สวัสดีฮานอย 5 สนทนาธรรมที่โรงแรมดรากอน
สนทนาธรรมที่โรงแรมดรากอน
8 พ.ย. 55
สนทนาธรรมที่โรงแรมดรากอนเช่นเคย เริ่มแต่เช้า คือ 8:30 น. สหายธรรมชาว เวียตนาม ยังยืนหยัดมาสนทนาธรรมอย่างหนาแน่นเหมือนเดิม น่าอนุโมทนาจริงๆ
... พูดคำว่า สติ แต่ยังไม่รู้จักสติ สติเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ที่ระลึก ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล เรา เขา ... ... ทางลัดเป็นกับดักของคนส่วนใหญ่ ...
... ทางลัดคือทางสั้นที่สุดของอวิชชา ...
... เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ทุกคนพูดได้ แต่สติระลึกได้หรือไม่ว่า เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นอนัตตา เพียงแต่คิดเรื่องเห็น แต่ยังไม่รู้ลักษณะของเห็นจริงๆ ...
... นิมิตเป็นเงาของสภาพธรรม ที่เกิดปรากฏแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว เกิดดับสืบต่อ นับไม่ถ้วน ...
ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารเจ ริมบึงใหญ่ ร้านตกแต่งตามแบบมหายาน มี ไม้แกะสลักเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่หน้าร้าน ด้านในประดับด้วยภาพดอกบัว อาหารมีหลากหลาย บางท่านก็บอกว่า อร่อยมาก บางท่านก็ทานไม่ได้เลย ความติดในรส อาหารก็แตกต่างกันไปตามการสะสม สำหรับเราสะสมมาว่า เมื่อถึงเวลาก็รับประทาน ได้ทุกอย่าง อร่อยก็ทานมาก ไม่อร่อยก็ทานน้อยหน่อย ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องอาหาร เป็น คนมักน้อยในอาหาร หรือมีโลภะในเรื่องอาหาร เพราะทานได้ทุกอย่าง ก็ไม่แน่ใจ เพราะสติยังไม่เคยระลึกสภาพธรรม ที่เกิดในขณะนั้น เป็นแต่นึกถึงเรื่องราว ของสิ่งที่ ดับไปนานแล้ว
หน้าร้านอาหารเจที่ฮานอย
รับประทานเสร็จแล้ว ก็นั่งรถไปวัดเตียวที่ห่างออกไปอีก 20 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. เมื่อไปถึงวัด ต้องขึ้นบันไดสูงไปอีกหลายขั้น ผู้สูงอายุทั้งหลาย ปวดเข่าตั้งแต่เมื่อวาน จึงยืนดูทิวทัศน์ข้างล่่าง สหายธรรมเวียดนามก็ยืนล้อมท่าน อาจารย์ สนทนาธรรมกันอย่างไม่ยอมให้เวลาผ่านไป โดยเปล่าประโยชน์ ทั้งๆ ที่ถาม มาตลอดทางในรถแล้วก็ตาม จนหลายคนเป็นห่วงท่านอาจารย์ จะเหนื่อยเกินไป เมื่อ มีผู้ถาม ท่านอาจารย์ตอบว่า That 's why I came to vietnam. กราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์ในกุศลจิต ที่มุ่งมั่นในการเผยแพร่ความเห็นถูก อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ที่วัดเตียว เห็นกลุ่มชาวเวียดนามยืนล้อมสนทนาธรมกับท่านอาจารย์ที่ฝั่งตรงข้าม
เมื่อไม่มีที่นั่งในพื้นราบให้สนทนาที่วัด จึงเดินทางกลับถึงโรงแรมตอนประมาณบ่ายสามครึ่ง รถจะมารับไปสนทนาธรรม ที่โรงแรมดรากอนตอน 4:20 น. ได้นอนพักประมาณครึ่งชั่วโมง ถีนมิทธเจตสิกเกิดขึ้นทำกิจท้อถอย หดหู่ ง่วงเหงาเกิดดับต่อ เนื่องยาวนาน แต่ก็ต้องตัดใจลุกขึ้นมาทำหน้าที่ผู้รายงานข่าว เพราะมีแฟนคลับคอย ติดตามข่าวอยู่ ขอบคุณที่เขียนมาให้กำลังใจ ทำให้ขยันเขียนต่อไป แต่เมื่อตัดใจจาก หนัก ไม่สดชื่นแจ่มใส ไม่เหมาะกับการประกอบกิจการงานอย่างใดเลย เป็นสภาพของ อกุศลที่ควรละคลาย แต่แท้ที่จริงก็ลืมไปว่า ความง่วงเหงา หดหู่ ก็เป็นสภาพธรรม อย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปเช่นกับสภาพธรรมอื่นๆ ไม่ใช่เรา หรือ ใครทั้งสิ้น ลืม ก.ไก่ ข.ไข่ อีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอ่านหนังสือออกในเร็ววันหรอก
เริ่มสนทนา 4:45 น.
... อวิชชาไม่สามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และปัญญาไม่สามารถเจริญเติบโตเท่าอวิชชา เพราะมีเหตุปัจจัยให้อวิชชาเกิดมากกว่าปัญญา ...
ถาม แต่เราก็จำได้ทุกวันฺ จะว่า จำเกิดดับได้หรือ
ตอบ แต่จำวันนี้ ไม่ใช่จำเมื่อวานนี้ ...
... เมื่อพูดถึงความติดข้อง หรือความเห็นผิด ปรากฏเดี๋ยวนี้หรือเปล่า สามารถเข้าใจได้ไหมว่า ติดข้องไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ...
... เห็นเกิดดับหรือเปล่า เพราะเห็นเกิดดับจึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ...
... มีสภาพธรรมใดบ้างไม่ใช่อนัตตา แม้แต่ความเห็นผิดก็เป็นอนัตตา สภาพธรรม ที่เกิดดับเป็นอนัตตา นี่คือความเข้าใจเบื้องต้นในการศึกษาคำสอนว่า ทุกอย่างเป็น อนัตตา เห็น ได้ยิน ฯลฯ เป็นอนัตตา ดังนั้นชีวิตจึงเป็นอนัตตาด้วย ...
... ต้องการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด จริงหรือไม่ จริง เมื่อจริงก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่ง เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ใครจะทำสภาพธรรมอะไรได้ เพราะ เมื่อเกิดขึ้นเพราะ เหตุปัจจัย แล้วก็ดับทันที ...
... จิตเกิดดับตลอดเวลา จิตแต่ละขณะไม่ใช่จิตเก่ามาเกิด จิตใหม่ทุกขณะ ...
... ทุกคนคาดหวังอะไร ที่มานั่งฟังธรรม หวังเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อไร เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ฟัง ไม่พิจารณาพระธรรม ที่ทรงแสดงโดยละเอียด ก็ไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่เกิดปรากฏเดี๋ยวนี้ได้ ...
จบการสนทนาธรรมเวลา 18:30 น. ได้อัดเสียงอุทิศส่วนกุศลเป็นภาษาเวียดนาม มาให้ฟังด้วย
รับประทานอาหารค่ำ ที่ร้านอาหารเวียดนาม ที่ตกแต่งร้านอย่างสวยงาม อาหารอร่อยอีกตามเคย แต่พยายามไม่ให้น้ำหนักเจริญมากเกินไปค่ะ
แท้ที่จริงก็ลืมไปว่า ความง่วงเหงา หดหู่ ก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
ซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเช่นกับสภาพธรรมอื่นๆ ไม่ใช่เรา หรือใครทั้งสิ้น
ลืม ก.ไก่ ข.ไข่ อีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอ่านหนังสือออกในเร็ววันหรอก
ท่านผู้รู้ท่านว่า "ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะยังติดข้องในความเป็นเราอยู่ ยังไม่เห็นความไม่มี
ตัวตนในความมีตัวตน" นะจ๊ะ
อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนาในความวิริยะอุตสาหะ
คนกรุงเก่า
......ขออนุโมทนา........
...ทางลัดเป็นกับดักของคนส่วนใหญ่...
....ทางลัดคือทางสั้นที่สุดของอวิชชา.... ขอบคุณค่ะขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...ทางลัดเป็นกับดักของคนส่วนใหญ่...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และุทุกๆ ท่านครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญที่ทำให้ได้ติดตามอ่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
สาธุ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"..That 's why I came to vietnam..."
.........
กราบเท้าท่านอาจารย์ ด้วยความซาบซึ้งอย่างยิ่ง ครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของพี่แดง
ผู้รายงานสดภาคสนามกิตติมศักดิ์ยอดเยี่ยม
ของ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย ด้วยครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
...ต้องการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด จริงหรือไม่ จริง เมื่อจริงก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งซึ่งเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ใครจะทำสภาพธรรมอะไรได้ เพราะเมื่อเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับทันที...
...จิตเกิดดับตลอดเวลา จิตแต่ละขณะไม่ใช่จิตเก่ามาเกิด จิตใหม่ทุกขณะ... พี่แดงมีความเพียรมาก ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ
"ทางลัดเป็นกับดักของคนส่วนใหญ่" บางคนยิ่งถ้าไปยึดติดกับวัตถุมงคล หลงเชื่อ
อย่างงมงาย ที่เคยคิดว่าเป็นทางลัด แต่จริงๆ แล้วไม่รู้เลยว่านั้นคือ ทางที่ยิ่งทำให้ไกลห่าง
สัจธรรมมากขึ้นค่ะ ขอขอบพระคุณ คุณแม่แดงค่ะ
...ทางลัดเป็นกับดักของคนส่วนใหญ่...
...ทางลัดคือทางสั้นที่สุดของอวิชชา... ...เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ทุกคนพูดได้ แต่สติระลึกได้หรือไม่ว่า เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง เป็นอนัตตา เพียงแต่คิดเรื่องเห็น แต่ยังไม่รู้ลักษณะของเห็นจริงๆ ... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพรักอย่างยิ่งค่ะ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของพี่แดง
ผู้รายงานสดภาคสนามกิตติมศักดิ์ยอดเยี่ยม
ของ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย (เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ)