว่า "สาธยาย [สชฺฌาย]" หมายถึงการกล่าวทบทวน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามพระธรรม เมื่อได้ฟังแล้ว ก็มีการทบทวน ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเมื่อได้ฟังแล้ว อย่างไรจึงจะไม่ลืม ก็ด้วยการทบทวนไตร่ตรอง ในสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง เก็บไว้ในหทัย นั่นเอง

และที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่ง คือ ในสมัยปัจจุบันนี้ มีบทสวดต่างๆ หลายบทที่มีการแต่งขึ้นในภายหลัง ซึ่งไม่ใช่พระธรรมคำสอน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงก็ไม่ใช่ มนต์ ถึงแม้ว่าจะมีการนำคำว่า มนต์ มาใช้ ก็ตาม

การบูชาในสิ่งที่ควรบูชา สำคัญที่สภาพจิตใจ กุศลจิตนี้แหละ เป็นเครื่องบูชาพระธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว จึงควรอย่างยิ่ง ที่พุทธศาสนิกชนจะได้ศึกษา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกเป็นปัญญาของตนเองต่อไป ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเห็นพระมหากรุณาคุณ ของพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ไม่มีทางเลยที่สัตว์โลก จะได้เข้าใจความจริง

ในฐานะของสาวก ประโยชน์สูงสุดที่ทุกคนจะพึงได้ คือความเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 30 ต.ค. 2555

สวดมนต์มี ๒ อย่าง สวดด้วยความเข้าใจ คือระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า. และสติปัฏฐานเกิดร่วมด้วย มีปัญญาประกอบด้วย อีกอย่างหนึ่งสวดมนต์ที่ไม่ได้ประกอบด้วยปัญญา เช่น ระลึกพระคุณเฉยๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
daris
วันที่ 30 ต.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 31 ต.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chomchean
วันที่ 31 ต.ค. 2555

การบูชาในสิ่งที่ควรบูชา สำคัญที่สภาพจิตใจ กุศลจิตนี้แหละ เป็นเครื่องบูชา

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pamali
วันที่ 13 พ.ย. 2555
กราบอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 27 พ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 2 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ