ร่วมพิธีถวายพระรัตนบุษยภาชน์อโศกมหาราชปริวรรต 7 ลุมพินี
ลุมพินี
28 พ.ย.55
ตื่นแต่เช้าเพื่อไปลุมพินีสถานที่ประสูติเป็นครั้งสุดท้ายในสังสารวัฏฏ์ของพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีตั้งแต่ทรงได้รับคำพยากรณ์จากพระ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทีปังกร เมื่อครั้งทรงเป็นสุเมธดาบส เป็นเวลา ๔ อสงไขยแสน กัปป์ และพระชาติก่อนหน้านั้น แม้พระผู้มีพระภาคเองก็ไม่ได้ทรงแสดง เนื่องจาก สังสารวัฏฏ์กำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้นั่นเอง แต่พระองค์ก็ไม่ทรงท้อถอย ถ้า ปรารถนาก็สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ในวันที่ทรงได้รับพยากรณ์ แต่เพราะพระมหา กรุณาคุณที่ทรงต้องการเกื้อกูลต่อสัตว์โลกทั้งมนุษย์ เทวดา พรหม ให้รู้สภาพธรรมตาม ความเป็นจริง เพื่อจะไม่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ อันหาที่สุดไม่ได้อีกต่อไป ออกจากโรงแรมนิกโก้ โลตัส แวะไปถวายผ้าป่าที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
ถวายผ้าป่า พี่ยูถิกา ตันสงวน เป็นประธาน เป็นวันเกิดของท่านพอดี แล้วไปเวียนเทียนประทักษิณรอบมกุฏพันธเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิง พร้อมทั้ง ห่มผ้ารอบพระเจดีย์
ถวายผ้าห่ม มกุฏพันธเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิง ต่อจากนั้นเดินทางไกลไปลุมพินี ประเทศเนปาล ระยะทาง ๑๖๕ กม. ใช้เวลาเดิน ทางประมาณ ๖ ชั่วโมง ตามกำหนดการเดิมนั้นต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปรับ ประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมนิวคริสตัล เนปาล แต่มีกิจกรรมที่ทำเมื่อวานไม่เสร็จ กว่าจะออกเดินทางได้ก็ ๙ โมงกว่า คงจะได้ทานอาหารกลางวันเกือบบ่ายสาม เพราะ จราจรติดขัดด้วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันเพ็ญ เดือน ๑๒ สำหรับชาวพุทธเป็นวันที่ ท่านพระสารีบุตรปรินิพพาน ที่บ้านนาลันทา ที่พวกเราได้แวะไปกราบนมัสการแล้ว แต่ เป็นวันศิวาราตรีของฮินดู จึงมีขบวนชาวอินเดียเดินทางไปอาบน้ำล้างบาปตามแม่น้ำ สายสำคัญต่างๆ รถแล่นผ่านแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง ซึ่งเกือบไม่มีน้ำ แต่ก็ยังมีคนมา อาบน้ำมากมาย จนทำให้การจราจรติดขัดได้ เมื่อ 3 ปีก่อนในวันนี้ ผ่านไปทางเมือง อโยธยามีแม่น้ำสายใหญ่ คนมากมายกว่านี้หลายสิบเท่า
ส่วนหนึ่งของชาวฮินดูเดินทางมาอาบน้ำล้างบาปในวันศิวาราตรี ถึงโรงแรมนิวคริสตัลที่เคยมาพักก็เกือบบ่ายสาม รับประทานอาหารกลางวัน แล้วรีบ พากันไปลุมพินี สถานที่ประสูติ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนพอดี เดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 ก.ม. หรือจะนั่งสามล้อถีบก็ได้ คนต่างชาติคันละ 50 รูปี (ปีก่อน 20 รูปี) เราเลือกเดิน เท้าเข้าไป สวนทางกับเณรชาวธิเบต (หรือเนปาล บอกไม่ถูก เพราะห่มผ้าสีเดียวกัน แต่ หน้าตาไปทางเนปาล) นับพันที่เดินออกมา เณรยังเด็ก จึงวิ่งแข่งกันฝุ่นตลบ บางรูปที่ เป็นหนุ่มแล้วก็นั่งรถสามล้อถีบมากับแหม่มสาว หัวเราะหยอกล้อกันมาในรถ เห็นแล้ว สลดใจ ที่มีกล่าวไว้ว่า พระสัทธรรมจะค่อยๆ เสื่อมจากความเข้าใจ และการปฏิบัติตาม ของพุทธบริษัทในอนาคตนั้น สิ่งที่เสื่อมหลังสุด คือ พระวินัย บัดนี้ 2,600 ปีผ่านไป พระวินัยก็ยังเสื่อมถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เสื่อมก่อนเพื่อน คือ พระอภิธรรมจะเสื่อมจาก ความเข้าใจขนาดไหน ในยุคนี้ถ้าเราไม่ศึกษาให้เข้าใจ เมื่อมีโอกาสได้พบท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้เข้าใจธรรมถูกต้องเป็นหลักในการศึกษาอย่างนี้แล้ว เกิดใหม่จะ มีโอกาสอย่างนี้หรือไม่ (ความจริงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเกิดใหม่แล้วได้ศึกษาธรรมให้เข้าใจ หรอก แค่โอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งที่ยาก เพราะฉะนั้นชาตินี้พร้อมแล้ว คือ ได้ เกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในประเทศที่สมควร ได้พบสัตบุรุษ ได้ฟังธรรมของท่าน ก็ไม่ควร ผัดผ่อนจะไปศึกษาให้เข้าใจในชาติหน้า แล้วชาตินี้จะทำอะไรจ๊ะ)
พระมหามายาเทวีวิหาร ได้เข้าไปนมัสการรอยพระบาทของพระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ ภายในมหามายา เทวีวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานหินแกะสลักพระโพธิสัตว์ปางประสูติและรอยพระบาทพระ โพธิสัตว์ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างถวายเป็นพุทธบูชา
เสาหินพระเจ้าอโศกที่สถานที่ประสูติ แล้วมานมัสการสถานที่ประสูติตรงที่มีเสาอโศกปักไว้เป็นอนุสรณ์ เวียนเทียนประ ทักษิณและห่มผ้ารอบเสาอีกตามเคย
เสาหินพระเจ้าอโศกนี้ ทราบว่า เป็นเสาอโศกต้นแรกที่ค้นพบโดยชาวนา เขาขุดดิน แล้วพบเสาหินที่มีขนาดใหญ่และหนักมาก ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ จึงแจ้งทางราชการ ซึ่งได้ให้นักโบราณคดีชาวเยอรมันมาตรวจสอบ เพราะมีอักษรโบราณ คือ อักษรพราหมี จารึกไว้ด้วย เมื่อตรวจสอบก็พบว่า เป็นเสาอโศกที่ปักไว้ในสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ปรากฏ ในพระไตรปิฎก เช่น สถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา สถานที่ ปลงอายุสังขาร สถานที่ปรินิพพาน เป็นต้น (ตามบันทึกของหลวงจีนเหี้ยนจัง หรือพระ ถังซัมจั๋ง) ทำให้นึกถึงอุปการคุณของพระเจ้าอโศกมหาราช พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทรงมี ศรัทธาปสาทะสร้างเจดีย์และวิหารบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุทั่วทั้งชมพูทวีปถึง ๘๔,๐๐๐ แห่ง และปักเสาสัญลักษณ์ของพระองค์ไว้พร้อมทั้งจารึกแสดงสถานที่สำคัญต่างๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็น ได้มากราบนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง นี้แน่นอน
ออกจากลุมพินีก็มืดพอดี แวะไปวัดไทยลุมพินีในยามค่ำ พระจันทร์วันเพ็ญส่องสว่าง ทำให้นึกถึงพระพุทธคุณที่เปรียบเหมือนแสงพระจันทร์เพ็ญ คงเพราะทำให้เห็นได้ใน ความมืด และดูแล้วเย็นตา เย็นใจด้วย (สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถประจักษ์แจ้งธรรมได้ใน ทันที จึงเห็นธรรมได้บ้าง ไม่เห็นทั้งหมด แต่ก็ทำให้มีความสุข เพราะร่มเย็นในธรรม บาง ครั้งเปรียบพระพุทธคุณเหมือนแสงพระอาทิตย์ สำหรับบางท่าน ที่ประจักษ์แจ้งธรรมใน ทันทีที่ได้ฟังธรรมเทศนาจบ เห็นแจ้งตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างเป็นธรรม และธรรม ทั้งหลายเป็นอนัตตา - อันนี้คิดเอาเอง)
แวะดื่มกาแฟที่ซุ้มกาแฟของวัด และถวายผ้าป่าที่พระอุโบสถศิลปะไทยที่สวยงาม
คุณปู่สากล อัตตปัญโญ ผู้เขียนการ์ตูนธัมมะ อายุ 93 ปี พร้อมกับบุตรสาว ดร. อนุสรณ์ กุศลวงส์ ผู้แจกไดอารี่ปีใหม่ เป็นประธานทอดผ้าป่า ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคณะผู้ร่วมเดินทาง ที่พร้อมใจกันเจริญกุศลทุกประการ ไม่ว่าจะทำกุศลอะไร ทั้งสวดมนต์ในรถ เวียนเทียนประทักษิณ ห่มผ้าพระเจดีย์ ทอด ผ้าป่าฟังธรรมในรถด้วย ไม่ว่าจะดึกดื่นอย่างไร ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างไม่ท้อถอย (ถอยไม่ได้ เพราะอยู่ในรถ ๒ คันที่ต้องไปด้วยกัน นอกจากหลับ ก็สามารถหลบหลีก กิจกรรมบางอย่างได้บ้าง)