น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
ขอเรียนถามว่า ขณะที่น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ จิตขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลคะเพราะมีบางท่านบอกว่า การที่เราร้องไห้หรือน้ำตาไหล จิตย่อมเป็นอกุศลเสมอ จริงหรือ ไม่คะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะที่น้ำตาไหล เกิดจากจิตที่เป็น กุศลจิต หรือ อกุศลจิต ก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับสภาพจิตในขณะนั้น น้ำตาไหลเพราะ โทสะก็ได้ เช่น เศร้าโศกเสียใจ แต่ขณะใดที่น้ำตาไหล เกิดกุศล น้ำตาไหลก็ได้ เช่นขณะที่ ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย ปิติ และกุศลจิตเกิดขึ้น เป็นปัจจัยให้รูปไหวไป ทำให้น้ำตาไหลก็ได้ ครับ
ความยินดีในธรรมที่เป็นกุศลจิตย่อมน้ำตาไหลได้
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 323
๑๐. เรื่องท้าวสักกเทวราช [๒๔๙]
อนึ่ง แม้ความยินดีในบุตร ความยินดีในธิดา ความยินดีในทรัพย์ ความยินดีในสตรี และความยินดีมีประเภท มิใช่อย่างเดียว อันต่างด้วยความยินดี ในการฟ้อน การขับ การประโคม เป็นต้น ย่อมเป็นปัจจัย แห่งการยังสัตว์ให้ตกไปในสังสารวัฏฏ์ แล้วเสวยทุกข์โดยแท้ ส่วนความอิ่มใจ ซึ่งเกิดขึ้น ณ ภายในของผู้แสดงก็ดี ผู้ฟังก็ดี ผู้กล่าวสอนก็ดี ซึ่งธรรม ย่อมให้เกิดความเบิกบานใจ ให้น้ำตาไหล ให้เกิดขนชูชัน ความอิ่มใจนั้นย่อมทำที่สุด แห่งสังสารวัฏฏ์ มีพระอรหัตเป็นที่สุด ความยินดี ในธรรม เห็นปานนี้แหละ ประเสริฐกว่าความยินดีทั้งปวง เพราะเหตุนั้น พระศาสดา จึงตรัสว่า "สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ"
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม ที่มีจริงในขณะนี้ แม้แต่ในเรื่องของปีติ ก็เช่นเดียวกัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นความเอิบอิ่ม ปลาบปลื้มใจ เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ซึ่งจะเป็นกุศลก็ได้ เป็นอกุศลก็ได้ เพราะเหตุว่า ปีติ เป็นปกิณณกเจตสิก เกิดได้กับจิตทั้ง ๔ ชาติเลย ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ เป็นธรรม ที่เกิดเพราะ เหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...