การไม่ได้เลี้ยงบุคคลผู้มีคุณ

 
เจริญในธรรม
วันที่  6 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22140
อ่าน  5,035

ขอรบกวนเล่าเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของปัญหาชีวิตครับ สมมติว่า

ป้าเลี้ยงหลานในแบบลูกมาแต่เล็กแบเบาะจนโตเข้ามหาลัยจบทำงาน แต่หลานกลับไม่เลี้ยงดูป้า เพราะเห็นถึงความไม่ดีของป้าเช่น ป้าตัองการเงินเลี้ยงดูจากเราเกินไป เช่นเดือนละ ๑๐,๐๐๐.- (หมื่น) เพราะว่าป้าได้ไปเห็นลูกคนอื่นเขาให้แม่และเห็นความไม่ดี ว่าป้าชอบบังคับและตีตอนเด็กๆ ไม่มีความอบอุ่นเลย และป้าก็เอาคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูกอีก แต่คนๆ นั้นพอโตก็เกเร หายไปจากบ้าน วันหนึ่งหลานคนนี้ได้เจอแม่ และแม่ก็แก่ประกอบกับหลานรู้ธรรมะว่า การตอบแทนบุญคุณแม่ผู้ให้กำเนิดจริงๆ ได้บุญเท่าพระอรหันต์ เลยหันไปเลี้ยงแม่ ให้เงินแม่แต่ไม่มากแทน ทั้งๆ ก่อนหน้า แม่ไม่เคยเหลียวแลเพราะแม่หย่ากะพ่อไปมีสามีใหม่ พ่อก็มีภรรยาใหม่ แต่ป้าไม่มีลูกและแก่ อายุ ๖๐ กว่า ต้องลำบากขายก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงชีพกะลุงอายุ ๗๐ กว่า แต่หลานคนนี้ก็ส่งเงินให้ป้าบ้าง เดือนละ ๒,๐๐๐.- แต่ปัจจุบัน ๕,๐๐๐.- ให้แม่แค่ ๑,๐๐๐.- ป้าบอกว่าเศษเงิน และป้ายังขายของอยู่ และบอกว่าเงินห้าพันแค่นี้ไม่พอกินหรอก และก็ชอบมาเล่าว่าคนอื่นบอกให้เลิกขายได้แล้ว เพราะสงสารคนแก่ และป้าชอบทำให้คนอื่นสงสาร เพื่อประจานหลานคนนี้ เช่นนี้แล้ว หลานคนนี้ได้บุญหรือบาปครับ และควรหาทางออกของเรื่องนี้อย่างไรครับ หลานคนนี้มีครอบครัวและลูก ๓ คน ทำงานกินเงินเดือนไม่กี่หมื่นแต่ภาระมาก ขอเป็นเรื่องสมมตินะครับไม่อยากพาดพิงใคร

รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ธ.ค. 2555

ขอเชิญสหายธรรมร่วมสนทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
นิรมิต
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยคนครับ

ในกรณีของคุณป้า ในเมื่อบุคคลนั้นมีฐานะเป็นหลาน และคุณป้าก็เลี้ยงดูมาแต่เด็กๆ ก็ย่อมสมควรแต่แรกแล้วครับ ที่หลานจะต้องเลี้ยงดูคุณป้าแม้จะมีศักดิ์เป็นป้า ซึ่งสำคัญน้อยกว่าแม่ แต่โดยความเป็นผู้มีพระคุณ ย่อมสมควรที่จะตอบแทนคุณเท่าที่กำลังของเราจะสามารถน่ะครับ อะไรของคุณป้าที่ไม่ดีทั้งหลายที่ยกมากล่าวข้างต้น ไม่ใช่สิ่งอันสมควรนำมาคิดนะครับ เพราะไม่ว่าท่านจะเป็นคนไม่ดี มีอกุศลจิตอย่างไร แม้มากกว่านี้หลายเท่า ก็ชื่อว่าผู้มีพระคุณครับ ย่อมสมควรแก่การตอบแทนคุณ เช่นการเลี้ยงดูให้ท่านอยู่เป็นสุขเท่าที่กำลังเราจะสามารถนะครับ และเมื่อเราคิดถึงอกุศลของท่าน เราก็จะเสียประโยชน์ในการตอบแทนบุญคุณ แทนที่จะเกิดกุศลเกื้อกูลคุณป้า ก็กลายเป็นเกิดอกุศลคิดไม่ดีกับคุณป้า ซึ่งไม่ใช่แต่กับผู้มีพระคุณเท่านั้นน่ะครับ แม้คนที่เกลียด ก็ควรที่จะเมตตา และเกื้อกูลกัน เพราะอกุศลได้แก่โทสะหรืออาการโกรธ เกลียด ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่ใครเลยนะครับ และนำมาซึ่งการเสียประโยชน์ในการเจริญกุศลของตัวเราเองด้วยนะครับ

กรณีคุณป้ามีอุปนิสัยในการที่ชอบประจานหลาน หรือพูดไม่ดีต่อหลาน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาใส่ใจนะครับ เราควรที่จะทำหน้าที่ของหลาน ในการตอบแทนบุญคุณ โดยไม่ควรเอาสิ่งไม่ดีของคุณป้ามาเป็นข้ออ้าง หรือมาทำให้จิตเราเป็นอกุศลนะครับ และคุณป้าเอง ก็มีอกุศลจิตของเขาเอง ในเรื่องที่อาจจะขอเงินเลี้ยงดูมากไป หรือต่างๆ แต่ต้องไม่ลืมครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่เลี้ยงดูท่าน เราก็ทำเท่าที่กำลังเราจะสามารถนะครับ ไม่ใช่ว่าท่านขอหมื่น เราต้องให้หมื่นในขณะที่เรามีแค่ ๕,๐๐๐.- เพราะ ในเมื่อมีเท่านี้ จะไปหาเงินหมื่นมาให้ท่านทุกเดือน ก็ไม่ใช่ฐานะที่เราจะทำได้ใช่ไหมครับ ก็พึงทำเท่าที่กำลังเราจะสามารถ และเป็นประโยชน์ที่สุดต่อคุณป้านะครับ อาจจะมีการกระทำช่วยกิจการงานอื่นๆ เป็นธุระในเรื่องต่างๆ ของคุณป้าแทน เท่าที่กำลังจะสามารถน่ะครับ

แต่ไม่ใช่ว่า มีพอที่จะเกื้อกูลคุณป้าได้ แต่ก็หลอกตัวเองว่า อุ้ย ไม่พอ ไม่ได้ๆ เรามีภาระเยอะ ต้องเอาไปเลี้ยงคนนั้นคนนี้ จนไม่เหลือให้คุณป้า ทั้งๆ ที่จริงๆ เราสามารถทำได้ ข้อนี้ก็ไม่ควรนะครับ คุณป้าเองก็มีอกุศลจิตของคุณป้าเอง จะหวังให้คุณป้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่เราต้องการก็ไม่ได้นะครับ และจะให้คุณป้าเห็นความดีของเราก็ไม่ใช่ฐานะที่จะทำได้ ถ้าคุณป้าสั่งสมอกุศลประเภทนั้นๆ มามาก เราก็ควรที่จะกระทำหน้าที่ดูแลท่านเพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณ ตามหน้าที่ของเรานะครับ โดยไม่ต้องไปใส่ใจอกุศลจิตของท่าน เราก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราสามารถในการเกื้อกูลท่าน ไม่ได้ทิ้งท่านไปนะครับ แต่ก็ต้องจัดแบ่งเงินที่จะให้ คุณป้า คุณแม่ และ ครอบครัวตนเองให้ดีนะครับ ให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่สุด

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
maxnakub2
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

วันหนึ่งหลานคนนี้ได้เจอแม่และแม่ก็แก่ ประกอบกับหลานรู้ธรรมะว่าการตอบแทนบุญคุณแม่ผู้ให้กำเนิดจริงๆ ได้บุญเท่าพระอรหันต์เลยหันไปเลี้ยงแม่

คือ จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องขนาดนั้นครับ ใครล้วนมีพระคุณก็ควร "กตัญญูู" ทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้เฉพาะพ่อแม่ที่ให้กำเนิด ป้าตัองการเงินเลี้ยงดูจากเราเกินไป เช่นเดือนละ๑๐,๐๐๐.- (หมื่น) เพราะว่าป้าได้ไปเห็นลูกคนอื่นเขาให้แม่และเห็นความไม่ดีว่าป้าชอบบังคับและตีตอนเด็กๆ ไม่มีความอบอุ่นเลยและป้าก็เอาคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูกอีกคน แต่คนนั้นพอโตก็เกเรหายไปจากบ้าน

เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับป้านะครับ บางทีเขาอาจจะไม่พอใช้จริงๆ แต่ถ้าดีที่สุดก็น่าจะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ เพราะกำลังเรามีเท่านี้ และเรื่องความไม่ดีผมคิดว่ามีกันทุกคนแหละครับ แต่เราจะมองในมุมไหนเท่านั้นเอง บางคนก็มองมุมที่เลี้ยงเรามา ถ้าไม่มีท่าน ก็คงไม่มีเรา บางคนก็มองว่าท่านนิสัยไม่ดี เราไม่ชอบ อื่นๆ ทำให้เราก็มองว่าไม่สมควรที่จะให้ แต่สรุปแล้วก็ขึ้นอยู่กับคุณครับ ว่าจะมองมุมไหน :)

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nucharat
วันที่ 7 ธ.ค. 2555

"เป็นทุกข์เพราะความคิด" "ขณะที่คิดจะให้ จิตเป็นกุศล หรืออกุศล ให้เพราะกรุณา ให้เพราะอยากได้บุญ หรือให้เพราะให้ คิดบวกลบคูณหารยกกำลังสองถอดรูท มันก็ปวดหัวนะ" ส่วนตัวคิดว่า ให้ตามกำลัง ตามสมควร แบ่งเงินเป็นส่วนๆ เรียงลำดับตามความจําเป็น ส่วนที่จะให้เพื่อตอบแทนพระคุณ ก็แบ่งให้เท่าๆ กัน ให้แล้วก็ไม่ต้องเอามาคิดอีก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 10 ธ.ค. 2555

เป็นทุกข์เพราะความคิดจริงๆ ครับ

ป้าของหลานคนนี้หน้าตาหมองคล้ํํา มีทุกข์จริงๆ ครับ เลี้ยงใครก็หนีไปหมด และชอบโทษนิสัยของคนๆ นั้น แต่จริงๆ เป็นกรรมของตน ผมก็อดคิดไม่ได้ เพราะได้อยู่ใกล้ อาทิตย์ละครั้ง แกจะเล่าแต่เรื่องอดีตและไม่พ้นต้องวกกลับมาเรื่องของหลาน หลักๆ ก็คือจะให้หลานเลี้ยงดู แต่ก็ไม่พูดคุยเจรจากันเอาเอง แต่ตั้งแง่ว่า หลานต้องให้เท่านั้นเท่านี้ ให้ ๕,๐๐๐.- ไม่พอ ก็เลยเป็นสาเหตุให้คิดมากเจ็บป่วยบ่อยๆ แถมหากรู้ว่าเอาเงินให้แม่ก็โมโห แทนที่จะคิดว่าเลี้ยงหลานมาเพื่อจะได้เลี้ยงแม่ซึ่งก็คือน้องตัวเอง ลืมบอกว่า แม่ของหลานคนนี้ พิการหูด้วย ทำให้เวลาจะให้เงินแม่ ต้องแอบให้ หลานคนนี้ ถ้าไม่ได้ทำบุญมาในอดีต คงเสียคนเหมือนน้องตัวเองไปนานแล้ว เพราะโตมากับความไม่อบอุ่นไม่มีพ่อแม่ และพ่อแม่ก็พิการ น้องชายต้องติดยาตอนวัยรุ่น จบแค่ ม. ๓ ป้าเอาเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงเป็นลูกโดยไม่ใส่ใจสภาพจิตใจเด็กที่เป็นหลาน ๒ คนพี่น้อง หลานคนนี้ต้องเสียคนเสียอนาคตหลังจบ ม. ๓ เพราะทะเลาะกะป้า โดยป้าบังคับเรียนเทคโน แต่น้องอยากเรียนช่างศิลป์ หลานคนนี้ต้องเสียน้องไป กว่าจะให้เลิกยาได้ก็ผ่านไปหลายปีจนไปมีภรรยา ทุกวันนี้ก็หาเช้ากินค่ําใช้แรงงาน ถ้าจะบอกว่า ถ้าหลานคนนี้ไม่อยู่กะป้าตอนน้องไม่อยู่ ตอนหล่อน ๑๗-๑๘ ปีก็สามารถที่จะเรียบจบ ป.ตรีได้ แต่อาจจะช้าเพราะต้องหาเงินเรียนเอง การที่ป้าบอกว่าไม่มีเค้าแล้วจะไม่สามารถรียนจนจบตรีได้จึงไม่จริง เพราะหลานรักดี รักเรียน ไม่อยากลำบาก ที่เล่าเพราะอยากให้ท่านกัลยาณมิตรเห็นที่มาที่ไป ผมก็ไม่รู้ว่าหลานคนนี้มีชีวิตที่เหมือนนิยายจริงๆ ครับ

ขอบคุณครับทุกท่านที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 10 ธ.ค. 2555

ที่สำคัญไม่ทุกข์ครับ เพราะหลานคนนี้ให้เพราะอยากให้ ด้วยเจตนาดี แต่อาจจะมีจิตใจหม่นหมองบ้าง เพราะต้องกลับมาหาป้าทุกอาทิตย์ และป้าก็จะเล่าความจนในอดีตและร้องไห้น้อยใจตลอดเวลาว่าไม่มีลูก แกบอกว่าถ้าแกไม่เอาหลาน ๒ คนมาเลี้ยง แกก็มีลูกไปนานแล้วแต่ ไม่จริงครับ

๑. ป้าเคยไปทำกิ๊บแต่ก็ล้มเลิกไปผมคิดว่าค่าทำน่าจะแพงแต่ ... ป้าบอกว่าสงสารหลานเลยล้มเลิก

๒. แต่หากล้มเลิกจริง ทำไมตอนหลังเอาเด็ก ๔ ขวบมาเลี้ยงเป็นลูก ทำอะไรทุกอย่างเหมือนลูกเช่น ... มีเค้กวันเกิด ให้เรียกแม่ ให้ความรัก กอด ... แต่หลานไม่เคยมี ... อย่างนี้ จะไม่ให้หลานรู้สึกขมขื่นแอบร้องไห้น้อยใจในโชคชะตา ! ไม่มีพ่อแม่ให้กอด ตอนนั้นหลานอายุ ๘ ขวบ ซึ่งการที่ป้าเอาเด็กมาเลี้ยง ส่งผลเลวร้ายตามมา ซึ่งตอนหลังเด็กคนนี้ตอนอายุ ๑๕ ปีก็เกเรและหนีออกจากบ้าน น้องชายหลานหนีออกจากบ้านตอนอายุ ๑๗ ปี (น้องหลานอายุน้อยกว่า ๒ ปี) สิ่งเหล่านี้ทำให้ป้าคิดมากเพราะเลี้ยงใครก็เลวไปหมด (หรือเลี้ยงไม่ได้ดี)

หลานคนนี้เลยต้องขยันเรียนพร้อมทำงานช่วยป้าขายของจนได้ดีจบ ป.ตรีและไม่เสียคนมาได้เพราะความอดทน รักเรียน ป้าชอบบอกว่ายายอายุ ๔๐ ก็เลิกทำงานแล้วแต่ป้าอายุ ๖๐ ยังต้องทำงานอยู่ และชอบไปเล่าให้คนอื่นฟัง เข้าประเด็นว่าไฟนอกนำเข้าไฟในนำออก และชอบร้องไห้ให้คนอื่นสงสาร ใครที่ไม่รู้อดีตของครอบครัวนี้ ... ก็จะคิดว่าหลานเลวจริงๆ !!!

บางครั้งป้าก็บอกว่าอยากตายๆ ไปไม่อยากอยู่บนโลกนี้ ก็อดสงสารแกไม่ได้เพราะแกยังไม่รู้ธรรมะเลย แต่ก็ชอบไปวัดไปทำบุญ และขอหวยพระด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผมสงสารแกมาก แกเลิกไม่ได้ มีชีวิตอยู่กับการเสี่ยงโชคและไม่เข้าใจสภาพความเป็นจริง และไม่พอเพียง และมีอารมณ์มักโกรธบ่อยหรือมีโทสจริต ที่เล่ามายาวเพราะเริ่มจะระเบิดทนไม่ไหวแล้วครับ แต่ตอนนี้หลานคนนี้ยังทนอยู่เพราะความกตัญญูตัวเดียวเพราะไม่อยากให้ใครมาบอกว่าอกตัญญู

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ