ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ มูลนิธิฯ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๖ Dhamma Study Group (DSG)

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  13 ม.ค. 2556
หมายเลข  22320
อ่าน  1,993

ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา

กลุ่มสนทนาธรรมชาวต่างชาติ (Dhamma Study Group) ที่เดินทางมาจากหลายประเทศ

เช่น เวียดนาม โปแลนด์ แคนาดา ฮ่องกง ออสเตรเลีย อังกฤษ และ อเมริกา เป็นต้น

เพื่อสนทนาธรรมร่วมกับ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ตลอดเดือนมกราคมนี้

ได้เดินทางกลับจากการสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ ที่ หัวหิน เมื่อวันที่ ๕-๑๑ มกราคม

ที่ผ่านมา เพื่อสนทนาธรรมต่อที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในวันนี้

เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความร่าเริงในธรรม ที่เป็นที่น่าประทับใจ และ น่าอนุโมทนายิ่ง

แก่สหายธรรมที่ได้พบเห็นภาพแห่งมิตรไมตรีอันดี ของผู้ที่ได้พบกับพระธรรม

ซึ่งแสดงให้เข้าใจถึงความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ถูกต้อง

ตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง หากมีโอกาสได้สนทนากัน

จะทราบว่า กว่าที่ทุกๆ ท่านจะได้พบและได้ฟังเสียงของพระธรรมที่ถูกต้อง

ที่ท่านอาจารย์ได้นำมาแสดงนี้ ทุกท่านก็ผ่านการแสวงหาในหนทางอื่นๆ มามากมาย

ที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "แสวงหาปัญญา"

ด้วยเป็นเพราะบุญที่บุคคลได้สั่งสมไว้แต่ปางก่อนโดยแท้ จึงได้แสวงหาจนพบ

"...การเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิต สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจย่อมไม่ไร้ประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา จากการฟัง

การศึกษาแต่ละครั้ง ความเข้าใจย่อมจะเจริญขึ้นไปตามลำดับ

(ไม่ใช่เพียงแค่วันนี้ ปีนี้ ชาตินี้เท่านั้น แต่ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีก

เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน) และ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ

ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนสำหรับทุกชีวิต

แต่ละบุคคลไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้ว่าโอกาสในการที่จะได้เจริญกุศล

โอกาสที่จะได้เข้าใจธรรมในชาตินี้ จะเหลืออยู่อีกเท่าใดในแต่ละวัน

จึงควรที่จะเป็นโอกาสของการเจริญกุศล อบรมเจริญปัญญา

สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปตามลำดับ..."

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

"...การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นของยาก การได้ฟังพระสัทธรรม ก็เป็นของยาก

ขณะนี้ แต่ละบุคคล ได้ความเป็นมนุษย์แล้ว และ เพราะได้สะสมเหตุที่ดีมา

จึงมีโอกาสให้ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรมตามกำลังปัญญาของตนเอง

ดังนั้น จึงควรที่จะพิจารณาอยู่เสมอว่า เมื่อได้ความเป็นมนุษย์แล้ว

พระธรรมก็ยังมีผู้แสดงเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงอยู่

ก็ไม่ควรที่จะประมาท พึงเป็นผู้ตั้งตนไว้ชอบ ในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

จุดประสงค์ ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

เพื่อขัดเกลากิเลสซึ่งมีมาก ในชีวิตประจำวัน

ไม่ใช่ศึกษาเพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่ศึกษาเพื่อเพิ่มกิเลส เพิ่มมานะให้กับตนเอง..."

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

"...การอบรมเจริญสติปัฎฐาน

ต้องเริ่มจากการเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฎในขณะนี้ ให้ถูกต้องจริงๆ ทั้ง ๖ ทวาร

เช่น เห็นขณะนี้มีแต่เพียงเห็นซึ่งเป็นนามธรรม และสิ่งที่ถูกเห็นซึ่งเป็นรูปธรรม

ไม่มีตัวเราหรือตัวตนที่ไปเห็น หรือตัวตนที่ไประลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมทางทวารต่างๆ

ไม่มีตัวเรา ที่จะไปเจริญสติปัฎฐานได้ นอกจากการฟัง การศึกษา และ การพิจารณา

ไตร่ตรองให้ละเอียดในสิ่งที่กำลังปรากฎขณะนี้ให้เข้าใจ

จนเป็นสัญญาที่มั่นคง จนสติสามารถระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎอยู่

ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงตามปกติในชีวิตประจำวัน..."

(คัดจากกระดาน ธรรมทัศนะ)

"...จนกว่าจะละ อัตตสัญญา

ไม่มีนั่ง นอน ยืน เดิน

ไม่มีแขน ตา กระดูก เลือด

ไม่มีอะไรทั้งหมด

มีแต่ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

จริงเมื่อไร

ปัญญาสามารถที่จะละคลาย

วางการที่เคยยึดถือ ขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา

ขณะนั้นจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า ค่อยๆ คลาย..."

"...ขณะใดที่สติปัฏฐานไม่เกิด

ขณะนั้นความคิดนึกจะปิดบังไม่ให้รู้ลักษณะของปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏ

เพราะฉะนั้นในขณะนี้ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานด้วย

และกำลังฟังเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน

ย่อมจะมีโอกาส มีปัจจัยที่สติจะเกิดระลึกได้ในขณะที่กำลังฟังนี้เอง

ระลึกลักษณะของปรมัตถธรรมสลับกับความคิดนึกก็ได้

เพราะฉะนั้นสติปัฏฐานเมื่อมีปัจจัยก็เกิดขึ้น

ระลึกรู้สี่งที่กำลังปรากฏ แม้เพียงเล็กน้อย

ก็รู้ว่าปรมัตถธรรมกำลังสลับกับความคิดนึก..."

"...เมื่อวานผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ยังไม่มาถึง วันนี้กำลังดำเนินไปอยู่

ในแต่ละวันๆ ที่ดำเนินไปนั้น ไม่มีใครช่วยเราได้เลย

นอกจากว่าตัวเราจะสะสมการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา

เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตัวเราเอง เพิ่มพูนความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ

ถึงแม้ว่าวันหนึ่งๆ นั้นจะเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ ทั้งความติดข้องยินดีพอใจ

ความโกรธขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ ซึ่งเป็นปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ก็ตาม

ดังนั้น สิ่งที่ควรมีเป็นอย่างยิ่งนั้น ก็คือ ความมั่นคง ที่จะฟังพระธรรม

ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป เพื่อขัดเกลากิเลส

เพื่อความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง..."

(คัดจาก กระดานธรรมทัศนะ)

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 13 ม.ค. 2556

"การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นของยาก การได้ฟังพระสัทธรรม ก็เป็นของยาก"

แต่สำหรับผู้ที่ได้สะสมกุศลธรรมมาแล้วเช่นสหายธรรมชาวต่างชาติทั้งหลาย

แม้อยู่สถานที่แห่งใด ย่อมมีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรมอันมีค่าที่สุด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัย และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kinder
วันที่ 13 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 13 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
rrebs10576
วันที่ 13 ม.ค. 2556

"...เมื่อวานผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ยังไม่มาถึง วันนี้กำลังดำเนินไปอยู่

ในแต่ละวันๆ ที่ดำเนินไปนั้น ไม่มีใครช่วยเราได้เลย

นอกจากว่าตัวเราจะสะสมการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

อบรมเจริญปัญญา..."

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
บรรพต
วันที่ 14 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 14 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผิน
วันที่ 14 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
raynu.p
วันที่ 14 ม.ค. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pamali
วันที่ 14 ม.ค. 2556
กราบอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 14 ม.ค. 2556

ที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "แสวงหาปัญญา"

ด้วยเป็นเพราะบุญที่บุคคลได้สั่งสมไว้แต่ปางก่อนโดยแท้ จึงได้แสวงหาจนพบ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 823

บทว่า ปุพฺเพ จ กตปุญฺตา - ความเป็นผู้ทำบุญไว้ในกาล-

ก่อน ได้แก่ ความเป็นผู้สะสมกุศลไว้ในกาลก่อน. นี้เป็นข้อกำหนด

ในบทนี้. กุศลกรรมที่ทำด้วยจิตสัมปยุตด้วยญาณ กุศลนั้นนั่นแหละ

ย่อมนำบุรุษนั้นเข้าไปในประเทศอันสมควร ให้คบสัตบุรุษ บุคคล

นั้นนั่นแหละ. ย่อมตั้งตนไว้ชอบ.

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณวันชัย และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 14 ม.ค. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wirat.k
วันที่ 15 ม.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
jaturong
วันที่ 15 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Boonyavee
วันที่ 15 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
orawan.c
วันที่ 18 ม.ค. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ