การรู้อดีตชาติของผู้อื่น
ระยะนี้มี้หนังสือเกียวกับบุคคลที่รู้อดีตชาติของผู้อื่นออกมาขายดีพอควร เพราะคนสนใจมากเคยออกรายการโทรทัศน์ด้วย โดยบุคคลนั้นสามารถรู้ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นว่า เป็นผลจากชาติก่อนที่คนนั้นได้ทำอะไรไว้ แต่ที่เคยรับทราบมาจากการฟังพระเทศน์ หรืออ่านจากพระสูตรว่า พระพุทธองค์ท่านเคยบอกกับพระสาวกในเรื่องทำนองนี้อยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยได้ทราบมาก่อนว่ามีอุบาสก อุบาสิกา แม่ชี ที่สามารถรู้อดีตชาติของผู้อื่นได้ จึงใคร่ขอความรู้ว่า
1. คนที่จะมีจุตูปาตญาณ รวมทั้งปุเพนิวาสานุสติญาณ ของตนเองและของผู้อื่นได้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
2. ในพระไตรปิฎกมีระบุไว้ว่าอุบาสก อุบาสิกา (ไม่มีแม่ชีในสมัยพุทธกาล ถึงมีก็จัดเป็นอุบาสิกาไม่แยกออกมาเป็นอีกสถาบันหนึ่งจากอุบาสิกา) ที่สามารถรู้อดีตชาติของผู้อื่นได้บ้างหรือไม่ ถ้ามีหลักฐานใดที่ชาวพุทธที่ดีเชื่อถือได้กรุณาบอกให้ทราบเป็นธรรมทานด้วยจะเป็นพระคุณ
ผู้ที่มีความสามารถรู้อดีตชาติของตนและผู้อื่นอย่างละเอียด ต้องเป็นพระพุทธองค์เท่านั้น พระอริยสาวกรู้อดีตชาติของตน สำหรับของผู้อื่น ผู้ที่มีอภิญญาจิตรู้การจุติและอุบัติของสัตว์อื่นได้บ้างแต่ไม่ละเอียด ผู้ที่จะมีบุเพนิวาสานุสสติญาณต้องบรรลุฌาน ๘ และทำอภิญญาให้เกิด ดูหลักฐานในวิสุทธิมรรคภาค ๒ ตอน ๒ อภิญญานิเทศ
[เล่มที่ 45] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 478
๙. ธาตุสูตร
ว่าด้วยสัตว์ทั้งหลายเสมอกันโดยธาตุ
[๒๕๖] จริงอยู่พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายย่อมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสัตว์ทั้งหลายโดยธาตุแล คือ สัตว์ผู้มีอัธยาศัยเลวย่อมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสัตว์ผู้มีอัธยาศัยเลว สัตว์ผู้มีอัธยาศัยดีย่อมเทียบเคียงกันกับสัตว์ผู้มีอัธยาศัยดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในอดีตกาล แม้ในอนาคตกาล แม้ในปัจจุบันกาล สัตว์ทั้งหลายย่อมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสัตว์ทั้งหลายโดยธาตุแล คือ สัตว์ผู้มีอัธยาศัยเลวย่อมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสัตว์ผู้มีอัธยาศัยเลว สัตว์ผู้มีอัธยาศัยดีย่อมเทียบเคียงกัน เสมอกันกับสัตว์ผู้มีอัธยาศัยดี.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้วในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า กิเลสเกิดเพราะความเกี่ยวข้อง บุคคลย่อมตัดเสียได้เพราะความไม่เกี่ยวข้อง แม้บุคคลผู้มีความเป็นอยู่ดี แต่อาศัยบุคคลผู้เกียจคร้านย่อมจมลงในสมุทร คือ สงสาร เปรียบเหมือนบุคคลขึ้นสู่แพไม้น้อยๆ พึงจมลงในมหรรณพฉะนั้น เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงเว้นบุคคลผู้เกียจคร้าน มีความเพียรอันเลวนั้นเสีย พึงอยู่ร่วมกับพระอริยเจ้าทั้งหลายผู้สงัดแล้ว ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ผู้มีปกติเพ่ง ผู้ปรารภความเพียรเป็นนิตย์ ผู้เป็นบัณฑิต.
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล.
จบธาตุสูตรที่ ๙