ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศอินเดีย ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ [ตอนที่ ๖] จบ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[ตอนที่ ๖] กราบพระรัตนตรัย ใจชื่นบาน
กิจกรรมต่างๆ ในการเดินทางของคณะของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ในโอกาสการนำ พระรัตนบุษยภาชน์ฯ มาถวาย ณ พระมูลคันธกุฎีวิหาร
สารนาถ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย ครั้งนี้ จะสิ้นสุดลงในวันนี้ ที่พาราณสี
จากนั้น คณะฯของข้าพเจ้าที่บินมาโดยครื่องบินแอร์อินเดีย จะแยกไปขึ้นเครื่องบิน
เดินทางกลับกรุงเทพฯ ที่นิวเดลี แต่สำหรับคณะของท่านอาจารย์ จะบินตรงจากพาราณสี
กลับสู่กรุงเทพมหานคร โดยเครื่องบินของการบินไทย
คณะของเรา ซึ่งนอกจากจะบินโดยสายการบินแอร์อินเดียแล้ว ยังพักที่โฮเต็ลอินเดียด้วย
ในวันสุดท้ายที่พาราณสีก่อนเดินทางกลับ มีโปรแกรมที่จะเดินทางไปชมแม่น้ำคงคา
ในตอนเช้าตรู่ทุกคนตื่นแต่เช้าตามที่ได้นัดหมาย ลงมานั่งรอเพื่อนๆ สหายธรรมจนครบ
จึงออกเดินทาง บางท่านที่เคยมาอินเดียหลายหนแล้ว หลายคนก็สมัครใจนอนต่อ
สำหรับข้าพเจ้าเอง ยังไม่เบื่อที่จะได้ไปล่องเรือชมแม่น้ำคงคา เพราะรู้สึกว่าได้เห็นภาพ
และ บรรยากาศ ที่มีเสน่ห์และกลิ่นอายของอินเดีย จริงๆ
ทั้งยังเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เกิดระลึก ศึกษา พิจารณาธรรมต่างๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังมา
เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ครับ
"...ควรที่ทุกคนจะคิดถึงประโยชน์ของการเกิดมามีชีวิตเป็นมนุษย์ในขณะนี้
ทุกคนย่อมจะมีทางเดินของชีวิต ซึ่งมี ๒ ทาง คือ
ทางหนึ่ง เลือกที่จะหมุนเกลียวเข้าให้จมลึกลงในปลักของสังสารวัฏฏ์ต่อไป
และ อีกทางหนึ่ง คือ เลือกที่จะหมุนเกลียวออกจากสังสารวัฏฏ์ ทีละเล็ก ทีละน้อย...
...ในขณะนี้มีโมหะ คือ ขณะที่เห็น
ก็ไม่รู้สภาพความจริงของนามธรรมและรูปธรรม ในขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้เอง
หรือแม้ในขณะที่ได้ยินเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม
ในขณะที่ได้ยิน และ เสียงที่ปรากฏ
ขณะนี้ จะคลายเกลียวจากโมหะ โดยการอบรมเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรม
หรือว่า จะพอใจในการหมุนเกลียวของโมหะให้มากขึ้นอีก
โดยละเลย การที่จะระลึกศึกษา รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
นี่คือเส้นทางของชีวิต ที่ทุกคนจะพิจารณาเลือกเดินต่อไปทุกๆ ขณะ
แม้ในขณะนี้เอง
"...แต่ละบุคคลที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น ไม่เหมือนกันเลย ทั้งการสะสม
และ การได้รับผลของอดีตกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว
การจะได้รับสิ่งที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจในชีวิตประจำวันนั้น เป็นผลของกุศล
เป็นไปไม่ได้เลยที่กุศลจะให้ผลเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ในทางตรงกันข้าม เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล
(ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม)
ย่อมทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำมาแล้วนั่นเอง..."
ภาพที่มองจากฝั่งที่เรียกว่า ฝั่งนรก มองไปยังฝั่งที่เป็นสวรรค์
เป็นฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา ที่มีตึกรามบ้านช่องใหญ่โต เต็มไปหมด
ส่วนฝั่งนรกนี้ มีเพียงเนินทรายกว้างใหญ่ ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่เลย
เพราะเป็นฝั่งที่มีแต่เศษกระดูก จากซากศพ ที่ถูกน้ำพัดพามาเกยฝั่งไว้
"...ความตาย เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นสำหรับผู้ที่มีความเกิดเป็นธรรมดา
ทุกชีวิตล้วนมีความตายเป็นที่สุด ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เกิดมาแล้ว จะไม่ตาย
ถ้าศึกษาพระธรรม ก็จะเข้าใจว่า
ความตาย คือ ขณะที่จุติจิต เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้
สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้
ความผูกพัน ความเยื่อใยที่มีกับบุคคลทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นมารดาบิดา ญาติสนิทมิตรสหายเป็นต้น
ก็เป็นอันจบสิ้น
เพียงชั่วขณะจิตเดียว คือ จุติจิตเกิดขึ้นเท่านั้น
และ ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกได้เลยตราบใดที่ยังมีกิเลส เมื่อตายแล้วต้องเกิดอย่างแน่นอน อีกไม่นานก็ได้เห็น ได้ยินได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ถูกต้องกระทบสัมผัส คิดนึกอีก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล อีก
ดำเนินไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์
ปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกเลย..."
"...เรื่องตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นจิตขณะเดียวที่เกิดขึ้น
เราจะต้องตาย ตายเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วนั่นแหละ
ซึ่งเป็นความจริงไม่มีใครหลีกพ้นได้
แต่สิ่งที่น่าคิดพิจารณาอยู่เสมอ นั้นก็คือ ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ จะดำเนินไปอย่างไร
เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่
ดังนั้น ชาตินี้ ยังมีกิเลสมาก
เต็มไปด้วยอกุศลประการต่างๆ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น
อีกทั้งปัญญาก็ยังไม่เจริญ
ก็จะต้องเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา
เพื่อเข้าใจสภาพธรรม ตามความเป็นจริง และ ขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน..."
"...กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์จริงๆ ถ้าไม่มีกัลยาณมิตร สัตว์ทั้งหลายย่อมกระทำกรรมดีบ้าง กรรมชั่วบ้างที่ไม่ได้เป็นเหตุทำให้หลุดพ้นออกไปจากวัฏฏะได้เลย..."
.........
"...เมื่อได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมโดยการฟังพระธรรมจากแผ่น mp 3 วิทยุ เว็บไซต์
ไปสนทนาธรรมที่มูลนิธิ ฯ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ (ยกเว้นติดธุระนานๆ ครั้ง)
มีกลุ่มสนทนาธรรม เข้าเว็ปไซต์ค้นคว้าและสนทนาธรรม ได้เจริญกุศลบ้างตามโอกาส
ได้เห็นการสะสมอุปนิสสยปัจจัยของสหายธรรมที่วิจิตรและหลากหลายมาก
ช่องว่างทางความคิดก็เยอะมากจริงๆ ถ้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องการสะสมมาของแต่ละบุคคล
ทั้งกุศลและอกุศล เว็ปไซต์นี้ก็คงมีความหลากหลาย มีน้ำใจ อบอุ่น ละมุนละม่อม เกื้อกูล เป็นกัลยาณมิตร ให้อภัย คิดต่อกันในแง่ดี อื่นๆ อีกมากมาย เพราะทุกคนสะสมมาไม่เหมือนกันจริงๆ แต่เชื่อว่าทุกท่านมีความปรารถนาดีต่อกัน..."
สัตว์อันเขามิได้เชื้อเชิญ ก็มาจากที่นั้น
เขามิได้อนุญาต ก็ไปจากที่นี้ เขามาจากที่ไหนกันแน่หนออยู่ได้ ๒-๓ วัน ก็ไปแล้วสู่ทางอื่นจากที่นี้ก็มี
กำลังไปสู่ทางอื่นจากที่นั้นก็มี
เขาละ [ตาย] ไปแล้ว
ท่องเที่ยวอยู่โดยรูปของมนุษย์ จักไปก็มี
เขามาอย่างใด ก็ไปอย่างนั้น
จะคร่ำครวญเพราะเหตุนั้นไปทำไม.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา
เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 208 ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา
"...ทุกคนมีทางเดินของชีวิต จะเดินทางไปทางไหน ระหว่างชั่ว กับ ดี
ย่อมขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคล
ชีวิตคือ นามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ ที่เกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เกิดจนตาย ภพแล้วภพเล่าไม่เคยหยุด จิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้น
จึงเป็นสังสารวัฏฏ์
ถ้าจิตไม่ดี คือ ชั่ว เกิดขึ้น ก็ทำให้มีความประพฤติไม่ดี ทั้งทางกาย และทางวาจา
แล้วจุดหมายปลายทางคืออย่างไร ถึงแน่นอน คือ อบายภูมิ
แต่ถ้าจิตที่ดีงามเกิดขึ้น
ก็ทำให้ความประพฤติดีงามเกิดขึ้นเป็นไป ทั้งทางกาย และทางวาจา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เป็นไปกับการอบรมเจริญปัญญา
ซึ่งจะเป็นเหตุให้สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ในที่สุด
เป็นการเดินทางของชีวิตที่ประเสริฐสุดที่ได้รับ..."
(คัดจากกระทู้ กำลังเดินทางไปไหน โดย เมตตา)
บุคคลผู้ยังใจให้เลื่อมใสให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลายที่ได้มาโดยชอบธรรมย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสองของผู้มีศรัทธาอยู่ครองเรือน คือเพื่อประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบันและเพื่อความสุขในสัมปรายภพการบริจาคของคฤหัสถ์ดังกล่าวมานั้น ย่อมเจริญบุญ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 667 อิณสูตร
หลังจากที่ได้ล่องเรือชมแม่น้ำคงคา และ เดินทางกลับโรงแรมที่พัก
เพื่อรับประทานอาหารเช้า เสร็จแล้ว ทุกท่านก็เก็บสัมภาระขึ้นรถ เดินทางไปยังสารนาถ
เพื่อกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
[เล่มที่ 6] [เล่มที่ 6] พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑[เล่มที่ 6] หน้าที่ 44
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนา [๑๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะพระปัญจวัคดีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่สุด ๒ อย่างนี้ อันบรรพชิตไม่ควรเสพ คือ. การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย เป็นธรรมอันเลวเป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑. การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตน เป็นความลำบาก ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้นนั่นตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิดย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลาง ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วย ปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน? ปฏิปทาสายกลางนั้นได้แก่ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้นที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 322
พระปัจฉิมวาจา
[๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความ
เสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. นี้เป็น
พระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.
ข้อความจากอรรถกถา
.......บทว่า อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ ความว่า จงยังกิจทั้งปวงให้
สำเร็จด้วยความไม่ไปปราศจากสติ. ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบรรทม
ที่เตียงปรินิพพาน ประทานพระโอวาทที่ประทานมา ๔๕ พรรษา รวมลงใน
บทคือความไม่ประมาทอย่างเดียวเท่านั้น.
ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้
ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 388
การเดินทางไปประเทศอินเดียครั้งนี้ ได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว
แต่การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ของทุกบุคคลยังไม่วันที่จะสิ้นสุดได้โดยง่าย
ประโยชน์อันใด กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
คือ คำถามที่ควรถามตนเองอยู่โดยทุกเมื่อเชื่อวัน
ของผู้ที่ไม่ประมาท กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ และ ทุกๆ ชาติ
ความเข้าใจขึ้น ในความจริง ของสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ในทุกๆ ขณะนี้
ย่อมนำมา ซึ่งความปีติ ชื่นบาน ในกุศลธรรมประการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไป
จากการสะสม อบรม บ่อยๆ เนืองๆ
กราบพระรัตนตรัย ด้วยใจชื่นบาน ครับ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ
..........
คลิกชม ตอนที่แล้วได้ที่นี่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
..."การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ของทุกบุคคลยังไม่วันที่จะสิ้นสุดได้โดยง่าย
ประโยชน์อันใด กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
คือ คำถามที่ควรถามตนเองอยู่โดยทุกเมื่อเชื่อวัน
ของผู้ที่ไม่ประมาท กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ และ ทุกๆ ชาติ"...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และทุกๆ ท่านด้วยครับ
"ทุกคนย่อมจะมีทางเดินของชีวิต ซึ่งมี ๒ ทาง คือ
ทางหนึ่ง เลือกที่จะหมุนเกลียวเข้าให้จมลึกลงในปลักของสังสารวัฏฏ์ต่อไป
และ อีกทางหนึ่ง คือ เลือกที่จะหมุนเกลียวออกจากสังสารวัฏฏ์ ทีละเล็ก ทีละน้อย"
......................................
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณวันชัยที่เกื้อกูลสหายธรรม
ด้วยภาพและถ้อยคำเพื่อความเป็นไปในกุศลธรรมทุกประการ
และขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของวันชัย ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความตาย คือ ขณะที่จุติจิต เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้
สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้
ความผูกพัน ความเยื่อใยที่มีกับบุคคลทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นมารดาบิดา ญาติสนิทมิตรสหายเป็นต้น
ก็เป็นอันจบสิ้น
เพียงชั่วขณะจิตเดียว คือ จุติจิตเกิดขึ้นเท่านั้น
และ ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกได้เลย
การเดินทางไปประเทศอินเดียครั้งนี้ ได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว
แต่การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ของทุกบุคคลยังไม่วันที่จะสิ้นสุดได้โดยง่าย
ประโยชน์อันใด กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
คือ คำถามที่ควรถามตนเองอยู่โดยทุกเมื่อเชื่อวัน
ของผู้ที่ไม่ประมาท กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ และ ทุกๆ ชาติ
ความเข้าใจขึ้น ในความจริง ของสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ในทุกๆ ขณะนี้
ย่อมนำมา ซึ่งความปีติ ชื่นบาน ในกุศลธรรมประการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไป
จากการสะสม อบรม บ่อยๆ เนืองๆ
กราบพระรัตนตรัย ด้วยใจชื่นบาน ครับ
แม้พี่ไม่ได้มีโอกาสได้ไปอินเดียครั้งนี้ แต่เมื่อได้อ่านกระทู้ ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่
ประเทศอินเดีย ของคุณวันชัย ใจก็ชื่นบานมากค่ะ
...กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธา และกุศลวิริยะของคุณวันชัย ด้วยค่ะ
...กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธา และกุศลวิริยะของคุณวันชัย ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อนุโมทนากับทุกท่านที่เดินทางไปในครั้งนี้
และคงจะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดและเพิ่มศรัทธา
ในพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งประเสริฐเพราะแสนยาก
แต่ประเสริฐยิ่งกว่าและเป็นที่สุดของความประเสริฐ์ใดๆ
คือมีความศรัทธาด้วยความเห็นพระคุณในพระรัตนตรัย
เพราะได้ศึกษาพระธรรมและไตร่ตรองสภาพธรรม
ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้
กราบขอบพระคุณท่านอ.สุจินต์ และคณะมูนิธิ มศพ.
ขออนุโมทนาค่ะ