เงินค่าผาติกรรมเป็นเงินวัดพระนำเข้าบัญชีส่วนตัวผิดไหม
โยมจ่ายเงินค่าผาติกรรมให้กับวัดแต่จ่ายเป็นเช็ค ถ้าเจ้าอาวาสนำเช็คไปเข้าบัญชีตนเอง แล้วพอถึงเวลาที่เงินจะต้องเข้าบัญชีตามที่กำหนด แต่ไม่มีเงินเข้ามาในบัญชี กรณีนี้ถือว่าเจ้าอาวาสต้องอาบัติหนักแล้วหรือไม่ หรือว่าเงินยังไม่เข้าก็ยังไม่ผิด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผาติกรรม คือ การชดเชยของสงฆ์ ด้วยสิ่งอื่น ซึ่งของที่จะต้องชดเชย ก็ต้องมีค่าเท่ากันหรือมากกว่า จึงจะสมควรในการเป็นผาติกรรม อย่างเช่น ในกรณีของพระภิกษุรูปหนึ่งต้องการไม้ไผ่ ซึ่งเป็นของสงฆ์ ไปใช้ ท่านก็ต้องทำผาติกรรมกับสงฆ์ โดยแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มีค่าเท่ากัน หรือ มากกว่า ครับ เพราะว่าเป็นของสงฆ์ จะถือวิสาสะไม่ได้ ต้องพิจารณาก่อนครับ สำหรับ ใบไม้ หญ้า ต้นไม้ ที่เกิดขึ้นในบริเวณของสงฆ์ ถ้าจะตัดนำเอาไป ก็จะต้องพิจารณาก่อน จะเอาไปเป็นส่วนตัวไม่ได้ครับ ต้องขออนุญาตสงฆ์
ส่วนสำหรับคฤหัสถ์ เมื่อยืมของสิ่งใดไปใช้ เกิดเสียหายก็ต้องใช้คืนตามราคา หรือมากกว่าก็ได้ครับ แต่ไม่ได้หมายถึงต้องเป็นผาติกรรม เพราะ ผาติกรรมเป็นกิจของสงฆ์ด้วยกันเป็นส่วนมากครับ เพียงแต่ว่าถ้าทำอะไรเสียหาย เมื่อยืมของวัด ของสงฆ์มาใช้ ก็ใช้คืนตามราคาหรือมากกว่า ก็เท่านั้น ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ถูกต้องครับ
ส่วนจากคำถาม ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชี และตอนหลังไม่มีเงิน หากภิกษุรูปนั้น มีเจตนาขโมย และมูลค่าเกิน ๗๐๐ ถึง ๘๐๐ บาท ก็ต้องอาบัติปาราชิก ครับ แต่ถ้าน้อยกว่านั้น ก็ไม่เป็นอาบัติปาราชิก แต่การรับเงินทอง ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์แล้วครับ
ดังนั้น ที่สมควร คฤหัสถ์ไม่ควรถวายเงินทอง กับพระภิกษุ ที่เป็นค่าผาติกรรม เพราะผิดพระวินัย ทำให้ท่านต้องอาบัติ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริงแล้ว เพศบรรพชิตไม่ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทอง โดยประการทั้งปวง ภิกษุรับเงินรับทองไม่ได้ การดูแลในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ ก็ตาม ควรเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ ไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุ เพราะเงินทอง ไม่ควรแก่เพศบรรพชิต โดยประการทั้งปวง ถ้าพระภิกษุมีเจตนา มีความจงใจ ที่จะลักขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน ก็ต้องเป็นอาบัติ หนักสุด คือ ถึงปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที (ตามสิกขาบท คือ ลักทรัพย์มีมูลค่าตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป ต้องอาบัติปาราชิก)
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ถ้าเป็น ผู้ที่น้อมประพฤติ ตามพระธรรมวินัยจริงๆ สำรวมตามสิกขาบทต่างๆ โดยงดเว้น ในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติห้ามไว้ และน้อมประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุญาต เรื่องความเดือดร้อนใจในภายหลัง ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...