เหตุใดมารจึงทราบ

 
นิรมิต
วันที่  28 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22249
อ่าน  3,975

กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน

พอดีได้ฟังธรรมบรรยายเทปเก่าๆ ของท่านอาจารย์สุจินต์ ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของท่านพระเถระรูปหนึ่ง (ต้องขอโทษด้วยที่จำชื่อท่านไม่ได้) ที่ตอนท่านยังเป็นปุถุชนอยู่ ท่านเจริญฌานและเสื่อมจากฌานหลายครั้ง เนื่องจากท่านมีอาพาธเรื้อรัง ทำให้เสื่อมจากฌานทุกครั้ง ท่านจึงคิดจะฆ่าตัวตายในขณะที่ฌานท่านยังไม่เสื่อม เพื่อที่ภพต่อไปจะได้เที่ยงแท้ว่าจะไปบังเกิดเป็นพรหมบุคคล เลยเกิดความสงสัยว่า มาร ทราบได้อย่างไร ว่าถ้าท่านฆ่าตัวตาย ท่านย่อมจะบรรลุอรหัตตผล เหตุใดมารจึงทราบได้ถึงความแก่รอบแห่งญาณของผู้จะบรรลุถึงอรหัตตผล ในขณะที่มารเป็นปุถุชนเท่านั้น เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ ดูเหมือนมารจะทราบหลายอย่างที่เกินวิสัยของปุถุชนธรรมดา แม้จะเป็นเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตดีก็ตาม แต่ที่มารทราบ มองเผินๆ เหมือนจะเกินวิสัยหรือไม่ อย่างไร

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากที่ผู้ถามได้กล่าวมานั้น เป็นเรื่องของพระภิกษุที่ชื่อว่า ท่านพระโคธิกะ ซึ่งท่านอบรมปัญญา บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านได้ฌานและเสื่อมจากฌานหลายครั้ง จึงมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ในขณะที่ฌานยังไม่เสื่อม มารเห็นว่าท่านพระโคธิกะจะฆ่าตัวตาย ก็กลัวว่าท่านจะดับกิเลสได้ รู้ว่าตนเองไม่สามารถยับยั้งได้นอกเสียจากพระพุทธเจ้า มารจึงเข้าไปกราบทูลว่า สาวกของพระองค์จะทำกาละ สิ้นชีวิตเสียก่อน ให้พระพุทธองค์ทรงห้าม แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงห้าม และท่านพระโคธิกะเอามีดมาและฆ่าตัวตาย แต่ท่านบรรลุพระอรหันต์ก่อนจะสิ้นชีวิตและปรินิพพานครับ ซึ่งเหตุผลที่ผู้ถาม ถามว่า มารรู้ได้อย่างไรว่า ท่านพระโคธิกะ ฆ่าตัวตาย จะเป็นพระอรหันต์

จากอรรถกถาอธิบายว่า มารคิดว่า นี่คิดด้วยความคิดของตน ไม่ได้มีปัญญา แต่คิดว่า ผู้ที่ไม่เยื่อใยในชีวิต และพิจารณาธรรม ขณะที่จะฆ่าตัวตายย่อมอาจบรรลุพระอรหันต์ได้ นี่คือการคาดคะเน จึงกลัวที่จะท่านพระโคธิกะจะบรรลุ เพราะมีความไม่เยื่อใยในชีวิต จึงให้พระพุทธเจ้าห้าม ครับ

มารไม่ได้มีปัญญาหยั่งรู้อนาคต ไม่มีปัญญาที่จะรู้ว่าท่านพระโคธิกะจะบรรลุพระอรหันต์ แต่ด้วยเข้าใจว่าท่านพระโคธิกะอบรมปัญญาในศาสนานี้มาแล้ว ก่อนฆ่าตัวตายจึงมีโอกาสที่จะบรรลุพระอรหันต์ได้เพราะอาศัยความเพียร และความไม่เยื่อใยในชีวิต

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นิรมิต
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขอกราบอนุโมทนาและขอขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
นิรมิต
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับ

หากว่าท่านพระโคธิกะ ไม่ได้บรรลุพระอรหันต์ในขณะนั้น แต่ทำกาละไปบังเกิดในพรหมโลก การฆ่าตัวตายของท่านก็ย่อมชื่อว่าปาณาติบาต ใช่ไหม ก็ถือเป็นอกุศลกรรมบถที่จะให้ผลได้ในอนาคต แม้ท่านจะไปบังเกิดเป็นพรหมด้วยรูปาวจรกุศล หรืออรูปาวจรกุศลก็ตาม แต่ปาณาติบาตนั้นที่ท่านกระทำ ก็ชื่อว่าปาณาติบาตใช่ไหมครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความประพฤติเป็นไปของเทวปุตตมาร สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ก็จะสามารถพิจารณาได้ว่า แม้จะได้เกิดเป็นเทวดา ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม แต่เพราะได้เคยสะสมอุปนิสัยที่ดีไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิต เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ จึงทำให้เป็นผู้ไม่อยากเห็นผู้อื่นได้ดี คอยขัดขวางทุกวิถีทาง มีแต่อยากจะเห็นผู้อื่นอยู่ในวัฏฏะต่อไป เทวปุตตมารจึงมีความประพฤติเป็นไปที่ไม่ดีต่างๆ มากมายหลากหลาย ตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เป็นไปของธรรมฝ่ายที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น มีความคิดที่วิจิตรหลากหลายตามการสะสม เต็มไปด้วยอกุศล ไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้

จากข้อความที่แสดงถึงเรื่องของพระโคธิกะนั้น ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ก่อนที่จะสิ้นชีวิต เป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ดับขันธปรินิพพานแล้วไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ การฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นปาณาติบาต เพราะไม่ใช่ชีวิตของสัตว์อื่น ที่จะเป็นปาณาติบาตได้ต้องเป็นชีวิตของสัตว์อื่น บุคคลอื่น ตามองค์แห่งปาณาติบาต มี ๕ ประการ คือ สัตว์มีชีวิต รู้ว่าสัตว์มีชีวิต มีจิตคิดจะฆ่า มีความพยายามในการฆ่า และสัตว์ตายด้วยความพยายามดังกล่าวนั้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

เรียนสนทนาเพิ่มเติมในความเห็นที่ 5 ครับ

สำหรับกรรมที่ได้ทำแล้ว มีปาณาติบาต เป็นต้น ของบุคคลที่ยังมีกิเลสเป็นปุถุชน แม้จะได้ฌานเกิดพรหมโลก แต่หากในชาตินั้น ก่อนที่จะได้ฌาน ได้ทำบาปเป็นอกุศลกรรมไว้ มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น แต่ไม่ถึงอนันตริยกรรม มีการฆ่าบิดา มารดา กรรมคือการฆ่าสัตว์ ย่อมไม่เป็นเครื่องกั้นในการเกิดในพรหมโลก หากชาตินั้น อบรมฌานและฌานไม่เสื่อม ย่อมเกิดในพรหมโลกได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า การเกิดในพรหมโลกแล้วกรรมที่ทำบาปไว้จะไม่ให้ผล เป็นแต่เพียงว่าตราบใดที่ยังเกิดในพรหมภูมิ บาปที่จะทำให้เกิดในอบายเพราะการฆ่าสัตว์ก็ยังไม่ให้ผล เพราะคติที่เป็นภพภูมิที่เกิดห้ามไว้อยู่ แต่เมื่อยังเป็นพรหมปุถุชน ยังไม่พ้นจากอบาย การเกิดในพรหมโลกก็เหมือนกับการยิงลูกศรไป แล้วก็ย่อมตกลงพื้น เมื่อกุศลกรรมหมดแล้ว ก็สามารถกลับมาเกิดในภพภูมิต่างๆ ได้ และก็สามารถเกิดในอบายภูมิได้ โดยเฉพาะกรรมที่เป็นอกุศลกรรมบถในอดีตชาติที่ได้ทำมา เหมือนกับสุนัขล่าเนื้อที่วิ่งไล่กัด ทันเมื่อไหร่ก็กัดให้ตายเมื่อนั้น ฉันใด อกุศลกรรมที่ได้ทำของปุถุชน เมื่อได้โอกาสให้ผลเมื่อไหร่ในชาติใด ก็ทำให้ไปอบายภูมิ เพราะกรรมมีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น ได้ครับ

ซึ่งในกรณีของท่านพระโคธิกะ หากว่าเป็นการฆ่าสัตว์อื่นที่ไม่ใช่ตนเอง ย่อมถึงกรรมที่เป็นปาณาติบาต หากไม่ปรินิพพานก็ยังมีโอกาสที่กรรมนั้นจะให้ผลได้ แต่การฆ่าตนเองไม่เป็นปาณาติบาต ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่ฆ่าสัตว์อื่น จึงไม่ครบกรรมบถครับ กรรมนั้นจึงไม่สามารถให้ผลได้ แต่หากว่าท่านพระโคธิกะเป็นปุถุชน แล้วฆ่าตัวตาย หากจิตเศร้าหมองก่อนตาย เป็นอกุศลจิต กรรมในอดีตที่เป็นอกุศลกรรมที่เคยทำมา ย่อมทำให้สามารถให้ผลในคราวนั้นเกิดในอบายได้ แต่ด้วยอำนาจของอกุศลกรรมอื่นๆ ในอดีต ไม่ใช่เพราะการฆ่าตัวตาย ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
นิรมิต
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ อ.คำปั่น

อยากจะขอรบกวนเรียนถามอีกข้อครับ

การฆ่าตัวตายนี่ โดยมากสำหรับปุถุชนแล้วก็เป็นไปด้วยอกุศลจิต มีโทสะ โลภะ เป็นต้น (ไม่ทราบโมหะเป็นปัจจัยให้ฆ่าตัวตายได้หรือไม่) ทีนี้ การฆ่าตัวตายด้วยกุศลจิต มีได้เหมือนกันใช่หรือไม่ อย่างเช่นการกระทำของพระโพธิสัตว์ ที่ทรงทิ้งตัวเองลงเป็นทานให้แก่แม่เสือที่กำลังคิดจะกินลูกของตัวเอง ก็ชื่อว่ากระทำด้วยกุศล ถูกต้องไหมครับ หรืออย่างการยอมตายเพื่อผู้มีพระคุณได้อยู่รอด เช่น เรื่องที่ปรากฏเล่ากันบ่อย คือกำลังจะตกเขา ก็สลัดมือผู้ที่ช่วยไป เพราะมิฉะนั้นก็จะตกไปตามทั้งคู่ ผู้ที่อยู่ด้านล่าง จึงสลัดมือให้ตัวเองตกลงไปด้วยเจตนาว่าขอให้อีกคนอยู่รอดเถิด อย่าได้ตกลงไปตายด้วยกันเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เซจาน้อย
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"กรรมยุติธรรมเสมอ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ

โดยมาก เมื่อพูดถึงการฆ่าตัวตาย ก็ด้วยอกุศลจิตเป็นส่วนมากเป็นสำคัญ แต่การสละชีวิต เพื่อประโยชน์กับผู้อื่นด้วยจิตที่เป็นกุศล ต่างกับการจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีจากปัญหาด้วยอกุศลจิต มี โทสะ เป็นต้น ส่วนการฆ่าตัวตายด้วยความไม่รู้ มีความไม่รู้เป็นเหตุก็ได้ แต่ขณะฆ่า โดยมากก็เป็นด้วยจิตที่เป็นโทสะ ครับ ซึ่งการสละชีวิตตนเอง ด้วยจิตที่เป็นกุศล ดังตัวอย่างที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่าย สละชีวิตของตนเองโดยการกระโดดเข้ากองไฟ เพื่อให้พระอินทร์ที่แปลงกายมาเป็นพราหมณ์มาขออาหาร พระโพธิสัตว์จึงสละชีวิตตนเองเพื่อให้พราหมณ์ได้บริโภคอาหารคือชีวิตตนเอง อันเป็นทานที่เหนือกว่าพระเวสสันดรที่สละบุตรภรรยา การสละชีวิตครั้งนี้ เป็นทานปรมัตถบารมี อันเป็นทานอันสูงสุด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
นิรมิต
วันที่ 29 ธ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ตุ้ย
วันที่ 21 ก.พ. 2556

ความคิด คือ ทั้งมารและพญามาร ความคิดนี้ย่อมคิดได้ทั้งดีและชั่ว เมื่อมีอารมณ์มากระทบ ความคิดก็คิดไปรู้อารมณ์นั้น หรือเรียกว่าวิญญาณในขันธ์ ๕ นั้นละเมื่อรู้อารมณ์มันก็คิดปรุงแต่งไปกับอารมณ์ หรือเรียกว่าสังขาร ในขันธ์ ๕ นั้นละสิ่งใดก็ตามเมื่อคิดแล้วก็จะจำเอาไว้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสัญญาในขันธ์ ๕ นั้นละขณะจำก็จะมีความยินดีและไม่ยินดีรวมเข้าไปด้วย หรือเรียกว่าเวทนา ก็อยู่ในขันธ์ ๕ อีกนั่นละที่เรียกกันอยู่เสมอว่าอนุสัยในขันธสันดาน คืออะไร ก็คือ สัญญาและเวทนา นี้ละในฌานสมาบัติที่ ๙ ชื่อฌานสัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นฌานที่บรรลุสู่อริยบุคคลก็ดับสัญญาและเวทนาในมโนทวาร หรือดับอนุสัยนี้ละความคิดเป็นอะไรบ้างในขันธ์ ๕ นอกจากรูปแล้ว ที่เหลือทั้ง ๔ ตัว ตกอยู่ในความคิดทั้งหมดตามที่อธิบายไปแล้ว ไม่ว่าไปไหนก็เอาความคิดไปด้วย ความคิดนี้ละคือทั้งมารและพญามาร ที่คุณทั้งผมก็แบกพญามารไปด้วยอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันจะไม่รู้ได้อย่างไรครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Thanapolb
วันที่ 22 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเรียนถาม อ.ผเดิม และสนทนาด้วยคนครับ เรื่องคนฆ่าตัวตาย

ปุถุชนที่ฆ่าตัวตายด้วยโทสะและโมหะ หากถ้าจิตขณะสุดท้ายก่อนจุติ ก็อาจเป็นกุศลเพราะนึกถึงกุศลกรรมที่เคยทำไว้ เป็นไปได้บ้าง ใช่ไหมครับ ก็อาจเกิดในสุคติภูมิได้อย่างนั้นหรือครับ (และประจวบติดใจในความคิดเห็นที่ 7 ในสามบรรทัดสุดท้ายที่ท่านเขียนด้วยครับ) ขอความกระจ่างอีกทีครับ เพราะผมเข้าใจมาตลอด (เพราะเคยได้ยินมา อาจได้ยินมาผิดๆ ) ว่าคนที่ฆ่าตัวตายถือว่าปฏิเสธความเป็นมนุษย์ ต้องไปเกิดในอบายภูมิ และเกิด ตายอีกหลายชาติ จนกว่ากุศลจะเกิดก่อนจุติ จึงจะกลับมาเกิดในสุคติภูมิได้

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paderm
วันที่ 23 ก.พ. 2556

เรียน ความเห็นที่ 13 ครับ

การสละชีวิต ที่เรียกว่าฆ่าตัวตาย แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ขณะจิตสุดท้ายก็สามารถเกิดกุศลจิตได้ เช่น ผู้มีปัญญาที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดเป็นกระต่าย ก็สละชีวิตโดดเข้ากองไฟด้วยปัญญาด้วยกุศลจิตในการกระทำนั้น ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องชวนจิตสุดท้ายจะเป็นอกุศล เป็นกุศลก็ได้ นี่สำหรับผู้มีปัญญาสะสมมามาก แต่โดยมากก็มักเกิดอกุศลจิตก่อนตาย เพราะความเป็นผู้ที่เป็นปุถุชนที่ปัญญาไม่มีกำลังครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Thanapolb
วันที่ 26 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
jaturong
วันที่ 1 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
panasda
วันที่ 8 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
MAHAPOONYO
วันที่ 4 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ