นิยตมิจฉาทิฏฐิ และทิฏฐิอื่นๆ
กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน
มีความสงสัยในเรื่องนิยตมิจฉาทิฏฐิ ที่ว่า เป็นทิฏฐิอย่างดิ่ง หากยึดถือความเห็นนี้ ย่อมถึงอบายในภพถัดไปทันที นี้รวมอุจเฉททิฏฐิและสัสตทิฏฐิ ด้วยหรือไม่ครับ
หากว่า เป็นทิฏฐิอื่น อย่างเช่น เชื่อเรื่องจิตเดิมแท้ หรือเชื่อทิฏฐิความเห็นอื่นๆ อย่างศาสนาอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าขั้นนิยตมิจฉาทิฏฐิ จะห้ามสวรรค์ในชาตินั้นหรือไม่ และสงสัยว่า ผู้ที่มีนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่ากระทำอกุศลมโนกรรมอยู่ทุกขณะจิต ที่เกิดมีความเห็นดิ่งอย่างนั้นเลยหรือครับ จึงชื่อว่ามีโทษมากอย่างนี้ และที่ว่า ผู้มีทิฏฐิเห็นปานนี้ชื่อว่าตอวัฏฏะ คือ จะไม่มีโอกาสเข้าใจพระธรรมได้เลยหรือครับตลอดสังสารวัฏฏ์ หรือว่าปัญญาเองก็มีโอกาสเจริญได้เช่นกัน หากผู้มีทิฏฐิอย่างนี้ได้ฟังธรรมบ่อยๆ เนืองๆ แม้ว่าอาจจะยาวนานอีกแสนโกฏิกัปป์ หรือแสนโกฏิอสงไขย ถ้ามีโอกาสได้ฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาเองก็มีโอกาสจะเจริญเช่นกัน ใช่หรือไม่ ไม่ได้หมายถึงว่า จะมีทิฏฐิอย่างนั้นไปตลอดวัฏฏะจนออกจากวัฏฏะไม่ได้เลยทีเดียว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากคำถามที่ว่า
มีความสงสัยในเรื่องนิยตมิจฉาทิฏฐิ ที่ว่า เป็นทิฏฐิอย่างดิ่ง หากยึดถือความเห็นนี้ ย่อมถึงอบายในภพถัดไปทันที นี้รวมอุจเฉททิฏฐิและสัสตทิฏฐิ ด้วยหรือไม่ครับ
- นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ คือ ความเห็นผิดที่ดิ่งแก้ไขไม่ได้ ได้แก่
๑. อกิริยทิฏฐิ เห็นว่า ไม่เป็นอันทำ ปฏิเสธการกระทำดี ทำชั่ว และปฏิเสธผลว่าไม่มี
๒. อเหตุกทิฏฐิ เห็นว่าทุกสิ่งไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เป็นไปเอง
๓. นัตถิกทิฏฐิ เห็นว่า ไม่มีบุญ ไม่มีบาป ปฏิเสธทั้งเหตุและผล ซึ่งนิยตมิจฉาทิฏฐิ ไม่รวม อุจเฉททิฏฐิ ความเห็นผิดว่า ขาดสูญ มีการคิดว่า ตายแล้วไม่เกิดอีก จบชาติเดียว และสัสตทิฏฐิ ความเห็นผิดว่า ตายแล้วก็เกิดต่อไปเรื่อยๆ หรืออยู่นิรันดร์ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
หากว่า เป็นทิฏฐิอื่น อย่างเช่น เชื่อเรื่องจิตเดิมแท้ หรือเชื่อทิฏฐิความเห็นอื่นๆ อย่างศาสนาอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าขั้นนิยตมิจฉาทิฏฐิ จะห้ามสวรรค์ในชาตินั้นหรือไม่
- ความเห็นผิดอื่น แม้ไม่ใช่ นิยตมิจฉาทิฏฐิ แต่เป็นความเห็นผิด สามารถทำให้เกิดในอบายภูมิ มี นรกและสัตว์เดรัจฉานได้ครับ หากกรรมคือความเห็นผิดให้ผล แต่หากไม่มีกำลัง ก็ไม่ถึงกับห้ามสวรรค์สุคติในชาติต่อไปครับ
และสงสัยว่า ผู้ที่มีนิยตมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่ากระทำอกุศลมโนกรรมอยู่ทุกขณะจิต ที่เกิดมีความเห็นดิ่งอย่างนั้นเลยหรือครับ จึงชื่อว่ามีโทษมากอย่างนี้
- การที่มีความเห็นผิดที่ดิ่ง ไม่ได้หมายความว่า เกิดความเห็นผิดทุกขณะจิต แต่ที่มีโทษมาก เพราะเหตุว่า อาศัยความเห็นผิดที่ดิ่ง จึงทำบาปได้ทุกอย่าง ไม่อบรมปัญญาเลย มิจฉาทิฏฐิที่ดิ่งเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ มีโทษมากกว่าอนันตริยกรรม เพราะอนันตริยกรรมยังพอกำหนดอายุที่จะไปอบายได้ เช่น ไปนรก ๑ กัปป์ ดังเช่นพระเทวทัตทำสังฆเภท (ทำสงฆ์ให้แตก) ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุกรรมแล้วก็สามารถไปเกิดในสุคติภูมิและบรรลุธรรมภายหลังได้ ดังเช่น พระเทวทัต ภายหลังท่านก็ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่ว่านิยตมิจฉาทิฏฐิไม่สามารถออกจากวัฏฏะได้เลย (ตอวัฏฏะ) และยังเป็นเหตุให้ทำบาปกรรมต่างๆ มากมายด้วย มีการทำอนันตริยกรรม เป็นต้น จึงไม่สามารถไปสุคติภูมิได้และไม่มีทางบรรลุมรรคผล จึงมีโทษมากดังนี้ ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็นธรรมอย่างหนึ่งอันอื่นที่มีโทษมาก เหมือนอย่างมิจฉาทิฏฐิเลย กระบวนโทษทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐิมีโทษอย่างยิ่ง
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...
นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ [อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร]
และที่ว่า ผู้มีทิฏฐิเห็นปานนี้ชื่อว่าตอวัฏฏะ คือ จะไม่มีโอกาสเข้าใจพระธรรมได้เลยหรือครับตลอดสังสารวัฏฏ์ หรือว่าปัญญาเองก็มีโอกาสเจริญได้เช่นกัน หากผู้มีทิฏฐิอย่างนี้ ได้ฟังธรรมบ่อยๆ เนืองๆ แม้ว่าจะอาจยาวนานอีกแสนโกฏิกัปป์หรือแสนโกฏิอสงไขย ถ้ามีโอกาสได้ฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาเองก็มีโอกาสจะเจริญเช่นกัน ใช่หรือไม่ ไม่ได้หมายถึงว่า จะมีทิฏฐิอย่างนั้นไปตลอดวัฏฏะจนออกจากวัฏฏะไม่ได้เลยทีเดียว
- สำหรับผู้ที่มีความเห็นผิดที่ดิ่ง ที่เป็นความเห็นผิดที่มีกำลังมาก ก็ยากที่จะสนใจธรรม แม้ได้ฟัง ก็มีมากที่ได้ฟัง ก็ไม่สนใจ และแม้แต่ผู้ที่มีความเห็นผิดที่มีกำลัง ก็ไม่มีกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุแม้การได้ยินได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง จึงเป็นการยากที่จะหลุดไปจากวัฏฏะ เพราะอุปนิสัยที่ไม่อบรมปัญญา เพราะปฏิเสธกรรม ปฏิเสธการกระทำ และไม่มีบุญที่จะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าด้วย จึงเป็นผู้ที่เป็นตอวัฏฏะ ไม่สามารถออกไปจากสังสารวัฏฏ์ได้ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นอกุศลธรรม เพราะมีความเห็นผิดเกิดขึ้นเป็นไป จึงเรียกบุคคลนั้นว่าเป็นบุคคลผู้มีความเห็นผิด เป็นผู้มีความเห็นที่ไม่ตรง มีความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของสภาพธรรม เมื่อเห็นผิดแล้ว ทุกอย่างก็ผิดไปหมด ความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจา และทางใจ ก็ย่อมผิดไปด้วย กล่าวได้ว่า คิดผิด พูดผิด ทำผิด ปฏิบัติผิด คล้อยตามความเห็นที่ผิด ถ้าได้กระทำอกุศลกรรมประการต่างๆ ก็จะเป็นเหตุให้ตนเองยิ่งตกต่ำมากยิ่งขึ้น คือ ตกไปสู่อบายภูมิ ยากที่จะข้ามพ้นได้ ทั้งหมดล้วนสืบเนื่องมาจากความเห็นผิดทั้งนั้น ความเห็นผิดเป็นอกุศลธรรมที่อันตรายและมีโทษมากเป็นอย่างยิ่ง
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความละเอียดรอบคอบ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อละคลายความเห็นที่ผิดที่ไม่ตรงได้ในที่สุด
เราไม่สามารถที่จะทราบได้เลยว่า โอกาสที่เราจะเข้าใจธรรมในภพนี้ชาตินี้ จะเหลืออีกเท่าใด เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่สุดในการที่จะให้ตนเองมีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเป็นไปเพื่อการดับกิเลส มีความเห็นผิด เป็นต้น ได้ในที่สุดครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...