ประโยชน์ของพระธรรม

 
sms
วันที่  30 ก.ย. 2549
หมายเลข  2215
อ่าน  41,617

ประโยชน์ของพระธรรม คืออะไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 3 ต.ค. 2549

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมนำออกจากทุกข์ได้จริง พระธรรมนำมาซึ่งประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์โลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง พระธรรมทำให้ผู้ศึกษารู้จักตัวเอง เข้าใจความจริง รู้ความจริง รู้สิ่งที่ควรกระทำ และรู้สิ่งที่ควรเว้น เมื่อกระทำสิ่งที่ควรกระทำ เว้นสิ่งที่ควรเว้น ย่อมเป็นผู้มีความประพฤติที่ดี ย่อมบรรลุความสุขตามควรแก่ฐานะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 3 ต.ค. 2549

เชิญคลิกอ่าน ...

ประโยชน์ของพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
namarupa
วันที่ 5 ต.ค. 2549

ประโยชน์ของพระธรรม คืออะไร สำหรับดิฉันแล้ว...... ประโยชน์ของพระธรรม.... คือ.... การได้ค้นพบความจริงของชีวิต ว่ามันมายังไงไปยังไง เพราะดิฉันได้พยายามแสวงหา ความจริงของชีวิต มาตลอด มีความรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่นับถือพุทธ ตามบรรพบุรุษมาชั่วชีวิต แต่มันเหมือนกับว่า มีบางสิ่งบางอย่างในชีวิต ที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ เช่น..รู้ตัวเองดีว่าอยากจะเป็นคนดี ประพฤติดี แต่การที่อยากจะเป็นคนดีจริงๆ นั้น จะต้องทำอะไร? ยังไงบ้าง? แล้วทำความดีแค่ไหน ถึงจะเรียกว่า...ดีแล้ว...พอแล้ว... และสำคัญที่สุดคือ ดีที่ถูกต้องนั้นคือ ดีอย่างไร?

และอยู่มาวันหนึ่ง (๓๐กว่าปีที่แล้ว) สามี (ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ) กลับมาถึงบ้านและบอกว่า "เธอจะต้องลองไปฟังธรรม จากผู้หญิงคนหนึ่งดูนะ ผู้หญิงคนนี้พูดธรรมไม่เหมือนใครเลย พูดธรรมได้แปลกมาก และน่าสนใจ ฟังดูแล้วมีเหตุและผลที่ดีมากๆ ไม่งมงาย"

ผู้หญิงคนนี้ ที่สามีแนะนำให้ดิฉันไปฟัง ก็คือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์นั่นเอง ดิฉันเคยได้ฟังมาว่า ท่านอาจารย์เริ่มการสนทนาธรรม เป็นภาษาอังกฤษ กับกลุ่มชาวต่างชาติ ที่วัดบวรฯมาก่อน ที่จะมีการสนทนาธรรม เป็นภาษาไทยต่อมาในภายหลัง

ดิฉันยอมรับว่า.. ตัวเองเป็นคนที่ดื้อ และหัวแข็งมาก ไม่ยอมเชื่ออะไรหรือเชื่อใครได้ง่ายๆ ทุกอย่างจะต้องมีเหตุผล ไม่งั้นดิฉันเป็นไม่ยอมเด็ดขาด ยอมรับว่า ณ ตอนนั้น...ตื่นเต้นมาก.. คืออยากฟังอะไร อยากเจออะไร ที่มันโดนใจเราจริงๆ เสียที เพราะดิฉันเดินทางไปมาแล้วทั่วประเทศ เพื่อการแสวงหาความจริงของชีวิต สมาธิก็นั่งมาเยอะจนขาชาแล้วชาอีก จนลุกไม่ได้ จนคิดว่าตัวเองเหาะได้แล้ว ก็ยังเคย เจอ สารพัดที่คนเค้าพูดกันว่า ดียังโง้นดีอย่างงี้ ดิฉันก็แทบจะทำมาแล้วจนเกือบทุกอย่าง แต่..... ก็ยังมีความรู้สึกว่าที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตนี้ มันยังไม่ใช่สิ่งที่เราแสวงหา คำตอบอยู่ดี.....พูดง่ายๆ ก็คือ มันยังไม่โดนใจ

และในวันรุ่งขึ้น ดิฉันก็ได้เตรียมเครื่องอัดเทปไปด้วย กลัวจะฟังแล้วจำได้ไม่หมดและตกหล่น พอไปถึงที่สนทนาธรรมกัน ที่บริเวณวัดบวรฯ คำถามแรกที่ดิฉันเรียนถามท่านอาจารย์ ซึ่งจะไม่วันลืมเลย ตลอดชั่วชีวิตนี้...คือ ..ธรรม คืออะไรคะ ท่านอาจารย์? ซึ่งท่านอาจารย์ท่าน ก็บอกให้ดิฉันจับเครื่องอัดเทปดูว่า เจออะไรบ้าง? ยอมรับว่างงๆ ว่าเอ๊ะ ! ทำไมผู้หญิงคนนี้ จะให้เราจับเครื่องอัดเทปไปทำไม? ด้วยความงงๆ ก็บอกท่านว่าไม่เห็นจะเจออะไรนี่คะ ท่านอาจารย์ก็บอกว่าลองจับดูดีๆ อีกทีซิคะ ดิฉันก็เอ้าจับก็จับ (ด้วยอาการงงๆ เหมือนเดิม) แล้วก็เรียนท่านว่า ไม่เจออะไรเลยนอกจาก..แข็งค่ะ... แล้วท่านอาจารย์ก็กล่าวต่อว่า .....แข็ง....นั่นแหละค่ะ คือธรรม...เอาละสิคะ..ความที่เป็นคนดื้อ ไม่เชื่อใครง่ายๆ อย่างที่บอก ในใจก็เถียงท่านว่า..แข็ง มันจะเป็นธรรมไปได้ยังไง? ....แข็ง เนี่ยนะเป็นธรรม.... เสร็จแล้ว ท่านอาจารย์ ก็อธิบายว่า ....แข็ง เป็นธรรมอย่างไร....แข็ง คือรูปธรรม เพราะเค้าไม่รู้อะไรเลย.. ส่วนสภาพที่รู้แข็ง นั้น คือนามธรรม ... แล้วท่านก็ได้อธิบาย รายละเอียดถึง ความต่างของปรมัตถธรรม ๔ อย่าง เมื่อได้ฟังคำตอบและคำอธิบายอย่างละเอียดถี่ยิบจากท่านฯ .. ดิฉันก็รู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทันที... รู้ในวินาทีนั้นเลยว่า ....นี่คือความจริง ที่เราแสวงหาและอยากจะฟังมาตลอดชั่วชีวิต เราได้พบคำตอบที่เราแสวงหาแล้ว เราไม่ต้องการจะฟังอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว จบกันที สำหรับการเดินทางที่ผิดๆ ที่ไม่เคยให้อะไรเลย นอกจากความไม่รู้เท่านั้น

ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ ดิฉันก็ไม่เคยหยุดฟังพระธรรม พิจารณาพระธรรม ตามที่ท่านแสดง พยายามเจริญกุศลในทุกๆ ด้าน เมื่อมีโอกาส ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสที่หนาแน่นนี้ทีละเล็กละน้อย ตามเหตุปัจจัย โดยไม่คาดหวังอะไรเลย

เพราะฉะนั้น ประโยชน์ของพระธรรม ที่ดิฉันได้รับก็คือ การได้ค้นพบความจริงของชีวิต ที่ทำให้ดิฉันตาสว่างขึ้น และได้รู้ความจริง ว่าจริงๆ แล้วตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่เราคิดว่าเป็นเรา เขา พ่อ แม่ พี่ น้องลูก ญาติ เพื่อนฝูง ฯลฯ นั้น คือธรรมล้วนๆ คือเป็นเพียงแต่ จิต เจตสิก และรูปเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น เพราะฉะนั้นหนทางอื่นไม่มี นอกจากหนทางนี้หนทางเดียวเท่านั้น (คือการเจริญสติปัฏฐาน) ที่จะไม่ต้องกลับมาเกิดรับผลของกรรมอีก หรือกลับมาเวียนวนกับสังสารวัฏฏ์ที่เน่าๆ นี้อีกต่อไป

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prakaimuk.k
วันที่ 6 ต.ค. 2549

ขออนุโมทนาคุณ namarupa ค่ะ ดิฉันก็มีประสบการณ์การศึกษาธรรม คล้ายๆ กันนี่แหละค่ะ คือรู้สึกว่าตัวเองแสวงหาสี่งใดสิ่งหนึ่ง ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงมาตลอดชีวิต ไปมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเหมือนกันค่ะ.....ในที่สุด ก็ได้มาฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยการบรรยายถ่ายทอดจากท่าน อ.สุจินต์ ทำให้เข้าใจ ถีงสภาพธรรมที่แท้จริง เข้าใจการปฏิบัติธรรม ที่ตรงและถูกต้อง เพื่อค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ที่เป็นไปตามเหตุ ตามผล เข้าใจประโยชน์ของการฟังธรรม และทำให้เข้าใจว่าประโยชน์สูงสุด ของพระธรรมก็คือ เพื่อให้บรรลุถึงการดับทุกข์ อย่างแท้จริง ซึ่งต้องดับกิเลส และดับการเกิดด้วย นี่ก็ควรจะเป็นจุดหมายและคุณค่าที่แท้จริงของการเป็นคน.....

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 7 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ มีประสบการณ์คล้ายๆ กันค่ะ ตอนที่ได้ฟัง ท่าน อ.สุจินต์ โดยบังเอิญนั้น ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่หายเข้าป่าไปนาน เพื่อค้นหาของที่ตนเอง ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่มั่นใจว่ามีอยู่ และได้เดินพ้นออกมาจากป่านั้นในอีกฟากหนึ่ง พร้อมกับเห็นถนนที่จะนำไปสู่สิ่งที่ดิฉันกำลังตามหาอยู่ แม้ถนนจะแคบ และยาวมาก เพราะยังไม่เห็นปลายทาง แต่เป็นถนนที่สว่างมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
อารายเนี่ย
วันที่ 19 พ.ค. 2550

ประโยชน์ของพระธรรม คือ บุคคลที่น้อมประพฤติปฏิบัติ จะพึงเห็นเอง ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น คือละความไม่รู้ แม้ขั้นการฟังว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ จนเมื่อมั่นคงมากขึ้น ก็เป็นเหตุปัจจัยให้รู้ว่า ขณะนี้เป็นธัมมะไม่ใช่เรา ด้วยสติและปํญญาที่รู้ จนสามารถบรรลุธรรมดับกิเลสได้ ดังนั้นประโยชน์ของพระธรรมจึงมีหลายระดับ ตามความเข้าใจ ปัญญาของผู้นั้นเองครับ (ผู้รู้จะพึงเห็นเอง)


ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
narong.p
วันที่ 20 พ.ค. 2550

ชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาได้ยินได้ฟัง ท่านอสุจินต์ สนทนาธรรม ไม่เคยสนใจที่จะขนขวายหรือค้นหาธรรมเลย ซึ่งแตกต่างจาก ท่านทั้งหลายโดยสิ้นเชิง และการไปวัดไหว้พระพุทธรูป ในใจก็รู้สึกเฉยๆ ขณะนั้นจึงคิดว่าตนเองเป็นคนที่ไม่ดี ไม่ใฝ่ธรรม มีญาติพี่น้องที่หวังดี มาสอนให้นั่งสมาธิ ก็นั่งหลับทุกที เป็นที่ดูถูกว่าเป็นคนไม่ดีไม่ใฝ่ธรรม เคยไปบวช เมื่อเครียดกับการทำงานเ พื่อต้องการรู้จักความจริงของชึวิต ก็ผิดหวัง เพราะยังคงไม่รู้จักธรรมที่แท้จริง ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อยู่มาวันหนึ่งหลานสาวนำเทปหนึ่งม้วนมาให้ลองฟังดุ (เพราะเห็นว่าไปบวช และไปอยู่วัดแบบเป็นอาคันตุกะ) เพราะคิดว่าเป็นคนใฝ่ธรรม เมื่อได้เปิดฟัง ก็เกิดความรู้สึกสนใจที่จะฟังต่อไป ฟังแล้วฟังอีก หลายรอบเพราะมีความไม่เข้าใจ ในคำบรรยายที่ว่า ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน ไม่มีโต๊ะเก้าอี้ ฟังเทป ท่านอ.สุจินต์ อยู่ประมาณ ๖ เดือน พอเข้าใจบ้าง แต่มีข้อสงสัยมากมาย จึงใคร่ที่จะได้ความกระจ่าง ก็โชคดีที่มีพนักงานที่บริษัทฯ ติดตามฟังมานานและไปที่มูลนิธิฯ ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเปิดทำการเป็นปีแรก ในวันวิสาขบูชาปี ๔๓ ก็ได้มาชวนให้ไปฟัง ที่มูลนิธิฯ จนถึงทุกวันนี้ อย่างน้อยก็พิสูจน์ความเป็น อนัตตา ของสภาพธรรม และชึวิตในชาตินี้ ที่ได้มาพบ ท่านอาจารย์ และพระธรรมคำสั่งสอนฯ ได้รู้ว่าธรรมคืออะไร ชีวิตในชาตินี้ ก็ไม่สุญเปล่าแล้ว โดยไม่ได้หวังว่าจะเข้าใจธรรมได้ลึกซึ่งแค่ไหน แล้วแต่เหตุปัจจัยเพราะทุกอย่างเป็นธรรม บังคับบัญชาไม่ได้ ขณะต่อไปอะไรจะเกิด ไม่สามารถรู้ได้เลย ตามเหตุตามปัจจัย รู้แต่เพียงว่า ฟังธรรมด้วยความเคารพ เพื่อเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง และพิจารณาธรรม เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นและมั่นคงขึ้น ในความเป็นธรรม และความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม โดยไม่เอาความคิดที่สะสมมาแสนโกฏกัล์ป มาปะปนเลย ฟังให้เข้าใจและไม่คิดที่จะทำอะไรหรือ รู้ธรรมไวๆ ด้วยความเป็นเราและ โลภะที่จะเป็นเครื่องกั้นการเจริญปัญญา

ขออนุโมทนาทุกท่าน ที่มีโอกาสได้มาพบพระธรรม และไม่ละทิ้งโอกาส ในชาตินี้ครับ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมและมั่นคงในธรรมยิ่งๆ ต่อไป

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 21 พ.ค. 2550

"รู้ในวินาทีนั้นเลยว่า นี่คือความจริง ที่เราแสวงหาและอยากจะฟังมาตลอดชั่วชีวิต เราได้พบคำตอบที่เราแสวงหาแล้ว เราไม่ต้องการจะฟังอะไรอย่างอื่น อีกแล้ว จบกันทีสำหรับการเดินทาง ที่ผิดๆ ที่ไม่เคยให้อะไรเลย นอกจากความไม่รู้เท่านั้น"

ขออนุโมทนา คุณ namarupa ข้อความของท่าน ตรงกับใจที่เคยได้ยิน การบรรยายธรรม ของท่านอาจารย์ เป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน "เราไม่ต้องการจะฟังอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว"

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
parithat
วันที่ 25 ธ.ค. 2560

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าโคตมะตรัสรู้ที่ถ่ายทอดโดยท่านอ.ดร.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ นี้เป็นของจริงและหนึ่งเดียวในประเทศไทย แม้ประจักษ์เพียงแค่การฟังก้มีประโยชน์นับค่ามิได้ ธรรมะมีเดี๋ยวนี้..แข็งปรากฏ สีเสียงสัมผัสคิดนึกรู้สึกปรากฏ ฟังมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2546 เพิ่งจะรู้เมื่อ ปี พ.ศ. 2560 กว่าจะเข้าใจ หากใครได้มาฟังท่านอาจารย์รับรองว่าไม่หลงทางไม่โดนหลอกครับ ที่นี่ตรงทางถูกทางครับ สาธุ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 3 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ