รู้สึกเกลียดการเกิดมามีพ่อแม่ติดพนันค่ะ

 
jinny01
วันที่  2 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22116
อ่าน  16,723

สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องทุกข์ใจค่ะ แม่ของหนูติดการพนันเล่นไพ่มาก และต่อมาพ่อก็เริ่มติดพนันบอล แม่ชอบสร้างหนึ้และชอบพูดโกหก ตอนนี้ที่บ้านต้องดูแลยายที่เป็นโรคชราเดินไม่ได้ หนูรู้สึกไม่อยากป้อนอาหารยายอีกเลย หลังจากแม่หนูบอกว่า ให้หนูดูแลในยามที่เค้าไปเล่นไพ่ หนูท้อใจไม่อยากให้อาหารยายอีกแล้ว อยากให้แม่ได้รู้สึกผิด ที่ตัวเองไม่ดูแลยาย แต่ก็ไม่ได้ผล แม่ชอบเอาชนะหนู คือจะให้หนูยอมรับในสิ่งที่เค้าเล่นไพ่ให้ได้ เรื่องของเรื่อง คือหนูเป็นห่วง กลับดึกจะเป็นอันตราย

แต่แม่กลับบอกว่าตัวเองแก่แล้ว ไม่มีใครสนหรอก และหนูเลยต่อว่าแม่ และก็ยังต่อว่าพ่อที่ชอบว่ายาย ว่าเมื่อไรจะไปจากโลกนี้เสียที หนูกลุ้มใจ หนูไม่อยากมีพ่อแม่แบบนี้ หนูอยากไปให้ไกล และหนูก็เข้าใจว่าทำไมหนูไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน คงเป็นเพราะหนู อกตัญญู หนูพยายามปฏิบัติธรรมเพื่อให้ความโกรธคลายลง แต่ก็อดน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ค่ะ หนูถึงทางตันค่ะ ตอนนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตดี หนูจะทำใจอย่างไรให้ยอมรับพ่อแม่ และให้พ่อแม่ของหนูเลิกเล่นพนัน และรู้โทษของมันได้เสียทีคะ ขอรบกวนขอคำแนะนำและให้สติหนูหน่อยนะคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 2 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อได้เกิดมาในแต่ละภพ ในแต่ละชาติ เป็นผลสืบเนื่องมาจากยังมีกิเลสอยู่ ยังดับกิเลสอะไรๆ ไม่ได้ ย่อมมีทั้งสุข ทั้งทุกข์ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย และก็เป็นที่น่าพิจารณาว่า เมื่อเป็นทุกข์ มีความเดือดร้อนประการต่างๆ แล้วทำอะไร? สามารถจําแนกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ มีทุกข์แล้ว มีปัญหาแล้ว ไม่กระทำกุศล ไม่ได้มีความสนใจที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่เป็นผู้ประมาท และเพิ่มพูนอกุศลให้มีมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ มีทุกข์แล้ว มีปัญหาแล้ว กระทำกุศลสะสมที่พึ่งให้กับตนเอง เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต บุคคลประเภทนี้ แม้ว่าจะมีความทุกข์ความเดือดร้อนสักเท่าใด แต่ก็มีความมั่นคงที่จะกระทำกุศลต่อไป หนทางที่จะเป็นไปเพื่อละคลาย ขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน มีทางเดียวเท่านั้น คือการอบรมเจริญปัญญา

ชีวิตของแต่ละบุคคลก็เป็นไปตามการสะสม แต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย แม้ว่าบุคคลอื่นจะเป็นอย่างไร มีพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เราควรทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ที่สุด เป็นคนดี เป็นลูกที่ดี ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด และขอให้มีกำลังใจที่ดีที่จะมีชีวิตอยู่ เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และเจริญกุศลประการต่างๆ สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป เพราะสิ่งอื่นไม่สามารถที่จะเป็นที่พึ่งได้ นอกจากกุศลธรรมเท่านั้น

ประโยชน์ของการมีชีวิต คือเพื่ออบรมเจริญปัญญา จากที่ไม่เคยเข้าใจความจริง จากที่เต็มไปด้วยความมืดคืออวิชชา ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ในสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงยิ่งขึ้น เมื่อมีปัญญาเจริญขึ้น ก็จะทำให้เป็นผู้มีชีวิตที่ดำเนินไปด้วยปัญญา ตามที่ตนมี เปลี่ยนจากที่เคยอยู่ด้วยกิเลสประการต่างๆ มากมาย มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น เป็นผู้อยู่ด้วยปัญญา และกุศลที่เพิ่มขึ้น ชีวิตเป็นสุขขึ้นด้วยปัญญา ปัญหาจะค่อยๆ น้อยลงเมื่อปัญญาเจริญขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้ว กิเลสเป็นต้นเหตุของทุกข์ เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งปวง ปัญหามาจากจิตซึ่งเป็นไปกับด้วยกิเลสทั้งนั้น ปัญหาไม่ได้มาจากกุศลจิตเลย

กล่าวโดยสรุปแล้ว ปัญหาชีวิตโดยมากเกิดจากกิเลสที่เคยสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เพราะยังดับกิเลสไม่ได้ ปัญหาของชีวิตก็คงมีอยู่เรื่อยๆ จากเรื่องหนึ่งก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของสังสารวัฏฏ์ว่าเต็มไปด้วยทุกข์จริงๆ หนทางเดียวที่จะเป็นไปเพื่อความพ้นจากทุกข์ได้ ก็คือการอบรมเจริญปัญญา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 2 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในสังสารวัฏฏ์ที่เกิดมา ไม่มีใครเลือกเกิดได้ หรือเลือกที่จะมีคนบริวารรอบข้างเป็นใคร บุคคลใดได้เลย เพราะด้วยอำนาจของกรรมที่จัดสรร ทำให้ต้องได้รับสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงโทษใครไม่ได้เลย เพราะเป็นอกุศลกรรมในอดีตที่ทำมา สมดังที่พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่ภิกษุรูปหนึ่ง มีเงาผู้หญิงติดตามตัวท่านเองตลอด จนถูกสามเณรและพระภิกษุรูปอื่นๆ ล้อเลียนท่าน จนท่านทนไม่ไหว ก็กลับไปด่าว่าพระภิกษุรูปที่ล้อเลียน ภิกษุทั้งหลายไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธเจ้าทรงไต่สวนทั้งสองฝ่าย ทราบเรื่องที่พระภิกษุรูปนั้นได้ด่าว่าภิกษุรูปที่ล้อเลียนจริง พระพุทธเจ้าตรัสกับพระภิกษุรูปนั้นว่า เธออย่าได้กล่าวคำหยาบ ด่าว่าใครเลย เพราะเหตุที่ว่า ที่เธอประสบสิ่งที่ไม่ดีในปัจจุบันต่างๆ เหล่านี้ มีเงาผู้หญิงติดตามตลอด เป็นต้น ก็เพราะกรรมในอดีตที่เธอทำบาปเอาไว้ มาบัดนี้ เธอยังจะทำบาปต่อไปในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สมควรหรือ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสพระคาถาที่ไพเราะว่า เธออย่าได้กล่าวคำหยาบกะใครๆ , ชนเหล่าอื่น ถูกเธอว่าแล้ว จะพึงตอบเธอ, เพราะการกล่าวแข่งขันกันให้เกิดทุกข์ อาชญาตอบ พึงถูกต้องเธอ, ผิเธอ อาจยังตนไม่ให้หวั่นไหวได้ ดังกังสดาล (ระฆัง) ที่ถูกกำจัดแล้วไซร้ เธอนั่น ย่อมบรรลุพระนิพพาน, การกล่าวแข่งขันกัน ย่อมไม่มีแก่เธอ


จากพระพุทธพจน์ แสดงให้เห็นครับว่า การกล่าวคำหยาบ ว่าร้ายกัน ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่การอดทนและการปฏิบัติหน้าที่ของตนอันสมควร ย่อมจะเป็นประโยชน์กว่า ดังนั้น ในกรณีนี้ เราไม่สามารถเลือก บิดา มารดา คนรอบข้างได้ เพราะเป็นผลของกรรมที่จะต้องเกิดมาในสภาพแวดล้อมอย่างนั้น แน่นอนครับว่า เรายังมีกิเลสก็อดทนไม่ได้ในบางครั้ง แต่ก็ควรใคร่ครวญ พิจารณาว่าชีวิตของใคร ก็ของคนนั้น เพราะต่างคนก็ต่างมา ต่างคนก็ต่างไป แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกันแล้ว ในชาติหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามฐานะที่ได้เกิดเป็นบุตร เกิดเป็นหลาน ที่จะดูแล ทำหน้าที่ของเราที่ยังเป็นหนุ่มสาว เท่าที่ทำได้ และทำหน้าที่อื่นๆ ตามสมควรกับวัยของตน ส่วนความไม่ดีของคนอื่น ก็เป็นความไม่ดีของคนอื่น ควรจะรักษาความดีของตน ซึ่งจะมีความดีได้ก็ด้วยการศึกษาพระธรรม และที่สำคัญ การเกิดเป็นมนุษย์หาได้ยาก ชีวิตที่มีค่าและมีเวลาน้อย คือเมื่อได้พบพระธรรมแล้ว ควรที่จะใส่ใจศึกษาพระธรรม เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นจากการฟังพระธรรม จะทำให้คิดถูกขึ้นในเหตุการณ์ที่เราพบประสบในชีวิต ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
natural
วันที่ 2 ธ.ค. 2555

ขอให้คุณ jinny01 เรียนรู้ธรรม ด้วยการฟังธรรมด้วยกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 2 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Khun
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

อย่างน้อยหนู jinny01 ก็เป็นผู้ที่เห็นความรู้สึกนึกคิดของตนเอง รวมทั้งหาหนทางที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น นี่เป็นการดีค่ะ. พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป ข้อนั้น เป็นความเจริญในอริยวินัย". ยังไงก็ขอให้ หนู jinny จงมั่นคงต่อตัวเอง ให้รู้ว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเพราะเราได้ทำไว้แล้วเองทั้งนั้นในอดีต เราอาจจะลืม แต่กรรมไม่ลืมให้ผลเมื่อเหตุและปัจจัยพร้อม. อย่างน้อย เวลาที่เราโกรธ ไม่พอใจ หรือกำลังท้อแท้ ก็ให้รู้ถึงความรู้สึกของเราเองในตอนนั้นเลยว่าเรากำลังรู้สึกโกรธ กำลังรู้สึกท้อแท้ กำลังรู้สึกไม่พอใจ เรากำลังรู้สึกยังไง กับเรื่องอะไร ก็ให้รู้สึกถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเลย และก็เพียรเพิ่มปัญญาให้ตัวเอง โดยการฟัง (อ่าน) ธรรมอยู่เรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เข้าใจ
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

พ่อกับแม่ได้เคยสัญญากับเราไว้หรือเปล่าครับ ว่า ท่านจะตามใจเราทุกอย่าง เมื่อเรามาเกิดเป็นลูกของท่าน จะเห็นนะครับว่า ไม่เคยได้ให้คำสัญญากันไว้ก่อน ความทุกข์ใจตรงนี้จะแก้ไขได้ครับ เมื่อตั้งใจจริง ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อเข้าใจพระธรรมดีขึ้นแล้ว ก็จะหมดปัญหาไปเองครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

แม่ของหนู ติดการพนันเล่นไพ่มาก และต่อมาพ่อก็เริ่มติดพนันบอล แม่ชอบสร้างหนี้และชอบพูดโกหก

อ.คำปั่น ชี้ให้เห็นว่า ปุถุชนมีกิเลสมากมาย แล้วแต่การสะสมมาในอดีต ดังนั้น เป็นธรรมดา ที่ มารดา บิดาที่สะสมมาด้วยเหตุที่เป็นอกุศล ย่อมต้องกระทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นไปในอกุศล ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ นอกจากจะเข้าใจเรื่องของกรรม


ตอนนี้ที่บ้านต้องดูแลยายที่เป็นโรคชรา เดินไม่ได้ หนูรู้สึกไม่อยากป้อนอาหารยายอีกเลย หลังจากแม่หนูบอกว่า ให้หนูดูแลในยามที่เค้าไปเล่นไพ่ หนูท้อใจไม่อยากให้อาหารยายอีกแล้ว

การทำความดี กับ การประชดแม่ เป็นคนละเรื่อง ไม่ควรนำมาคิดรวมกัน การดูแลคุณยาย เป็นความกตัญญูรู้คุณ เป็นสิ่งประเสริฐ อ.คำปั่น ชี้ว่า "เราควรทำหน้าที่ของตน ให้สมบูรณ์ที่สุด เป็นคนดี เป็นลูกที่ดี ทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด" เมื่อมีโอกาสควรทำ ส่วนการประชดแม่ด้วยการไม่ดูแลยาย มิได้เป็นเหตุทำให้แม่เลิกเล่นการพนัน แต่จะกลายเป็นเราทำไม่ดีแทน


อยากให้แม่ได้รู้สึกผิด ที่ตัวเองไม่ดูแลยาย แต่ก็ไม่ได้ผล แม่ชอบเอาชนะหนู คือจะให้หนูยอมรับในสิ่งที่เค้าเล่นไพ่ให้ได้

ความคิดเห็นของคนอื่น จะเปลี่ยนแปลงไปได้ก็ต้องด้วยตัวของผู้นั้นเอง เราคงเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นไม่ได้ อยากให้แม่รู้สึกผิด แต่แม่ไม่รู้สึกผิด ก็เป็นทุกข์ ความอยากไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มิฉะนั้น ใครอยากได้อะไร ก็ได้สิ่งนั้น การชนะความชั่วก็ด้วยความดีเท่านั้น ชนะตนเอง ที่ไม่สบายใจ โกรธ ทุกข์ใจ เรื่องแม่ ก็ด้วยความดีที่ไม่โกรธแม่ ที่ทำไม่ดีเช่นนั้น แต่ให้มีเมตตาต่อท่าน ระลึกถึงในสิ่งดีๆ ที่ท่านทำ ที่ท่านมอบให้ ที่ท่านเลี้ยงดูเรามาจนโต นี่แหละที่จะชนะความไม่ดีได้


เรื่องของเรื่องคือหนูเป็นห่วง กลับดึกจะเป็นอันตราย แต่แม่กลับบอกว่าตัวเองแก่แล้ว ไม่มีใครสนหรอก และหนูเลยต่อว่าแม่ และก็ยังต่อว่าพ่อ ที่ชอบว่ายาย ว่าเมื่อไรจะไปจากโลกนี้เสียที

อ.ผเดิม ชี้ให้เห็นชัดถึงโทษของการกล่าวคำหยาบ การต่อว่า ดุด่า โดยเฉพาะกับมารดา บิดา ผู้มีพระคุณ จิตใจที่ทำให้กล่าวคำหยาบ ย่อมเป็นจิตที่เต็มไปด้วยโทสะ ความโกรธ นอกจากจะทำให้ตัวเองแย่ลงแล้ว มารดาบิดาย่อมเสียใจ และเป็นทุกข์ด้วยถ้อยคำหยาบของเรา ไม่เกิดประโยชน์เลยจริงๆ ทุกฝ่าย


หนูกลุ้มใจ หนูไม่อยากมีพ่อแม่แบบนี้

กลุ้มใจเพราะสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ก็เป็นเรื่องธรรมดา มีแต่พระอริยะเท่านั้นที่ไม่กลุ้มใจ


หนูอยากไปให้ไกล

จะไปไหนครับ เมื่อจิตใจที่เป็นทุกข์นั้นยังเกิดดับ อยู่ด้วยเราตลอดเวลา


และหนูก็เข้าใจว่า ทำไมหนูไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน คงเป็นเหตุเพราะหนูอกตัญญู

ไม่มีใครรู้ได้ เพียงแต่ทราบได้ว่า ผลที่ไม่ดี เกิดมาจากเหตุที่ไม่ดี ที่ได้ทำมาแล้วในอดีต หากเข้าใจเรื่องนี้ ถ้ายังทำเหตุในปัจจุบันไม่ดีอีก ก็คงรอรับผลที่ไม่ดีต่อไปแน่นอน


หนูพยายามปฏิบัติธรรมเพื่อให้ความโกรธคลายลง

เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว อย่าเพิ่งไปทำ ไปปฏิบัติ เพื่อจะไม่ให้โกรธ เป็นไปไม่ได้เลย เริ่มต้น ต้องสนใจศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องเสียก่อน มีธรรมะให้เริ่มต้นศึกษาได้ในเว็บไซต์นี้ หลากหลาย เมื่อเข้าใจธรรมะมากขึ้นๆ ย่อมเป็นเหตุให้กิเลสต่างๆ ลดลงได้


แต่ก็อดน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ค่ะ

ธรรมดา ไม่แปลกเลย ไม่น้อยใจสิแปลก


หนูถึงทางตันค่ะตอนนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตดี

ต้องเริ่มศึกษาพระธรรมแล้วล่ะ ทำอย่างไรกับชีวิตไม่ได้ แต่เริ่มที่จะเข้าใจได้


นูจะทำใจอย่างไรให้ยอมรับพ่อแม่

ทำความดีให้ยิ่งขึ้น และศึกษาพระธรรมไปด้วยพร้อมกัน


และให้พ่อแม่ของหนูเลิกเล่นพนันและรู้โทษของมันได้เสียทีคะ

คําตอบเหมือนเดิม คือจะไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่นไม่ได้ เว้นแต่ตัวของเค้าเอง ส่วนที่เราสามารถจะเกื้อกูล มารดา บิดา ได้ ก็ด้วยให้ความเข้าใจและเมตตาต่อท่าน พร้อมกับค่อยๆ อธิบายให้เห็นโทษ ภัย ของการพนัน เมื่อมีโอกาสที่สมควร อย่าไปตำหนิด่าว่า ต่อว่า ต้องมีความอดทน มีขันติมากๆ สะสมเมตตาและมีขันติ อย่างไรก็ต้องศึกษาธรรมะให้ละเอียดลึกซึ้ง จึงจะเข้าใจได้ว่า เมตตาเป็นอย่างไร ขันติเป็นอย่างไร เมื่อเข้าใจแล้ว เมตตาและขันติย่อมเจริญขึ้นเอง

เริ่มศึกษาจากกระทู้ข้างล่างนี้เลยครับ

การอบรมเจริญเมตตา

ชนะด้วยความอดกลั้นมีขันติ

ขันติบารมีจะเจริญได้อย่างไร

ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ และขออนุโมทนาในกุศลจิตที่เกิดจากความเข้าใจธรรมด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
maxnakub2
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

เราคงห้ามไม่ได้นะครับ ที่จะไม่โกรธ ไม่เกลียดท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือ "รู้และเข้าใจ ในสิ่งที่กำลังทำ" ว่าทำไปเพราะเหตุใด ทำเพื่อใคร ทำเพื่อสิ่งไหนครับ กิเลสมีอยู่แล้วครับ ปกติ แต่ปัญญารู้และเข้าใจสิ่งที่ปรากฏครับ ไม่ต้องไปฝืน ถ้ามีโอกาสก็บอกกับท่านก็ได้ครับ บอกความเป็นจริงที่ได้ศึกษามาอย่างถูกต้อง ถึงเขาจะโกรธก็ให้เขาโกรธครับ เพราะว่าเราปรารถนาที่จะช่วยเขา ให้เขาได้รู้บ้างว่า เราทุกข์กับการกระทำของท่านนะ :) สู้ๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jinny01
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

ขอขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ที่ให้สติและให้แง่คิดแนวทางธรรมะ

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pat_jesty
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Boonyavee
วันที่ 3 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Noparat
วันที่ 4 ธ.ค. 2555

ทุกชีวิตมีปัญหา เพียงแต่การแก้ปัญหาจะเป็นไปในลักษณะใด ตัวคุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าจะเป็นคนดีเพื่อทำความดีต่อไปหรือไม่ ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เสกขา
วันที่ 4 ธ.ค. 2555

หวัดดีครับ น้อง Jinny01

ผมเสียใจด้วยนะครับ ที่คุณต้องลำบากแบบนั้น ผมขอแสดงทัศนะว่าอย่างนี้นะครับ

แยกเรื่องยายกับแม่ ออกจากกัน เราป้อนข้าวยาย เพราะว่ายายดูแลตัวเองไม่ได้ และเราช่วยเขาได้ เรื่องพ่อและแม่นั้นเราคงแก้เขาไม่ได้ ถึงเวลาเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วเขาอาจคิดได้และเลิกได้เอง ถ้าไม่ได้ก็ปล่อยไปเถอะครับ เราดูแลตัวเองให้ดี ให้ถูก ให้ควร ไม่มีใคร เลือกพ่อแม่ของตัวเองได้ เพื่อนผมมี ที่เกิดมาแล้ว พ่อแม่ไม่อยากได้เขาไว้ ก็มี แต่อย่าไปรับภาระที่พ่อแม่ ก่อไว้นะครับ เรื่องหนี้สิน ให้เขาใช้กันเอง อย่าแสดงความกตัญญูด้วยการส่งเสริมให้เขา "สะดวก" กับการทำผิดนะครับ เราแทนคุณเขาได้ด้วยการแนะนำ ให้คำที่เป็นปัญญา ตามแต่สภาพที่เราจะทำได้ ทำแล้วๆ กัน แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก็มีคนเกลียดและไม่เชื่อถือ (มีพราหมณ์มากมายในสมัยนั้นที่ชิงชังท่าน) เราเป็นแค่คนธรรมดา จะให้ไปแก้มันทุกอย่างคงไม่ได้หรอกครับ อยากจะบอกว่า ที่หนูคิดว่าไม่ประสบความสำเร็จในการงานนั้น เพราะว่าอกตัญญูนั้น คงจะไม่จริงหรอกครับ กฎแห่งกรรมที่แท้นั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น กฎแห่งกรรมนั้น ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นว่า ... ทุกอย่างเกิดมาจากเหตุ (ซึ่งอาจจะมีหลายๆ เหตุ) เหตุก่อผล และผลนั้นจะเป็นเหตุให้เกิดสิ่งอื่นที่เป็นผลอีกที ต่อเนื่องไปอย่างนี้ ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

ขอให้พิจารณาว่า เหตุที่ความก้าวหน้าทางการงานสะดุดนั้นคืออะไร อาจเป็นเพราะใจกังวล หรือสุขภาพจิตเราแย่ ขาดโฟกัส เพราะต้องคอยกังวลเรื่องครอบครัว หรือว่าสาเหตุอื่นใดหรือเปล่าครับ ขอให้พิจารณา มองให้ถูกมุมนะครับ การจะแก้ปัญหาให้สำเร็จต้องเริ่มจากการ "เข้าใจ" สาเหตุที่แท้แห่งปัญหานั้นเสียก่อนครับ

เรื่องโชคของเรานั้น คิดซะว่า เราได้ที่มาผืนหนึ่ง เป็นที่ไม่สมบูรณ์ ปลูกอะไรก็งอกยาก แต่ว่าเรามีแค่ที่ผืนนี้ผืนเดียว ยังไงก็ต้องปลูกให้เป็นผล จะปลูกอะไรยังไงต้องมาจัดการศึกษาดูแลเอาครับ คือเราเลือกโชคของเราไม่ได้ เราทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่โชคเราจะมี ถ้ามัวแต่คิดว่าทำไมโชคไม่ดีเหมือนคนอื่นเขา ผลิตผลมันก็ไม่งอกอยู่ดี เป็นคำถามที่เปล่าประโยชน์ครับ มีแต่จะทำให้เราทุกข์ใจหนักขึ้นนะครับ ปรับโฟกัสให้ดี จะได้แก้ปัญหาได้นะครับ

ขอให้น้องโชคดีนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nopwong
วันที่ 4 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
เซจาน้อย
วันที่ 4 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจ"

"ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน"

"ใครจะทำไม่ดีก็เป็นเรื่องของเขาแต่เราควรจะทำความดี (กุศล) "

การเกิดเป็นมนุษย์หาได้ยาก ชีวิตมีค่าและเวลามีน้อย คือเมื่อได้พบพระธรรมแล้ว ควรที่จะใส่ใจศึกษาพระธรรม เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นจากการฟังพระธรรมจะทำให้คิดถูกขึ้นในเหตุการณ์ที่เราพบประสบในชีวิต ครับ

ขออนุโมทนา

ปัญหาชีวิตโดยมาก เกิดจากกิเลสที่เคยสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เพราะยังดับกิเลสไม่ได้ ปัญหาของชีวิตก็คงมีอยู่เรื่อยๆ จากเรื่องหนึ่ง ก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของสังสารวัฏฏ์ ว่า เต็มไปด้วยทุกข์จริงๆ

หนทางเดียว ที่จะเป็นไปเพื่อความพ้นจากทุกข์ได้ ก็คือ การอบรมเจริญปัญญา ครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wannee.s
วันที่ 5 ธ.ค. 2555

ถ้าเกลียดพ่อแม่ที่ติดการพนัน ก็เป็นอกุศล เป็นบาป แต่ละคนสะสมกิเลส ความไม่ดี ติดอะไรมาต่างกัน พ่อ แม่ ถึงจะไม่ดี ก็มีพระคุณมาก เราไม่มีทางทดแทนคุณท่านได้หมด ให้ทำดีกับพ่อแม่เท่าที่ทำได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
kinder
วันที่ 5 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
choonj
วันที่ 6 ธ.ค. 2555

ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่รู้จักผู้ติดพนันดี ก่อนอื่นขอให้รู้ว่าพนันเมื่อติดแล้วเลิกยาก ถ้าหายใจเป็นการเล่นพนัน จนชวนให้ผู้อื่นยอมรับแล้ว ยิ่งเลิกยาก กว่าจะเลิกได้ก็ต้องหมดเงิน หรือมีแต่สติที่มีกำลังมากๆ ซึ่งก็ยากอีกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องหวังให้ผู้อื่นเลิกการพนัน เพราะจะไม่สำเร็จ ผู้ติดย่อมไม่อยากเลิก แต่ถึงอยากเลิก ก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกได้ง่าย ทีนี้ก็มาเป็นเรื่องของเรา ผู้ติด ย่อมหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราแน่นอน จึงต้องเตรียมตัวรับเรื่องเดือดร้อนที่กำลังจะมา มีสติ ปกป้องเอาตัวรอดให้ได้ จากปัญหาที่กำลังจะมา เวลาจึงต้องใช้ไปในทางที่จะเอาตัวรอด ไม่ไช่ไปแก้ไขคนอื่น ... ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
kanchana.c
วันที่ 6 ธ.ค. 2555

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้ฟังท่านอาจารย์กล่าวว่า "จิตของแต่ละคน ก็แต่ละหนึ่ง จะเอาจิตของคนอื่นมาเป็นจิตของเราไม่ได้"

จิตของแม่ที่ติดการพนันเป็นอย่างไร เราไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะไม่ใช่จิตของเรา ท่านอาจจะทุกข์ยาก เดือดร้อน อยากจะเลิก แต่ทำไม่ได้ คิดดูว่า จะเดือดร้อนขนาดไหน น่าสงสาร น่าเมตตา มากกว่าจะเกลียดโกรธ ทุกคนก็อยากเป็นคนดี โดยเฉพาะแม่ ก็อยากเป็นที่เคารพรักของลูก แต่ทำไม่ได้ เพราะความติดข้องในการพนันนั้น รุนแรงมาก เอาชนะได้ยาก

แต่จิตของหนู jinny01 นั้นเป็นอย่างไร หนูรู้เองว่าขณะที่โกรธ เกลียดแม่นั้น เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เบาสบายหรือหนัก ไม่อยากจะเกลียดจะโกรธใช่ไหมคะ ถึงได้เขียนมาถาม ขนาดความเกลียด โกรธ ที่มีสภาพหยาบ ไม่อยากจะมี ยังหมดไปไม่ได้ง่ายๆ ด้วยความอยากเลย แต่การติดการพนัน ติดเหล้า ซึ่งเป็นสภาพที่ทำให้เพลิดเพลิน หมกมุ่นนั้นจะเลิกยากกว่าแค่ไหน

ไม่ว่าจะเกลียด โกรธ ติดข้อง ต้องการ ล้วนเป็นกิเลส เป็นสิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่เป็นสุข เป็นทุกข์ ทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่ก็เกิดแล้ว ตามเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปเองตามธรรมชาติของสภาพธรรมทั้งหมด เมื่อยังมีเหตุก็ต้องเกิดอีกไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ก็ยังต้องทุกข์เดือดร้อน เพราะกิเลสเช่นนี้ตลอดไป

หนูมาถูกทางแล้วที่เข้ามาในเว็บนี้ ติดตามฟังธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้ดีแล้ว เมื่อเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่า ทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้แหละ เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดแล้วก็ดับไปทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้หนู ตั้งใจฟังพระธรรมให้เข้าใจ ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะพระธรรมนั้นลึกซึ้ง รู้ตามได้ยาก แต่ค่อยๆ สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้นได้ทีละเล็กทีละน้อย จนเข้าใจความจริงแท้นั้นได้

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
jinny01
วันที่ 9 ธ.ค. 2555

ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ให้กำลังใจ ให้สตินะคะ ตอนนี้คิดได้แล้วค่ะ บางทีความโกรธทำให้เรามักคิดน้อยใจในโชคชะตา แต่จริงๆ ถ้าย้อนมองกลับไป ไม่มีอะไรเลย เพียงแค่หนูได้เกิดมา มีชีวิตได้จนถึงปัจจุบัน วันนี้ ได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้ากันเพียงเท่านี้ก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว - ขอบคุณค่ะ :)

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
rrebs10576
วันที่ 11 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
jaturong
วันที่ 8 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
Deejai
วันที่ 10 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ เข้าใจอะไรมากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
autobluesky
วันที่ 6 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ เข้าใจอะไรมากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
ให้เรียกฉันว่า
วันที่ 22 มี.ค. 2560

เจอมาแบบคุณ jinny01 เข้าใจคุณนะคะ เขาจะสำนึกได้เองค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.พ. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 3 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ