หลังจาก พ.ศ. ๕๐๐๐

 
จิตและเจตสิก
วันที่  4 ม.ค. 2556
หมายเลข  22283
อ่าน  1,510

หลังจาก พ.ศ. ๕๐๐๐ จะเป็นอย่างไร คำสอนของพระพุทธเจ้าจะยังคงอยู่หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ตราบใดที่ยังมีผู้ที่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ยังมีการปฏิบัติธรรม และ ย่อมมีการสนทนาธรรมได้ ซึ่งหากเขาใจความจริงว่า ในสมัยพุทธกาล มีพระอริยเจ้ามาก มาย ในภพภูมิที่เกิดเป็นมนุษย์ มีพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหันต์ สำหรับผูู้ที่เป็นพระอรหันต์ในภพภูมิมนุษย์ ก็ปรินิพพานในโลกมนุษย์ ไม่ไปเกิดในภพภูมิใด ส่วนผู้ที่เป็นพระอนาคามีในภพภูมิมนุษย์ เมื่อตายไปก็เกิดในพรหมโลก และปรินิพพานในพรหมโลก พระโสดาบัน และพระสกทาคามี ที่เป็นมนุษย์ เมื่อตายจากความเป็นมนุษย์ โดยมากก็เกิดบนสวรรค์ ๖ ชั้น เพราะฉะนั้น ก็มีพระอริยเจ้าอยู่มากมาย นับไม่ถ้วนบนสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น และ ในพรหมโลก ซึ่งอายุบนสวรรค์ และ พรหมโลกยาว นานมาก เมื่อเปรียบเทียบกับโลกมนุษย์ และ อายุของเทวดาและพรหมก็ยืนยาว อย่างสวรรค์ชั้นดาว ดึงส์ ๑ วันของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่ากับ ๑๐๐ ปีของโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้น หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพ พานมาสองพันห้าร้อยปี และ มีพระอริยเจ้าไปเกิดบนสวรรค์มากมายในสมัยพุทธกาล เท่ากับว่า เวลาบนสวรรค์ผ่านไปเพียง ๒๕ วัน เท่านั้น และ เทวดาก็มีอายุยืนยาว

ดังนั้น ก็ยังมีพระอริยเจ้า มีพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี อยู่บนสวรรค์และพรหมโลกครับ และ เมื่อเวลาผ่านไปห้าพันปีบนโลกมนุษย์ ไม่มีมนุษย์ที่มีความเข้าใจธรรมแล้ว ศาสนาอันตร ธานไปจากใจของคน แม้มีหนังสือ พระไตรปิฎก แต่ก็ไม่สนใจ และไม่เข้าใจในคำสอน จึงชื่อว่า พระศาสนาอันตรธาน คือ พระศาสนาเป็นจิตใจของแต่ละคนที่มีความเข้าใจพระธรรม เมื่อไม่มีผู้ที่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม เมื่อถึงห้าพันปี ศาสนาก็อันตรธานในโลกมนุษย์ ซึ่งห้าพันปี บนโลกมนุษย์ ก็เป็นเพียงห้าสิบวันบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้น ก็ยังมีพระอริยเจ้า ซึ่งคำว่า พระอริยเจ้า คือ ผู้ที่บรรลุธรรม เป็นผู้ประเสริฐด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น ก็ชื่อว่า ยังมีผู้ที่เข้าใจพระธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ คือ ศาสนายังไม่ได้อันตร ธานจากใจของพระอริยเจ้า ที่ยังมีชีวิตอยู่บนสวรรค์ และ พรหมโลก เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งใดที่พระอริยเจ้าสนใจ ก็คือ สิ่งที่ท่านประจักษ์และบรรลุ นั่นเองที่ท่านใจ จึงมีการปฏิบัติธรรมบนสวรรค์และพรหมโลก เพราะเมื่อยังไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ ยังเป็นเพียงพระโสดาบัน พระสกทาคามี ก็จะต้องอบรมปัญญาต่อ เพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ การบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย บนสวรรค์และพรหมโลก แม้ศาสนาจะอันตรธานในโลกมนุษย์ แต่ท่านก็อบรมปัญญา ปฏิบัติธรรม ซึ่งก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ในสวรรค์และพรหมโลกก็มี และที่สำคัญ พระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้มีศรัทธา ซึ่งลักษณะของผู้มีศรัธา มี 3 ประการ ดังนี้

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 192

๒. ฐานสูตร

ว่าด้วยลักษณะผู้มีศรัทธา ๓ ประการ

[๔๘๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้มีศรัทธาเลื่อมใส พึงรู้ได้ด้วยสถาน ๓ สถาน ๓ คืออะไร คือ เป็นผู้ใคร่ในการเห็นผู้มีศีลทั้งหลาย ๑ เป็นผู้ใคร่เพื่อจะฟังธรรม ๑ มีใจปราศจากมลทิน คือความตระ หนี่อยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อยแล้ว มีมืออันล้างไว้ (คอยจะหยิบของให้ทาน) ยินดีในการ สละ ควรแก่การขอ พอใจในการให้และการแบ่งปัน ๑ ผู้มีศรัทธาเลื่อมใสพึงรู้ได้ด้วยสถาน ๓ นี้แล


พระอริยเจ้าทั้งหลาย ที่อยู่บนสวรรค์และพรหมโลก เป็นผู้มีศรัทธามั่นคงไม่หวั่นไหว จึงเป็นผู้ที่ใคร่ที่จะฟังธรรม ยินดีในการฟังธรรมเป็นนิตย์ เพราะ การฟังธรรม สนทนาธรรม เป็นเหตุให้เกิดปัญ ญา และ ทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ และ แม้แต่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ยินดีในการฟังธรรมสนทนาธรรม เพราะ เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลาย ยินดีเคารพในพระธรรมที่ท่านตรัสรู้แล้ว ครับ เพราะฉะนั้น บนเทว โลก และ บนพรหมโลก ก็มีการฟังธรรม สนทนาธรรม ตามกาล ตามความเหมาะสม อย่างเช่น บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็จะมีการฟังธรรม สนทนาธรรม เดือนละ ๘ ครั้ง ที่สุธรรมสภาและแม้สวรรค์ชั้นอื่นๆ และบนพรหมโลก ก็มีการฟังธรรม สนทนาธรรมที่สุธรรมสภาในแต่ละชั้น ครับ

ดังนั้น เพราะความอายุที่ยืนของเทวดาและพรหม จึงยังมีพระอริยเจ้าที่เป็นเทวดาและพรหมอยู่บนสวรรค์และพรหมโลก มีการปฏิบัติธรรม เจริญธรรม และสนทนาธรรม ในสวรรค์และพรหมโลก ซึ่งตัวอย่างในพระไตรปิฎก ฆฎิการช่างหม้อเป็นพระอนาคามีในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ พระ พุทธเจ้าองค์ก่อน เมื่อตายไปก็ไปเกิดเป็นฆฏิการพรหม มีอายุยืนนานมาก จนถึงสมัยที่พระพุทธเจ้าเราอุบัติขึ้นแล้ว ก็มาสนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้าสมณโคดม ซึ่งในอดีต เคยเกิดเป็นเพื่อนกัน ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ครับ

แสดงให้เห็นว่า ที่ใดที่มีความเห็นถูก ที่นั้น ไม่ปราศจากการเจริญธรรมฝ่ายดี และการสนใจในสิ่งที่ดี จึงมีการฟังธรรม สนทนาธรรม แต่สำคัญที่สุด คือ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ท่านทั้งหลายก็เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสฟังธรรม ศึกษาพระธรรมแล้ว ควรใช้เวลาที่เหลือน้อยในขณะปัจจุบัน ที่มีค่า ด้วยการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม เพราะหากมีปัญญา ความเข้าใจพระธรรม การสะ สม สิ่งที่ดีเหล่านี้ก็ไม่หายไปไหน แม้เกิดในภพภูมิอื่น ก็ยังเป็นผู้ใคร่ สนใจในพระธรรม แต่หากไม่สะสมเหตุที่ดีภายในตนเอง เพียงรอเหตุภายนอก คือ การพบพระพุทธศาสนา พบบัญฑิต หากว่าไม่ ได้สะสมความเห็นถูก ความสนใจในชาตินี้ แม้จะมีบัณฑิต มีพระธรรมอยู่ใกล้ ก็เหมือนอยู่ไกล เพราะไม่สนใจที่จะฟัง สนใจ ในสิ่งทีได้ยินได้ฟังจากผู้อื่นในอนาคต

สำคัญที่สุด คือ ขณะปัจจุบันในขณะนี้ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เรื่อง เทพบุตร สนทนาธรรมกัน และ ยินดีในการฟังธรรมและสนทนาธรรม

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 556

ข้อความบางตอนจาก

หัตถสูตร

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมเหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าเคยประพฤติเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ธรรมเหล่านั้น บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้ายังประพฤติอยู่และยังประพฤติธรรมที่ไม่เคยประพฤติเมื่อครั้งเป็นมนุษย์อีกด้วย เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เกลื่อนกล่นอยู่ด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชาราชมหาอำมาตย์ เดียรถีย์ สาวกเดียรถีย์ ฉันใด ข้าพระพุทธเจ้าก็เกลื่อนกล่นอยู่ด้วยเทวบุตรทั้งหลาย ฉันนั้น

เทวบุตรทั้งหลายมาแม้ไกลๆ ตั้งใจจักฟังธรรมในสำนักหัตถกเทวบุตร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้ายังไม่อิ่มยังไม่เบื่อธรรม ๓ อย่าง ก็ทำกาละแล้ว ธรรม ๓ อย่างคืออะไร คือ การเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า การฟังพระสัทธรรม การอุปัฏฐากพระสงฆ์ ข้าพระพุทธเจ้ายังไม่อิ่มไม่เบื่อธรรม ๓ อย่างนี้แล ได้ทำกาละแล้ว.

แน่ละ ความอิ่มต่อการเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า การอุปัฏฐากพระสงฆ์ และ การฟังพระสัทธรรม จักมี ในกาลไหนๆ หัตถกอุบาสก ผู้รักษาอธิศีล ยินดีในการฟังพระสัทธรรมไม่ทันอิ่มธรรม ๓ ประการ ก็ไปอวิหาพรหมโลกแล้ว.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ก็ย่อมไม่ละเว้นโอกาสแห่งการฟัง การศึกษา การสนทนา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น เพราะเคยได้สะสมอุป นิสัยที่ดีอย่างนี้มาแล้ว ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ที่ไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ไม่ว่าจะเกิดเป็นใครก็ตาม ย่อมละเลยในกิจที่ควรทำเหล่านั้น

เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ ขณะนี้ ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่พระธรรมจะอันตรธาน พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่ ควรที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาสะสมปัญญาต่อไป

ควรที่จะได้พิจารณาว่า โอกาสที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก การได้ฟังพระธรรมก็เป็นเรื่องยาก ประการที่สำคัญที่สุด คือ การที่พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก การแสดงพระสัทธรรม และบุคคลคนนั้นได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทั้ง ๓ ประการนี้จะพร้อมกันเข้าได้ เป็นไปได้ยากมาก

บุคคลบางคน ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ไม่สนใจที่จะฟังพระธรรม บอกว่า ชาตินี้พักไว้ก่อน ชาติหน้าถึงจะไปฟังพระธรรมบนสวรรค์จากเทวดาผู้เป็นพระอริยบุคคล ถ้าคิดอย่างนี้ก็เป็นผู้ประมาทแล้ว เพราะไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้วจะไปเกิดในภูมิใด ซึ่งเป็นไปตามกรรม อาจจะไปเป็นสัตว์นรกก็ได้ เกิดเป็นเปรตก็ได้ เกิดเป็นอสุรกายก็ได้ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ได้ เมื่ออกุศลกรรมให้ผล ถ้าไปเกิดในอบายภูมิแล้ว ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม หมดโอกาสที่จะเจริญกุศลอย่างที่มนุษย์จะกระทำได้ หรือถ้าได้เกิดในสวรรค์จริงๆ เป็นเทวดาเพราะกุศลกรรมให้ผล เมื่อมีการแสดงพระธรรม สนทนาธรรม โดยเทวดาที่เป็นพระอริยบุคคลแล้วจะไปฟังหรือไม่ ก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ อาจจะเพลิดเพลิน ติดข้องยินดีพอใจในทิพยสมบัติที่ตนได้รับ จนลืมฟังพระธรรม ก็เป็นได้ ซึ่งทำให้ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้สะสมปัญญา ทำให้เป็นผู้เหินห่างจากพระธรรม เช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ทุกคนได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว ยังเป็นกาลสมัยที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาทันที น้อมรับพระธรรม ด้วยศรัทธาที่เห็นประโยชน์ เพราะเหตุว่าชีวิต สั้นมาก โอกาสที่จะเข้าใจพระธรรมในชาตินี้ เหลือไม่มากเลย ต้องเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตและไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจเห็นถูก ต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ยังไม่ต้องไปไกลถึงห้าพันปี แต่ตอนนี้พระธรรมคำสอนยังอยู่ ก็ศึกษาธรรมอบรมเจริญ ปัญญาต่อไป ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kinder
วันที่ 6 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เข้าใจ
วันที่ 8 ม.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จิตและเจตสิก
วันที่ 11 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนาใน "กุศลจิต" แห่งท่านทั้งหลาย ที่ได้ให้ความกระจ่างแจ้ง ในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเหตุทั้งหลายเหล่านั้นแล เราท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกในคำสอน ของท่าน อ. สุจินต์ ที่ท่านให้เราทั้งหลายพึงเป็นผู้ "มีปกติเจริญสติปัฏฐาน" ด้วย เทอญ ฯ

ขณะนี้ อะไรกำลังปรากฏ

"เจริญธรรม เจริญพรฯ"

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ทำดีทูเดย์
วันที่ 22 ม.ค. 2556
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Boonyavee
วันที่ 24 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ