ทิฎฐิสามัญญตา! ทำให้พระอรหันต์แตกแยกกัน ?
ในการทำสังคายนาครั้งแรกก็เกิดความแตกแยกกันแล้วระหว่างสงฆ์สองฝ่ายใช่หรือไม่
- อาจารย์อ้างว่าอริยสงฆ์ย่อมมองเห็นธรรมเป็นธรรม แต่ทำไมอริยสงฆ์อีกฝ่ายจึงไม่ยอมรับ ในการสังคายนาครั้งนั้นทั้งๆ ที่ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
- ธรรมย่อมเป็นธรรม แต่การจัดการบริหารงานเป็นธรรมโดยธรรม ย่อมต่างความคิดเห็นกัน ต่างวิธีการใช่หรือไม่ แม้ท่านเหล่านั้นจะเป็นพระอริยะ
- ทำไมสงฆ์อีกฝ่ายหนึ่งจึงไปทำสังคายนาขึ้น เพราะสาเหตุใด การก่อตั้งสงฆ์ฝ่ายมหายานขึ้นเพื่ออะไร
ขอรบกวนอาจารย์ อนุโมทนาบุญครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า สังคายนา หมายถึง การรวบรวม การเรียบเรียง การร้อยกรอง การสะสางการสวดพร้อมกัน การสวดเป็นแบบเดียวกันฯ คือพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ... มีมากเพื่อให้พระธรรมเหล่านั้นเป็นหมวดหมู่ และเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าพระธรรมคืออย่างนี้ ที่นอกจากนี้ไม่ใช่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังคำกล่าวของท่านพระมหากัสสปตอนปรารภการทำสังคายนาว่า ... เอาเถิด ท่านทั้งหลาย พวกเราจงสังคายนาพระธรรมและพระวินัยเถิด ในภายหน้าสภาวะมิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาวะมิใช่วินัยจักรุ่งเรือง วินัยจักเสื่อมถอย ภายหน้าอธรรมวาทีบุคคลจะมีกำลัง ธรรมวาทีบุคคลจักเสื่อม อวินยวาทีบุคคลจักมีกำลัง วินัยวาทีบุคคลจักเสื่อมกำลัง.
จากคำถามที่ว่า
- อาจารย์อ้างว่าอริยสงฆ์ย่อมมองเห็นธรรมเป็นธรรม แต่ทำไมอริยสงฆ์อีกฝ่ายจึงไม่ยอมรับในการสังคยานาครั้งนั้น ทั้งๆ ที่ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
เมื่อคราวทำสังคายนาครั้งที่ ๑ พระมหากัสสปะ ทำสังคายนา พระปุราณะ ที่ไม่เข้าใจคำสอน กับบริวาร ๕๐๐ ไม่รับการทำสังคายนาครั้งนี้ อันมีความเข้าใจผิดในพระธรรม จึงเริ่มมีการแตกแยกตั้งแต่การทำสังคายนาครั้งนี้ การแตกแยกที่เป็นนิกายต่างๆ จึงเกิดจากกิเลส ความไม่รู้ ความเข้าใจผิดในพระธรรม จึงทำให้มีการแยกไประหว่างความเห็นถูกและความเห็นผิดเป็นธรรมดาครับ น้ำกับน้ำมันย่อมแยกจากกันเป็นธรรมดา เมื่อมีการทำสังคายนาครั้งที่ ๒ ก็มีการแยกออกเป็นนิกายต่างๆ แยกจากเถรวาทออกไปอันถือมติส่วนใหญ่ และก็แตกแยกออกไปอีก เป็น ๑๘ นิกายครับ
เพราะฉะนั้น พระปุราณะและบริวาร ไม่ใช่พระอริยเจ้า แต่เพราะความเป็นปุถุชนที่เข้าใจธรรมผิด เพราะในความเป็นจริง หากเป็นพระอริยเจ้า ย่อมจะเคารพในมติของสงฆ์และ เคารพในธรรมวินัยที่สังคายนาดีแล้วจากท่านพระอานนท์ ผู้เป็นเลิศ ๕ สถาน ท่านพระอุบาลีและภิกษุทั้งหลายที่สังคายนา กล่าวธรรมได้ตรงตามพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ ผู้ที่พระอริยเจ้าด้วยกันย่อมเคารพในธรรมด้วยกัน เพราะเมื่อเป็นความเห็นถูกอยู่แล้วจะทำสังคายนาครั้งใหม่ไม่ได้เลยครับ เพราะผู้ที่มีความเห็นถูกย่อมเคารพในความเห็นถูกด้วยเช่นกัน
- ธรรมย่อมเป็นธรรม แต่การจัดการบริหารงานเป็นธรรมโดยธรรม ย่อมต่างความคิดเห็นกัน ต่างวิธีการ ใช่หรือไม่ แม้ท่านเหล่านั้นจะเป็นพระอริยะ
พระอริยเจ้าด้วยกัน ย่อมมีความเห็นตรงกัน คือความเห็นถูก และที่สำคัญที่สุด พระอริยเจ้า ก็คือผู้ที่เห็นธรรมตามพระพุทธเจ้า ย่อมเคารพธรรมเป็นสูงสุด ไม่ใช่ยึดติดในความคิดของตนเป็นสำคัญ วิธีการจัดการปัญหาก็จัดการด้วยความเห็นถูกเป็นสำคัญ โดยใช้การประชุมร่วมกันเป็นมติสงฆ์อันมีความเห็นถูกเป็นพื้นฐาน
ดังนั้น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และถูกต้อง คือชนหมู่มากที่มีความเห็นถูกเป็นพื้นฐานด้วยเสียงส่วนใหญ่ที่มีความเห็นถูก มีคุณธรรมเป็นสำคัญครับ เพราะความถูกต้องเป็นประโยชน์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ แต่อยู่ที่สิ่งนั้นเป็นธรรม เป็นความดีหรือไม่ เป็นสำคัญ ครับ
- ทำไมสงฆ์อีกฝ่ายหนึ่งจึงไปทำสังคายนาขึ้น เพราะสาเหตุใด การก่อตั้งสงฆ์ฝ่ายมหายานขึ้นเพื่ออะไร
เพราะความเข้าใจพระธรรมผิด ความไม่เคารพในพระพุทธ ไม่เคารพในพระสงฆ์ ไม่เคารพในคำสอน คือการศึกษาไม่ละเอียดและไม่เคารพในเพื่อนพรหมจรรย์ ก็ทำให้เกิดการแตกแยกออกไปตามการสะสมมานั่นเองครับ จึงมีการทำสังคายนาใหม่เพราะความไม่รู้และความเห็นผิด
ซึ่งการก่อตั้งนิกายใหม่ ก็แต่งตั้งขึ้นไปตามการสะสมของแต่ละคนที่มีความคิดต่างจากความเห็นถูกเป็นธรรมดา
ในความเป็นจริง พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะเป็นสัจจะ ความจริง เช่น สภาพเห็นเป็นความจริงเป็นธรรม ไม่ว่าใคร บุคคลใด นิกายไหน การเห็นก็เป็นธรรม ไม่เปลี่ยนแปลง กุศล อกุศลเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสิ่งที่เป็นสัจจะ ไม่เปลี่ยนแปลง การแบ่งเป็นนิกาย เป็นลัทธิ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจผิดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผู้ที่ศึกษาธรรมในปัจจุบัน ควรเป็นผู้ละเอียดด้วยการศึกษาธรรมด้วยความเป็นผู้ตรงและละเอียดรอบคอบยึดพระธรรมเป็นสำคัญก็ย่อมสามารถเข้าถึงความจริงโดยไม่ได้แบ่งไปตามนิกายไหนเลย หากปัญญาเจริญ ความเห็นถูกเกิดขึ้น จะไม่มีการแบ่งนิกาย เพราะพระธรรมเป็นสัจจะ ความจริงหนึ่งเดียว
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกมีอัธยาศัยที่แตกต่างกันตามการสะสม ถึงแม้จะได้บวชเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา ก็มีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเป็นบรรพชิตกับผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์ ทั้งนี้เป็นเพราะการสะสมมาที่แตกต่างกัน มีปัญญาหรือไม่มีปัญญา สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก มีความมั่นคงในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมจะมีความเคารพในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ เป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรมวินัยอันเป็นพระธรรมคำสอน ทำให้ผู้ศึกษาได้รับประโยชน์ทุกระดับขั้น ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ดับกิเลสได้ตามลำดับ ส่วนที่มีการแตกแยกกันออกไป ก็ไม่พ้นไปจากกิเลส อกุศลธรรม ที่ตนเองมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความเห็นผิด การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส สูงสุดเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม, ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา ย่อมมีความเข้าใจไปตามลำดับ พระธรรม เป็นประโยชน์ทุกกาลสมัย แต่จะเป็นประโยชน์เฉพาะสำหรับบุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของความเข้าใจธรรม มีศรัทธาที่จะฟังเท่านั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่บุคคลนอกนี้ ซึ่งควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...