ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๗๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒]
๐ ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ยังไม่สิ้นกิเลส ก็จะต้องอบรมเจริญ ปัญญาบารมีต่อไปด้วยความอดทน ซึ่งก็เป็นขันติบารมีของแต่ละท่าน ที่จะทำให้รู้แจ้ง อริยสัจจธรรมได้ในวันหนึ่ง
๐ กุศลธรรม เป็นการฝึกอบรมจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าไม่ฝึกอบรมแล้ว วาจาก็ย่อม เหมือนเดิม เคยพูดไม่เพราะ ทำให้คนอื่นเจ็บใจ ทุกข์ร้อน เดือดร้อนทุกวันๆ ก็ยังคงเหมือนเดิม
๐ โดยมากท่านมักจะกล่าวว่า มีเหตุการณ์จำเป็นที่จะต้องพูดเท็จ เพื่อประโยชน์ ของคนอื่นบ้าง หรือแม้ว่าเพื่อจะให้คนอื่นสบายใจ แต่ถ้าเป็นกุศลจริงๆ ไม่ควรที่จะพูดเท็จ แล้วก็ควรจะใช้คำพูดซึ่งเป็นประโยชน์ และทำให้คนอื่นสบายใจโดยที่ไม่ใช่คำ เท็จ ด้วย
๐ เป็นเรื่องที่แสนยากจริงๆ ในการที่จะข้ามโอฆะ (ห้วงน้ำ) ที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วย ความไม่รู้ในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายทางใจ
๐ ถ้าเป็นผู้ที่มีศรัทธามั่นคงในการอบรมเจริญกุศล ย่อมเป็นผู้ที่มั่งมีด้วยศรัทธา ไม่ใช่เป็นผู้ที่ยากจนเลยแม้ว่าอาจจะเป็นผู้ที่มีทรัพย์น้อย มีโภคสมบัติน้อย แต่เป็นผู้ ที่มั่นคงในศรัทธา ศรัทธาของท่านไม่คลอนแคลนเลยในการที่จะอบรมเจริญกุศล ไม่หวั่นไหว และกล้าที่จะเจริญกุศลด้วย
๐ ธรรมไม่ใช่ขณะอื่น แต่เป็นในทุกๆ ขณะที่กำลังปรากฏ เป็นชีวิตจริงทุกๆ ขณะ เป็นสภาพธรรมที่จะต้องอบรมปัญญาให้รู้สภาพธรรมนั้นๆ
๐ พูดมากนี้ พูดอะไรมาก ถ้าเป็นกุศลจิต ยิ่งมากยิ่งดี แม้แต่พระมหากรุณา ของพระผู้มีพระภาคที่ทรงแสดงธรรม มิใช่น้อยเลย มากมายนับไม่ถ้วน เพื่อประโยชน์ จริงๆ
๐ ไม่ควรที่หมกมุ่นเพลิดเพลินมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งไม่คิดถึงสิ่งที่ เป็นประโยชน์ เป็นสาระในชีวิต เพราะเหตุว่าถ้าจะให้รอไปจนถึงแก่เฒ่าเสียก่อน แล้ว จึงจะศึกษาธรรมและน้อมประพฤติตามพระธรรม เวลาที่ผ่านไปเหล่านี้ก็จะเป็นการ เพิ่มพูนกิเลสให้ยิ่งขึ้น ทำให้การละคลายขัดเกลากิเลสยากขึ้น
๐ เรื่องของอกุศลจิตนี้มีปัจจัยพร้อมที่จะเกิดอยู่เสมอ แต่เรื่องของกุศล นานๆ ถึงจะมีโอกาสมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น
๐ พระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงแสดง ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น ถึงแม้ ว่าจะทรงแสดงธรรมด้วยประการใดๆ ก็ตาม ก็จะต้องไม่ลืมที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่เป็นตัวตนที่จะเว้น วิรัติงดเว้นในสิ่งที่ไม่ดี บังคับได้ตามใจชอบ แต่จะต้องเป็นธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้นระลึกได้ รู้ แล้วจึงงดเว้น จึงละ จึง บรรเทา ตามขั้นของสภาพธรรมฝ่ายดีนั้นๆ
๐ ไม่ว่าชีวิตจริงของท่านจะยุ่งเหยิง ยุ่งยากซับซ้อนมากมาย ด้วยทุกข์ทับถมนานา ประการอย่างไรก็ตาม ก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นแต่เพียง นามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นที่สติจะต้องอบรมเจริญด้วยการระลึกรู้ในลักษณะของ สภาพธรรมนั้นๆ ตรงตามความเป็นจริงในขณะที่ปรากฏ
๐ เห็น เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ไม่ปะปนกับธาตุอื่น เกิดขึ้นเห็นแล้วก็ ดับไป เป็นสิ่งที่มีจริงที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่ง แต่ก็สามารถเข้าใจได้ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว รู้ว่าธรรมมีจริงๆ อบรมเจริญความเข้าใจถูกเห็นถูกได้ จริงๆ และสามารถนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับสิ่งที่ไม่ดีคือกิเลสทั้งหลายทั้ง ปวงได้
๐ จิต มีจริงๆ เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ ไม่มีรูปร่างใดๆ เจือปนเลย ไม่ขาว ไม่ดำ ไม่เปรี้ยว ไม่หวาน ไม่แข็ง ไม่อ่อน จิตเกิดขึ้นเมื่อใด ก็รู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นอารมณ์ เมื่อนั้น
๐ สภาพธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้น จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ย่อมไม่ได้ เพราะสิ่งที่มีจริง เป็นจริงแต่ละอย่าง โดยไม่ปะปนกัน
๐ ไม่มีเรา แต่มีธรรมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของธรรมนั้นๆ
๐ กุศลธรรมกับอกุศลธรรม เกิดร่วมกันไม่ได้
๐ ฟังอยู่ด้วยดี เป็นขั้นต้นของการที่จะอบรมเจริญปัญญาจริงๆ
๐ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ได้
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๗๑ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ
- ในแต่ละขณะของชีวิต เช่น เห็น ได้ยิน นั้น เพียงอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นและดับไป ไม่ เหลือเลย แต่ก็ไม่ได้รู้อย่างนี้จริงๆ เลย น่าสลดใจไหมว่าเท่านี้ก็ไม่รู้ตามความเป็นจริง แต่ยังคงหลงยึดถือว่าเป็นเรา เป็นเขา
- พระธรรมให้ชีวิตที่เป็นประโยชน์และเบิกบานเพราะความเข้าใจทั้งยัง เป็นเหมือนยา ที่รักษาโรคใจ และเหมือนกับการปล่อยสัตว์ ออกจากกรงให้เป็นอิสระ
- ชาติหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นกับกรรมจากชาติก่อนๆ และโดยเฉพาะชาตินี้ที่เหมือน กำลังวาดภาพของชาติหน้า แต่จะเป็นกิเลสหรือปัญญาที่วาด แม้กำลังสนุกสนาน เพลิดเพลิน แต่ถ้าเป็นผู้ที่สะสมศรัทธาในการฟังพระธรรมมา เมื่อแว่วได้ยินเสียงแห่ง พระธรรม ก็เป็นการเตือนให้เกิดสติ ซึ่งจะเห็นถึงความเป็นอนัตตาของธรรมะที่ เกิด ตามปัจจัย
- ทุกคนไม่อยากได้รับทุกข์ และก็พยายามหาทางพ้นหรือบรรเทาทุกข์ แต่สิ่งเยียวยา รักษาที่ประเสริฐสุดก็คือปัญญา เพราะจะปลอดภัยทุกขณะที่ปัญญาเกิด และจะทำให้ พ้นจากภัยที่แท้จริงคือความไม่รู้ได้
- แม้กล่าวเรื่องธรรมะ แต่ยังเป็นเราหรือเปล่า เห็นในความไม่รู้ว่าเป็นธรรมะบ้างไหม ก็ต้องฟังพระธรรมที่มีความละเอียดลึกซึ้งในแต่ละคำ จนปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้น
- อกุศล เช่นโทสะ นั้นไม่มีโครอยากให้เกิด แล้วจะแสวงหาวิธีที่จะไม่ให้มีโทสะ ด้วยโลภะ หรือจะอบรมปัญญาเพื่อความเข้าใจความจริง ซึงเป็นขันติที่เป็นตบะ อย่างยิ่ง เพราะอดทนที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏเพื่อเผาความไม่รู้
- อกุศลเกิดง่ายและเกิดอยู่เสมอ ยังประมาทไม่ฟังธรรมอยู่หรือไม่ ฟังธรรมเพื่อจะให้ เป็นคนดีหรือเพื่อให้เห็นถูกเข้าใจถูก อวิชชามีมากและแน่นเหมือนเกลียวที่ยากจะคลาย แล้วจะศึกษาธรรมอย่างไรจึงจะเป็นไปเพื่อคลายเกลียวของอวิชชาได้จริงๆ
- ถ้าเราจะกล่าวว่า คำพูดที่ไม่มีประโยชน์ แม้มาก ก็ไม่มีประโยชน์เลย กับคำพูดที่แม้ มากก็มีประโยชน์ทุกคำก็ได้เพราะฉะนั้นไม่ได้อยู่ที่มากหรือน้อย แต่อยู่ที่ประโยชน์ของ คำนั้นด้วย ไม่พ้นจากจิต เพราะฉะนั้นจิตสำคัญที่สุด ฟังธรรมเพื่อรู้จักธรรมตามความ เป็นจริง ซึ่งจิตเป็นใหญ่ เป็นประธาน
- สำหรับในเชิงธุรกิจ ฉลาดพอหรือเปล่าที่จะได้กำไร เพราะอย่างไรๆ เหตุมีอย่างไร ผลก็ต้องได้อย่างนั้น แต่ว่าขณะนี้กำไรอยู่ที่ความเข้าใจ ความเห็นถูก มีมากหรือมีน้อย ก็แล้วแต่เหตุ ถ้าขณะนี้ได้สะสมความเห็นถูกมาแล้ว สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย แต่มีสิ่งที่กำลังปรากฏแม้สั้น แม้เล็กน้อย แต่ขณะนั้นปัญญาก็ เกิดขึ้นรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏได้ จะเอาเพียงแค่ผลของกรรม ไม่เอากำไรหรือคะ?
ขออนุโมทนา
ไม่ควรที่หมกมุ่นเพลิดเพลินมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งไม่คิดถึงสิ่งที่ เป็นประโยชน์ เป็นสาระในชีวิต เพราะเหตุว่าถ้าจะให้รอไปจนถึงแก่เฒ่าเสียก่อน แล้ว จึงจะศึกษาธรรมและน้อมประพฤติตามพระธรรม เวลาที่ผ่านไปเหล่านี้ก็จะเป็นการ เพิ่มพูนกิเลสให้ยิ่งขึ้น ทำให้การละคลายขัดเกลากิเลสยากขึ้น
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ได้
สำหรับในเชิงธุรกิจ ฉลาดพอหรือเปล่าที่จะได้กำไร เพราะอย่างไรๆ เหตุมีอย่างไร ผลก็ต้องได้อย่างนั้น แต่ว่าขณะนี้กำไรอยู่ที่ความเข้าใจ ความเห็นถูก มีมากหรือมีน้อย ก็แล้วแต่เหตุ ถ้าขณะนี้ได้สะสมความเห็นถูกมาแล้ว สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย แต่มีสิ่งที่กำลังปรากฏแม้สั้น แม้เล็กน้อย แต่ขณะนั้นปัญญาก็ เกิดขึ้นรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏได้ จะเอาเพียงแค่ผลของกรรม ไม่เอากำไรหรือคะ?
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ