สวัสดีฮานอย 2 สนทนาธรรมที่โรงแรมดรากอน
สนทนาธรรมที่โรงแรมดรากอน
5 พ.ย. 55
สนทนาธรรมภาคเช้าที่โรงแรมดรากอน วันนี้เป็นวันทำงาน ผู้มาร่วมสนทนาจึงน้อย กว่าเมื่อวาน โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนาม สร้างแบบจีน มีรูปปั้น เจ้าแม่กวนอิมสวยงาม เมื่อถ่ายภาพสถานที่เสร็จ คุณแต๋วชวนไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โฮจิมินท์ ก็ตอบตกลงทันที ศรัทธาในการฟังธรรมเมื่อวานนี้หายไปหมดแล้ว ลืมไป เลยจริงๆ ว่าคิดว่าจะฟังธรรม เพราะมีประโยชน์มากกว่าสิ่งใด แต่ละขณะเกิดขึ้นเพราะ เหตุปัจจัยจริงๆ บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ ฉะนั้น อย่าประมาทอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ว่าจะไม่ให้ผล คือ สะสมทำให้เกิดอกุศล ง่ายขึ้น พร้อมกับหาเหตุผลให้ตัวเองว่า ควรไปดูให้ทั่วๆ จะได้ถ่ายภาพมาฝากสมาชิก ชมรมบ้านธัมมะ ส่วนธัมมะนั้น ได้ฝากเครื่องบันทึกเสียงให้คุณจักรกฤษณ์บันทึกให้ ตามเคย คงจะได้เปิดฟังในโอกาสต่อไป
สวนในโรงแรมดรากอน คุณแต๋วพานั่งรถมินิบัสผ่านทะเลสาบ ผ่านทำเนียบข้าหลวงฝรั่งเศสที่สวยงาม แล้ว ก็ถึง ตึกที่ตั้งรูปปั้นของโฮจิมินท์ วีรบุรุษของเวียดนาม เดินชมวัดเสาเดียว สถานที่ สำคัญเทียบเท่าวัดพระแก้วของไทย โดยดูจากภาพเซรามิคตามกำแพงข้างทาง ที่ ทำเป็นรูปสถานที่สำคัญต่างๆ ของประเทศในอาเซียน สำหรับเมืองไทย ทำเป็นรูปวัด พระแก้ว ของเวียดนามเป็นรูปวัดเสาเดียว เป็นต้น ได้ถ่ายภาพสถานที่สำคัญหลาย แห่ง แล้วคุณแต๋วก็พาไปตลาดสด เพื่อซื้อผลไม้ให้คุณหมอวิภากรคั้นน้ำผลไม้สดให้ ท่านอาจารย์ เพราะเธอมีศรัทธาหอบเครื่องคั้นผลไม้มาจากเมืองไทยด้วย ช่างทำสิ่ง ที่ทำได้ยากจริงๆ (สำหรับเรา)
ตลาดสด เดินดูของในตลาดสดเล็กๆ เห็นสุนัขหัน ที่ถูกย่างจนเป็นสีน้ำตาลไหม้ในตลาด ได้ทราบว่าราคากิโลละ 500,000 ด่อม (ประมาณ 1,000 บาท) คนจนไม่มีสิทธิ์รับ ประทานสุนัขหันเป็นอันขาด จะถ่ายรูปมาให้ดู คุณเบนก็ห้ามว่า อย่าถ่าย น่ากลัว ไม่น่าดู เลยไม่ได้ถ่าย ตลาดสดแสดงความเป็นอยู่ของชุมนุมจริงๆ เดินดูตลาดไม่ถึง 10 นาทีก็กลับขึ้นรถ เพื่อกลับไปร่วมสนทนาธรรมจนถึงเวลา 11:00 น. ก็จบเตรียมไป รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารในเมือง เราก็คอยดูว่าจะเจริญแค่ไหน ก็เหมือน ที่อื่น เทียบไม่ได้กับย่่านธุรกิจของไทย แล้วทำไมถึงต้องมาโมฆษณาว่า เวียดนาม แซงหน้าเราแล้ว ทำไมต้องแข่งขันด้วย ต่างคนต่างพัฒนาไม่ได้หรือ อย่างมิตร ประเทศ ไม่ใช่ต้องเป็นคู่แข่งกับใคร หลังอาหารกลางวัน ตามกำหนดการเดิม ต้องเดินทางไปชมวัดควนตัน แต่หลาย ท่านไม่อยากชมวัด เพราะเหมือนๆ กัน เลยไปดูหุ่นกระบอกน้ำ ที่มีชื่อเสียงของเวียด- นามว่า มีแห่งเดียวในโลก ได้ตั๋วเข้าชมเพราะมีกลุ่มหนึ่งยกเลิก ค่าเข้าชมคนละ 150 บาท มีฝรั่งต่างชาติแน่นโรง ดูแล้วก็แปลกดี แต่เมื่อแสดงการร่ายรำของหุ่นในน้ำซ้ำ กันหลายชุด เลยหลับ เมื่อตื่นก็สังเกตเห็นมีคนหลับหลายคน
หุ่นกระบอกน้ำ เริ่มสนทนาธรรมรอบเย็น ตอน 16:30-18:00 น. รอบนี้ตัดใจไม่ไปเที่ยวชมเมือง สำเร็จ แต่ไม่ใช่เราตัดใจ เป็นหิริเจตสิก (ความละอายใจ ที่พูดอย่าง ทำอย่าง) ที่เกิด ขึ้นทำกิจหน้าที่ของตน อันนี้ก็เป็นการบ่นเพ้อถึงธรรมที่ดับไปนานแล้ว ยังไม่รู้ลักษณะ ของสภาพธรรม ที่กำลังเกิดปรากฏในขณะนี้ และพยายามหาหัวข้อธรรม มาฝากแฟน- คลับ แต่ยังไม่ได้ค่ะ เพราะคำถามส่วนใหญ่ก็เป็น เรื่องจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนคน เริ่มฟังส่วนใหญ่ในเมืองไทย แต่ที่ได้โดยตรงจากท่านอาจารย์ก็คือ ท่านบอกให้ อย่างก ในการทำกุศล (สำนวนตัวเอง) ใครเขาทำกุศลไปแล้ว ก็แล้วไป ควรอนุโมทนา สำหรับ ตัวเอง ก็ตั้งใจไว้ว่า ถ้าไม่มีใครทำ เราสามารถทำได้ก็ทำ มาถึงเฉพาะหน้า ทำได้ก็ทำ เท่านั้นเอง ไม่ต้องไปแย่งกันทำ และควรรู้ว่า โอกาสที่กุศลจิตจะเกิด ไม่ใช่ของง่าย เมื่อกุศลจิตของใครเกิด สมควรอนุโมทนาอย่างยิ่ง ภิกษุณี 2 คนที่มาฟังธรรม คนหนึ่งมาสวัสดีภาษาไทยด้วย บอกว่าไปเรียนธรรมที่ สะเมิง เชียงใหม่หลายปี กลับมาเวียดนาม แล้วโชคดีที่เป็นเพื่อนกับคุณแทม จึงมี โอกาสมาร่วมสนทนาธรรมในโอกาสนี้ด้วย ไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารโออิชิ ในย่านธุรกิจที่มีตึกใหญ่ๆ ริมถนนที่แคบ เล็ก ทราบว่าเป็นที่ทำการธนาคารต่างๆ อาหารเวียดนามที่นี่ทำอย่างประณีต รสชาติ กลมกล่อม อร่อยทุกอย่าง มีซุบผักโขมที่หั่นเสียสวยงาม จนคิดว่าเป็นซ่าหริ่ม จำไว้ ทำให้คนใกล้ตัวได้ชิม เตรียมตัวไว้ให้ดีๆ นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
... โอกาสที่กุศลจิตจะเกิดไม่ใช่ของง่าย เมื่อกุศลจิตของใครเกิด สมควรอนุโมทนาอย่างยิ่ง ...
... ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และ ทุกๆ ท่านครับ ...
ได้ติดตามอ่านเมื่อไหร่ก็เหมือนได้ไปด้วยจริงๆ เหมือนเป็นแฟนคลับรายการท่องเที่ยว ตามจ้องแต่จะติดตามตอนไปตามที่ต่างๆ มากกว่าสนใจที่จะติดตามหัวข้อสนทนาธรรม แต่ก็ยังดีที่ได้อ่านคติธรรมเตือนใจ ที่ท่านอาจารย์นำไปเผยแพร่ในที่ต่างๆ ที่ อ.กาญจนา และคณะให้ความเอื้อเฟื้อเสมอมา
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ติดตามอ่านเหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยได้อ่านบทความง่ายๆ (อ่านแล้วสบายใจ) แบบนี้มานาน แล้วค่ะ ต้องขออนุโมทนาบุญที่ทำให้คนมีความสุขนะคะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
โอกาสที่กุศลจิตจะเกิดไม่ใช่ของง่าย เมื่อกุศลจิตของใครเกิด สมควรอนุโมทนาอย่างยิ่ง
... กราบอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของพี่แดงด้วยค่ะ ...
"อาหารเวียตนามรสชาติอร่อยกลมกล่อม อร่อยทุกอย่าง"
อย่าเพลิดเพลินในธรรมะที่ปรากฎทางลิ้น จนลืมพิจารณาสภาพธรรมตามความเป็น จริงนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเจริญด้วยน้ำหนัก ไม่เจริญด้วยปัญญา น้ำหนักนำหน้า ปัญญาตามหลัง อันนี้ก็เป็นการบ่นเพ้อถึงธรรมะที่ผ่านมาแล้วตั้งสองวันเหมือนกัน ต้อง ขออภัยด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิต ที่จะกลับมาทำ ให้ชิมบ้าง (เห็นไหมโทษของความติดข้อง แค่ได้ข่าวว่าจะได้ชิมก็มีความหวังตั้งตาคอย จะทำให้ ชิมหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แค่นี้ก็ยังยึดติดในรสที่ยังไม่ปรากฎเลย นี่คือ "โลภะ" ติดข้องแม้แต่ ในจินตนาการ
จาก "คนกรุงเก่า"
ขออนุโมทนาในการเดินทางไปสนทนาธรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ
อ่านคำบรรยายอาจารย์หญิงแล้ว คล้อยตามจังค่ะ สุนัขหันแพงนะค๊ะ มิน่าคนไทยถึงยึดเป็นอาชีพ (ค้าสุนัข ตามชายแดน)
ขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ คิดถึงพี่แดงและคงเหนื่อยแต่ก็ยังเป็นนักเขียนที่ขยันเหมือนเดิมเลย
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณแม่แดงด้วยค่ะ
ทุกครั้งที่กรุณาได้เล่าบรรยากาศการไปสนทนาธรรม ก็จะมีประโยคเตือนใจให้ระลึกอยู่เสมอ "โอกาสที่กุศลจิตจะเกิดไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อกุศลจิตใครเกิด สมควรอนุโมทนาอย่างยิ่ง" จิตเกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ