ปฏิสัมภิทา ๔ มีในบุคคลที่ตำ่กว่าพระอรหันต์ไหม ?
ในพระธรรมบทหลายแห่งกล่าวไว้ มีสาวกหลายท่านสำเร็จพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ ผมสงสัยว่า ปฏิสัมภิทา ๔ มีในบุคคลที่ตํ่ากว่าพระอรหันต์ได้ไหม หากมี จะรู้ได้อย่างไร มีอะไรพิสูจน์ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฏิสัมภิทา คือ ความรู้แตกฉานในธรรม ๔ อย่าง ได้แก่ ในเหตุ ๑ ในผล ๑ ในภาษา ๑ ในปฏิภาณ ๑ ซึ่งปุถุชน ไม่มีปฏิสัมภิทา แต่ พระอริยบุคคลเท่านั้นที่มีปฏิสัมภิทา
พระอริยบุคคลทุกขั้นมีปฏิสัมภิทาญาณ แม้พระโสดาบันก็มีครับ รวมทั้งพระอรหันต์สุกขวิปัสสก แต่ไม่บริบูรณ์เท่ากับพระอรหันต์ที่เป็นมหาสาวก
สำหรับพระมหาสาวกทุกท่านมีปฏิสัมภิทาต่างกันได้ คือ มีปัญญาแตกฉานตามการสะสม เช่น ท่านพระสารีบุตรย่อมแตกฉานมากกว่ามหาสาวกท่านอื่นๆ ครับ ดังนั้น พระอริยบุคคลทุกขั้นมีปัญญาแตกฉานที่เป็นปฏิสัมภิทา แต่แตกต่างกันไป มีมาก มีน้อย ผู้ที่มีมาก ก็เรียกได้ว่า เป็นผู้มีปฏิสัมภิทา ๔ นั่นเอง ครับ ซึ่งพระอรหันต์ที่เป็นสุกขวิปัสสก ดับกิเลสอย่างเดียวแต่ไม่ได้มีฤทธิ์ แต่ท่านก็ต้องอบรมวิปัสสนาจนถึงขนาดดับกิเลสได้ ดังนั้น ท่านก็ต้องมีปัญญาแตกฉานบ้าง ในธรรม ในอรรถ บ้างครับ และแม้พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ท่านก็ต้องประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมดับกิเลสได้บางส่วน และประจักษ์พระนิพพานด้วย เพราะฉะนั้น ท่านก็มีปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในด้านต่างๆ ตามสมควร ดังเช่น พระอานนท์ เมื่อยังเป็นพระโสดาบัน ท่านก็เป็นผู้เลิศ ใน ๕ สถาน และมีความแตกฉานในพระธรรมมาก ก็เป็นผู้มีปฏิสัมภิทาเช่นกัน แต่ตามสมควรกับความเป็นพระโสดาบัน ครับ
ดังข้อความในพระไตรปิฎก
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 20
อันธรรมดาว่า การเรียนพระพุทธพจน์แม้มากมาย แล้วบรรลุปฏิสัมภิทา ย่อมไม่มีแก่ปุถุชน แต่พระอริยสาวกที่จะได้ชื่อว่าไม่บรรลุปฏิสัมภิทานั้น ย่อมไม่มีเลย
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ในยุคปัจจุบันยังมีผู้ที่ได้ปฏิสัมภิทาหรือไม่
ทางคืออุบายเป็นเครื่องบรรลุปฏิสัมภิทา [ปฎิสัมภิทามรรค]
ขออนุโมทนา
ขออนุญาตกราบเรียนถามเพิ่มเติมครับ
แล้วอย่างกัลยาณปุถุชน ผู้สดับคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วมีปัญญาเพิ่มขึ้น ทีละนิดทีละหน่อย จนเข้าใจธรรม ก็ไม่ชื่อว่ามีปฏิสัมภิทา เพราะเหตุไรครับ
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอริยบุคคลทุกระดับขั้น ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ย่อมเป็นผู้ได้ปฏิสัมภิทา ๔ คือ แตกฉาน ในเหตุ ๑ ในผล ๑ ในนิรุตติ ๑ และในปฏิภาณ ๑ ซึ่งมีระดับที่แตกต่างกันตามปัญญา
ส่วนปุถุชน แม้จะมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรบเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ยังไม่มีปฏิสัมภิทา เพราะปัญญายังไม่ถึงความเจริญคมกล้า ที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพานและดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น และยังไม่สามารถดับความเห็นผิด ความลังเลสงสัย ในสภาพธรรม เป็นต้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เรียน ความเห็นที่ 4 ครับ
ปฏิสัมภิทา เป็นเรื่องของปัญญาเป็นสำคัญ โดยเฉพาะปัญญาที่คมกล้า ซึ่งปัญญามีสองอย่าง โดยนัยกว้าง คือโลกียปัญญา คือปัญญาที่ยังเป็นไปในวัฏฏะ และโลกุตตรปัญญาที่เป็นปัญญาที่ประจักษ์พระนิพพานถึงการดับกิเลส
เพราะฉะนั้น การจะบรรลุเป็นพระอริยบุคคล กว่าจะถึงตรงนั้น หากได้ศึกษาอย่างละเอียด จะต้องผ่านวิปัสสนาญาณ ๑๖ ขั้น มีปัญญาที่คมกล้า ประจักษสภาพธรรม จนในที่สุดถึงมรรคจิต ผลจิต ปัญญามีกำลัง เพราะเป็นโลกุตตรปัญญา ซึ่งจะต้องผ่าน อริยสัจ ๔ วน ๓ รอบ คือ สัจจญาณ กิจญาณ และกตญาณ จนถึงการดับกิเลส เพราะเหตุนี้ ท่านที่มีปัญญา ระดับโลกุตตระ ผ่านอริยสัจ ทำกิจ วน ๓ รอบ จึงเป็นผู้มีปัญญาแตกฉานในตัวของสภาพธรรมอย่างแท้จริง แต่ปุถุชนยังไม่ได้ผ่านอริยสัจ ทำกิจ วน ๓ รอบ จึงไม่ได้ปฏิสัมภิทาและ ไม่มีปัญญาถึงระดับโลกุตตระ ปุถุชน จึงไม่มีปฏิสัมภิทา แต่เป็นเพียงพหูสูต ครับ
ขออนุโมทนา