ผู้เพิ่งจากไป....คุณไอแว่น วอลช

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นประธานในพิธี รดน้ำและสวดพระอภิธรรมศพคุณไอแว่น วอลช สามีของคุณฟองจันทร์ นันตา (พี่แอ๊ว) ณ ศาลา ๒ วัดธาตุทอง เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา

คุณไอแว่น หรือ คุณลุงไอแว่น ที่ลูกสาวของข้าพเจ้า และ ท่านอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ เรียกเป็นชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ที่ศึกษาพระธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์มานานหลายสิบปีแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ชักนำให้พี่แอ๊ว ผู้เป็นภรรยาคนไทยมาฟังท่านอาจารย์อีกด้วย ซึ่งเป็นความประทับใจอย่างหนึ่งสำ หรับข้าพเจ้า ที่พี่แอ๊ว เคยเล่าให้ฟังถึงชีวิตของพี่ว่า เมื่อได้ฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์บรรยายพอเริ่มเข้าใจบ้าง พี่ไม่อยากไปไหนไกลๆ เลย พี่เหมือนคนที่ติดท่านอาจารย์

แม้มีผู้เสนอเงินเดือนสูงๆ ให้พี่แอ๊วไปทำงานที่ออสเตรเลีย ทั้งสามารถอยู่ใกล้ชิดกับลูกชาย และ ลูกสาว ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย (คุณไอแว่นเป็นคนออสเตรเลีย) พี่แอ๊วก็ไม่ยอมไป พี่แอ๊วกล่าวกับข้าพเจ้าอย่างตรงที่สุดว่า "พี่ติดท่านอาจารย์" ความจริงแล้ว พี่แอ๊วไม่ได้ติดท่านอาจารย์หรอกครับ พี่ติดใน "รส" ของพระธรรมต่างหาก

ความวิจิตรของกรรม และ ผลของกรรม แสดงให้เราได้เห็นอยู่เสมอ พรุ่งนี้ (๕ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นวันแรกของคณะ Dhamma Study Group ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่ได้ศึกษาพระธรรมกับท่านอาจารย์มานานหลายสิบปีแล้ว รวมถึงผู้ใหม่ เช่น คุณลูคัส จากโปแลนด์ ที่ได้เชิญท่านอาจารย์เดินทางไปสนทนาธรรมที่ประเทศโปแลนด์ เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อสนทนาธรรมกับ ท่านอาจารย์ ที่หัวหิน ระหว่างวันที่ ๕ - ๑๑ มกราคมนี้ด้วย

คุณไอแว่น ซึ่งเป็นผู้ที่มั่นคงในการฟังพระธรรม และ อยู่ในคลองของพระธรรมมาโดยตลอดชีวิตในชาตินี้ แม้ว่าจะป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ มานานนับปีแล้ว ได้จากไปในวาระที่เพื่อนๆ สหายธรรมชาวต่างชาติของท่าน ได้เดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง ในวันนี้ และ เป็นที่น่าปีติอย่างยิ่ง ต่อผู้ที่ได้พบ เห็น คือ สหายธรรมชาวต่างชาติทุกท่าน เมื่อได้พบท่านอาจารย์ ทุกท่านไม่เคยละแม้โอกาสเดียว ขณะเดียว ที่จะสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ แม้ว่า วันนี้ จะไม่มีคุณไอแว่น วอลช ร่วมวงสนทนาด้วยดังเคยก็ตาม

ขออภัย ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะบรรยายความเพิ่มเติมต่อได้ ด้วยเวลาที่จำกัด จึงขอฝากเพียงภาพที่ได้บันทึกไว้ในเย็นวันนี้ มาให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนานะครับ

อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการ คือ

ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑

ย่อมเข้าใจชัดสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ๑

ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ ๑

ย่อมทำความเห็นให้ตรง ๑

จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส ๑

"...อดทนด้วยกุศลจิต เพราะรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราที่จะทำให้เข้าใจ ไม่ใช่เราที่จะทำให้ปัญญาเจริญ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยของสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้ปัญญาค่อยๆ เจริญ แต่ทีละเล็กละน้อย เมื่อเป็นหน้าที่ของธรรม ย่อมไม่เดือดร้อนในการอบรมปัญญา เพราะ ไม่มีตัวเราไปจัดการให้เข้าใจ สะสมเหตุให้ปัญญาเจริญ คือ การฟัง เข้าใจก็เข้าใจ ไม่เข้าใจ ก็ไม่เข้าใจ เพราะว่า เป็นหน้าที่ของธรรม จึงอดทน ที่จะฟังพระธรรมต่อไป เพราะ ไม่มีหนทางอื่นเลย ที่จะดับกิเลส นอกจากการเริ่มที่ถูกต้องคือ ฟังให้เข้าใจ..."

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

จุดประสงค์ของการฟังต่อไปก็เพื่อที่จะให้เข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ได้

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

"...สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา มีความตาย เป็นที่สุด ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้ ถึงอย่างไรก็จะต้องถึงวันนั้นอย่างแน่นอน แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ควรที่จะเป็นโอกาสของการสั่งสมคุณงามความดี เจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลัง รวมถึงการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง..."

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

ขออุทิศกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วในวันนี้ แด่ คุณไอแว่น วอลช

ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยเทอญ

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ