ร่วมพิธีถวายพระรัตนบุษยภาชน์อโศกมหาราชปริวรรต 1 ทัพหน้าที่โกลกาตา

 
kanchana.c
วันที่  6 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22139
อ่าน  2,568

ทัพหน้าที่โกลกาตา

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาจริงๆ พิสูจน์ได้ตลอดเวลา เช่น ตั้งใจจะรายงานสดเมื่อไป ถึงอินเดียแล้ว เหมือนอย่างที่ทำได้อย่างง่ายดายที่โปแลนด์และเวียดนาม แต่อินเดียก็ ปราบเซียนเหมือนทุกครั้ง คือจะต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นเสมอ จนเมื่อถึง โรงแรมก็อ่อนล้าเกินกว่าจะรายงานสดใดๆ ทั้งสิ้น แค่ทำความสะอาดตัวเองแล้วเข้านอน เอาแรงเพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันต่อไปได้ แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว และ wifi ก็ไม่ได้มีบริการ ฟรีทุกแห่งเหมือนเวียดนามและโปแลนด์ แถมกลับมาแล้วยังต้องนอนพักให้ร่างกายแข็ง แรงเพื่อขับไล่ไวรัสหวัดสายพันธุ์อินเดียที่ติดตามมาเที่ยวเมืองไทยด้วย (ได้ข่าวว่า ทริป นี้เชื้อหวัดติดตามหลายคนมาเที่ยวเมืองไทย แค่ที่บ้านก็ 2 คนแล้ว)

ไปร่วมงานคราวนี้เหมือนเป็นทัพหน้า เพราะไปล่วงหน้าคณะท่านอาจารย์ที่ อัญเชิญ"พระรัตนฯ" ที่มีค่าประมาณไม่ได้ไปด้วย 1 วัน พวกเรามีทั้งหมด 82 ชีวิต นำทัพ โดยคุณเล็ก สุรภา ภวนานันท์ และทีมงานที่แข็งขัน ออกเดินทางจากสนามบิน ดอนเมือง โดยแอร์เอเซีย ในวันที่ 22 พ.ย. 55



ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินดอนเมือง 2:30 ชม. ก็ถึงโกลกาตา เวลาช้ากว่าไทย 1:30 ชม. พักที่โรงแรม Swissohel ระดับ 5 ดาว โรงแรมอยู่นอกเมือง ห่างจากสนามบิน ประมาณ 15 นาที หลังเข้าโรงแรมแล้ว ได้ไปเที่ยวชมเมือง ซึ่งต้องนั่งรถไปอีกเป็น ชั่วโมง ถึงจะเข้าเขตเมือง เพราะรถติดมาก พอๆ กับกรุงเทพ แต่กรุงเทพดีกว่า ที่รถติด อย่างเงียบๆ แต่ที่อินเดียทั้งรถติด ทั้งหนวกหูเสียงแตรรถที่บีบกันดังลั่นถนน แม้ว่าถนน จะกว้างขวาง มีเลนแยกกันชัดเจน แต่ก็วิ่งได้ตามใจคนขับเหมือนที่อื่นๆ จึงต้องใช้แตร ช่วย

โกลกาตาเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดีย สมัยที่อังกฤษปกครองอินเดีย ตั้งแต่ คศ. 1772 - 1911 และยังเป็นเมืองท่าสำคัญ ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ เคยมาเมื่อปี 30 เวลาผ่านไป 25 ปี ชื่อเมืองก็เปลี่ยนไป จากกัลกัตตา เป็นโกลกาตา ความเจริญก็มากขึ้น ไม่เห็นคนขอทาน มากมายเหมือนเดิม (หรือยังไม่ผ่านย่านคนจน) สองข้างทางกำลังก่อสร้างตึกขนาดใหญ่มากมาย มีบ้านจัดสรรสวยงาม พร้อมสวนและ ทะเลสาบ อีกไม่นาน เมืองก็จะเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้แน่นอน ได้ชมสถานที่สำคัญ คือ Victoria Memorial Hall ที่สร้างเป็นที่ระลึกแก่พระนางวิคทอเรีย เป็นอาคารหินอ่อนสวย งาม ได้ชมพิพิธภัณฑ์ ด้านในอาคารที่แสดงรูปปั้นบุคคลสำคัญ อาวุธต่างๆ ดูแล้วก็ลืม อย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีความรู้ว่า ใครเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร มีชาวอินเดียมา เยี่ยมชมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มาอินเดียแล้วเห็นชนชั้นกลางมากมายอย่างนี้ข้างๆ เป็น สวนสาธารณะ ที่มีคนมานั่งพักผ่อนมากมาย ข้างหน้าตรงข้ามฝั่งถนน ก็เป็นลานน้ำพุที่ กำลังเปิดไฟแสดงแสงสี พร้อมดนตรีอย่างสวยงาม แต่ข้ามไปดูไม่ได้ เพราะตอนนี้มืด แล้ว ต้องรอขึ้นรถกลับไปโรงแรมพลาดกันไม่ได้กลัวหลงทาง จึงต้องเกาะกลุ่มชมรถม้า ที่นำนักท่องเที่ยวชมเมืองและผู้คนที่ขึ้นลงรถแท๊กซี่กันขวักไขว่ เราถ่ายภาพด้วย Ipad รู้สึกคนจะตื่นเต้นกันมาก เด็กๆ นักเรียนมายืนมองดู เลยถ่ายภาพให้แล้วส่งรูปไปให้ทาง email อาจจะยังไม่แพร่หลายที่อินเดีย หรือวัยของคนถ่ายกับ Ipad ไม่เข้ากัน จนน่าฉงน ก็เป็นได้


ความจริงโกลกาตามีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกหลายแห่ง แต่เวลาจำกัด และวัตถุ ประสงค์ของพวกเราไม่ได้มาท่องเที่ยว แต่มาร่วมถวาย “พระรัตนฯ” ที่สารนาถ จึงต้อง รีบจากไป แต่อย่างไรก็ตามก่อนขึ้นเครื่องบินไปสมทบคณะของท่านอาจารย์ที่พุทธคยา ในตอนบ่าย ช่วงเช้ายังมีเวลา พอไปถวายผ้าป่า ที่สมาคมมหาโพธิ์ โกลกาตา ซึ่งเป็น สำนักงานใหญ่ ของสมาคมมหาโพธิ์ทั้งหมด ได้กราบเรียน พระคุณเจ้า ที่นิมนต์มารับ ผ้าป่า 3 รูปว่า เป็นคณะของมาดามสุจินต์ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ท่านยินดีต้อนรับอย่างดียิ่ง ได้กราบนมัสการและเทินศีรษะพระบรมสาริกธาตุสีทองด้วย ความปีติอย่างยิ่ง

ท่านอนาคาริกธัมมปาละ ชาวศรีลังกา ผู้นำการเรียกร้องพุทธสถานคืนสู่ชาวพุทธ

พระบรมสารีริกธาตุสีทอง

เทินพระบรมสารีริกธาตุ

ผู้มาใหม่ถามว่า ทำไมต้องเทินศีรษะ จำคำบรรยายของท่านอาจารย์มาตอบว่า พระ บรมสารีริกธาตุนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระวรกายของพระองค์ ซึ่งเมื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงปฏิบัติพุทธกิจทุกวัน วันละ 22 ชั่วโมง ทรงประทับพักผ่อน เพียงวันละ 2ชั่วโมง ตลอดเวลายาวนานถึง 45พรรษา เพื่อช่วยสัตว์ที่สั่งสมบารมีมาให้ พ้นจากทุกข์ในวัฏฏะด้วยพระมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับได้กราบแทบพระบาททั้งคู่ ของพระศาสดา เหมือนยกพระบาททั้งคู่ของพระองค์ วางบนศีรษะด้วยความนอบน้อม อย่างสูงสุดในพระคุณอันประเสริฐ

หลังจากนั้นได้ทำบุญทอดผ้าป่า และถวายสิ่งของและปัจจัยเพื่อบำรุงสมาคมมหาโพธิ์ สามีบอกว่า รู้สึกสังหรณ์ใจว่า จะได้มาถวายผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นี่อีกครั้งหนึ่ง สาธุ ขอให้จริงเถอะ

หลังถวายผ้าป่าได้ร่วมใจกันอุทิศส่วนกุศล ให้ผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเราชาวพุทธ ทุกคนมีโอกาสได้กราบไหว้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ รวมทั้งสถานที่สำคัญในสมัยพุทธกาล ด้วย เช่น พระวิหารเวฬุวัน พระวิหารเชตวัน เป็นต้น ซึ่งได้แก่ พระเจ้าอโศกมหาราช หลวงจีนฟาเหียน หลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซำจั๋ง) เซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม ท่าน อนาคาริกธัมมปาละ เป็นต้น ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง ที่ทำให้ได้เห็นสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ใช้อ้างอิงทางวิชาการได้อย่าง มีเหตุผล ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ไม่มีจริง ไม่ใช่ปรากฏแต่ในพระไตรปิฎก แต่มีสถานที่ จริงให้ได้กราบไหว้ เช่นทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดศรัทธา เลื่อมใสยิ่งขึ้น สำหรับผู้มี ศรัทธาอยู่แล้ว และสำหรับคนที่ยังไม่เกิดศรัทธา เมื่อได้เห็นสถานที่จริง ก็ทำให้เกิด ศรัทธาขึ้นได้ว่า ไม่ได้เชื่ออย่างงมงาย แต่เชื่อด้วยเหตุผลที่ประจักษ์ได้ด้วยตนเอง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
นิรมิต
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

กราบอนุโมทนาสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและอาจารย์สงบด้วยนะครับ ที่กรุณาถ่ายทอด

การเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียอีกครั้ง แต่ละครั้งสนุกและได้สาระทุกครั้ง คราวนี้ได้

เข้าใจถึงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นเทินบนศีรษะ

เปรียบเสมือนได้กราบแทบพระบาททั้งคู่ ของพระศาสดา เหมือนยกพระบาททั้งคู่

ของพระองค์วางบนศีรษะด้วยความนอบน้อมอย่างสูงสุดในพระคุณอันประเสริฐ

ซาบซึ่้งจริงๆ ครับ ยังไงก็ขอให้พี่แดง และท่านอาจารย์สงบ หายจากอาการหวัด

อินเดียไวๆ นะครับ

ทราบว่าบนเครื่องบินมีผู้ที่จากไปอย่างกระทันหันด้วย ท่านอาจารย์สุจินต์ท่านเล่า

ให้ฟังเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ที่ รพ. พระมงกุฎเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เลย ไม่ทราบ

ว่าพี่แดงอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือเปล่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา

ในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา อาจารย์สงบ และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Boonyavee
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

ขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต ของคุณพ่อสงบ และคุณแม่แดง ด้วยค่ะ ทราบว่าท่านทั้งสองได้เตรียมผ้าไตรจีวรจำนวนมาก เพื่อนำไปถวาย อีกทั้งยัง เผื่อแผ่กุศลมายังลูกสาว โดยมอบ โคมตะเกียงไฟ ให้กับพี่ๆ ที่ตามไปสมทบ ที่เมืองพา ราณสีอีกจำนวน 12 อัน ที่สำคัญขอกราบขอบพระคุณที่กรุณานำเรื่องราวการเดินทางมา บรรยายให้เห็นภาพบรรยากาศและร่วมอนุโมทนาบุญของทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมกันทอดผ้าป่า ชมและเทินศีรษะ พระบรมสารีริกธาตุสีทองนี้ด้วยค่ะ อย่างไรก็ดีขอให้อาการหวัดอินเดีย ของทั้งสองท่าน อาการทุเลาเร็วๆ นะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 8 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 8 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 9 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 20 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Kalaya
วันที่ 14 พ.ค. 2563

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ