ความรังเกียจในเนื้อที่บริโภค

 
ณัฐวุฒิ
วันที่  19 พ.ย. 2555
หมายเลข  22071
อ่าน  1,433

เรียนวิทยากร

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ได้กินแกงไก่ที่มีคนทำมาให้ ในขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น เกิดสงสัยว่าเขาทำเพื่อเจาะจงเราหรือเปล่า แต่ก็ยังคงกินต่อไป บางคนก็ไม่สบายใจ เพราะเขาถือสัจจะ จะไม่กินของที่ฆ่าเจาะจงตน ในขณะนั้น ต้องไม่มีเจตนาฆ่า

แต่พระพุทธเจ้ามิให้พระสงฆ์ ฉันเนื้อที่เขาฆ่าเจาะจงซึ่งตน ขณะที่กินของที่เขาฆ่าเพื่อตนนั้น เป็นอกุศลจิตหรือไม่ครับ แล้วจะมีกรรมวิบากใดปรากฏบ้างครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สําหรับพระวินัยบัญญัติของพระภิกษุ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบท ในเรื่องการฉันอาหาร ในเรื่องการฉันเนื้อว่า ทรงห้ามฉันเนื้อ ๓ อย่าง คือ ได้เห็นเขาฆ่า เพื่อเจาะจงถวาย ได้ยินเขาฆ่าสัตว์ เพื่อเจาะจงถวาย และ เกิดความรังเกียจ สงสัยว่า เขาฆ่าเพื่อเจาะจงถวายเรา

ซึ่งสำหรับ การรังเกียจ สงสัยว่าเจาะจงฆ่าถวายเรานั้น หากพระภิกษุสงสัยอยู่ขณะนั้นว่า เขาฆ่าเพื่อเจาะจงถวายเราและเกิดความรังเกียจ หากยังฉันอยู่ ก็เป็นอาบัติทุกคำกลืน ซึ่ง วิบากของการต้องอาบัติ หากไม่เป็นผู้เห็นโทษของอาบัติและไม่ปลงอาบัติให้ถูกต้อง ด้วยความเห็นโทษ อาบัตินั้นไม่ตกไป ยังมีอยู่ อาบัตินั้นย่อมเป็นเครื่องกั้นสวรรค์ คือย่อมไปอบายภูมิได้และกั้นไม่ให้บรรลุธรรม ครับ

แต่หากเป็นเพศคฤหัสถ์ พระพุทธเจ้าไม่ได้มีข้อห้ามในการบริโภคเนื้อสัตว์ เพราะขณะนั้นก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่า และอาหาร ไม่ใช่จะทำให้สัตว์บริสุทธิ์หรือเศร้าหมอง แต่สภาพจิตต่างหากที่ทำให้บริสุทธิ์หรือเศร้าหมอง เพราะฉะนั้นขณะที่มีความรังเกียจว่า เขาฆ่าเจาะจงให้เรา สำหรับเพศคฤหัสถ์ถ้าบริโภค ไม่เป็นกรรมที่จะทำให้ไปอบายภูมิ เป็นแต่เพียงอกุศลจิต แต่หากคฤหัสถ์ฆ่าสัตว์เอง จึงจะเป็นกรรมที่เป็นอกุศลกรรมเป็นเหตุให้ไปอบายภูมิได้ ครับ

เพราะฉะนั้น เพศทั้งสองแตกต่างกัน เพศบรรพชิตเป็นเพศที่ขัดเกลาอย่างยิ่ง ทั้งกาย วาจาและ ใจ อันเป็นไปเพื่อถึงการดับกิเลสจนหมดสิ้น จึงมีความละเอียดของข้อบัญญัติต่างๆ มากมายกว่าคฤหัสถ์มาก ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nopwong
วันที่ 20 พ.ย. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ณัฐวุฒิ
วันที่ 20 พ.ย. 2555

ขอบพระคุณครับ อีกนิดนะครับ ที่พระสงฆ์มีพระวินัยบัญญัติไว้ ไม่ให้ฉันเนื้อ ที่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อตน พระพุทธองค์ทรงเห็นประโยชน์อะไรจึงบัญญัติข้อนี้ครับ ปกติผมเรียนที่เชียงใหม่ เวลาผมกลับไปบ้านที่ลำพูน (ชนบท) เดือนละสองสามครั้ง พ่อแม่จะเตรียมอาหารไว้ ท่านจะถามว่า อยากกินอะไร ผมก็จะเลี่ยงพวกอาหารที่อาจจะทําให้สงสัยว่า ท่านฆ่าเพื่อเราหรือเปล่า เช่น ไก่ ปลา เป็นต้น ผมก็จะบอกว่า ช่วงนี้กินเนื้อมามากแล้ว อยากกินผักบ้าง ท่านก็จะทำเป็นผักไว้ให้ แต่วันไหนเราบอกเพียงว่าจะกลับบ้าน โดยไม่ระบุเมนู มักจะเป็น ไก่ ปลา หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เป็นอาหารประจำถิ่น ผมก็ไม่ค่อยสบายใจ (มีอกุศลกลุ้มรุม) แต่ขณะกินก็นึกถึงคำท่านอาจารย์ว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่ก็รู้สึกเศร้าใจ เราจะพิจารณาอย่างไร และเกื้อกูลพ่อแม่อย่างไรในข้อนี้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าฆ่าเอง รวมทั้งสั่งผู้อื่นให้ฆ่า อย่างนี้เป็นอกุศลกรรมบถอย่างแน่นอน เป็นการสร้างเหตุที่ไม่ดี และเมื่อเหตุที่ไม่ดี มีแล้ว ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ผลที่ไม่ดีเกิดขึ้นในภายหน้าได้ โดยปกติแล้วสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ อกุศลก็ย่อมมีด้วยกันทั้งนั้นตามการสะสมของแต่ละบุคคล มีตั้งแต่ระดับที่บางเบาจนกระทั่งมีกำลังกล้า สามารถล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอกุศลระดับใด ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีทั้งนั้น ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงก็เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 20 พ.ย. 2555

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

ในความเป็นจริง สัตว์ทั้งหลายก็มีกรรมเป็นของๆ ตน เมื่อมีเหตุที่จะต้องถูกฆ่า ก็จะต้องถูกฆ่า ไม่มีใครหลีกหนีผลของกรรมได้ ดังนั้น ไม่ใช่เราที่เป็นต้นเหตุให้สัตว์นั้นตาย กรรมของสัตว์ คืออกุศลกรรมของสัตว์นั้นเองต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้สัตว์ถูกฆ่า

ซึ่งหากไม่สบายใจในการกระทำของมารดา บิดา ที่ฆ่าสัตว์มาให้ทาน ก็สามารถบอกกับท่าน ได้ว่า หากเอาอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาให้ทาน จะไม่อยากทานเลย เพราะรู้สึกไม่ชอบ ไม่สบายใจ เมื่อ บิดา มารดา รู้อย่างนี้ เพราะความรักลูก ไม่อยากให้ลูกกลุ้มใจ ก็จะไม่ทำอาหารโดยการฆ่า มาให้ ซึ่งผู้ที่เป็นบุตรก็สามารถอธิบายเหตุผลในเรื่องนี้ให้มารดา บิดาฟังได้ ครับ ที่เกี่ยวกับการฆ่าสัตว์และโทษของการฆ่าสัตว์

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 20 พ.ย. 2555
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เข้าใจ
วันที่ 21 พ.ย. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ณัฐวุฒิ
วันที่ 21 พ.ย. 2555

อนุโมทนาครับ

แม้แต่เรื่องอาหาร ถ้าเป็นผู้มีปรกติ เจริญสติ กาย วาจา ใจ ก็จะละเอียดขึ้น

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ทำดีทูเดย์
วันที่ 21 พ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
natural
วันที่ 22 พ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
peeraphon
วันที่ 22 พ.ย. 2555

แนะนำให้ท่านฟังธรรม หรืออธิบายโทษของปาณาติบาต นอกจากจะทำให้ท่านมีโอกาสเข้าใจแล้ว คุณณัฐวุติยังมีโอกาสให้ทานที่ประเสริฐที่สุดด้วยครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ก.พ. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ