ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ สวนสุชาดา วังน้ำเขียว ๑๕ - ๑๘ มกราคม ๒๕๕๖
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เดินทางไปยัง สวนสุชาดา อำเภอวังน้ำเขียว
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
เพื่อสนทนาธรรม กับ กลุ่มชาวต่างชาติที่ศึกษาพระธรรมกับท่านอาจารย์
ซึ่งมีทั้งผู้ที่ได้ฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์มากว่า ๔๐ ปี เช่นคุณนีน่า วัน กอร์คอม
และ ท่านอื่นๆ ทั้งผู้เก่า และ ผู้ใหม่ มากมายหลายท่าน จากหลายๆ ประเทศ ทั่วโลก
ซึ่งท่านได้ตั้งกลุ่มกันขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Dhamma Study Group
ซึ่งท่านที่สนใจ อาจแวะเข้าไปอ่านข้อความการสนทนาธรรมของท่านได้ ตามลิงค์นี้
ดังที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวแล้ว ในตอนที่ผ่านมา ถึงการเดินทางไปสนทนาธรรม
ในที่ต่างๆ ก็ด้วยกุศลจิต และ กุศลศรัทธา ของท่านสหายธรรมชาวไทย
ที่เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ ที่ต้องการเกื้อกูล สหายธรรมชาวต่างชาติ ให้ได้สนทนาธรรม
กับท่านอาจารย์ ในสถานที่ต่างๆ ที่ท่านเลือกสรรแล้ว เพื่อท่านเหล่านั้น
ได้รับฟังสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ไปพร้อมๆ กับการได้เห็น ได้สัมผัสกับ สถานที่ต่างๆ
ที่เป็นที่พักผ่อน ที่สวยงาม ประทับใจสำหรับท่านเหล่านั้น ไปพร้อมๆ กัน
ซึ่งข้าพเจ้าเอง ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมรับฟังการสนทนาธรรม ในช่วงสั้นๆ
ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
อย่างที่ข้าพเจ้าได้เคยปรารภกับทุกท่านไว้ ว่าข้าพเจ้าเอง ไม่ถนัดเลย
ที่จะฟังการสนทนาธรรม ในภาคภาษาอังกฤษ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะฟังอยู่ก็ตามที
การรายงานความเป็นไปที่ข้าพเจ้าจะกระทำได้ คือ นำภาพถ่ายบรรยากาศของการสนทนา
และ วีดีทัศน์ ที่บันทึกการสนทนาแบบสั้นๆ เพื่อท่านจะได้เห็นบรรยากาศ
และ ได้ฟังความการสนทนาสั้นๆ ตามแต่ปัจจัยที่อำนวย นะครับ
"...ถ้าหากไม่มีพระธรรมที่ทรงตรัสรู้ ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรม
ตามความเป็นจริง ที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้..."
(ปัญญ์ธรรม)
"...การอบรมเจริญปัญญาต้องเป็นวีระ ผู้กล้า ผู้สามารถ ผู้องอาจ ผู้แกล้วกล้า
ที่จะรู้ ความจริงของลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้
ซึ่งไม่มีหนทางอื่นที่จะรู้ได้เลย นอกจากฟัง เรื่องของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ให้เข้าใจจริงๆ ว่า เป็นอย่างนี้ แน่นอน..."
(ปัญญ์ธรรม)
"...ลองดูคนที่เรารู้จัก บางคนจิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง
ไม่พูดว่าร้ายใครเลย และ ทำให้คนที่เข้าใจผิดกันเข้าใจกัน
และ สมัครสมานกลมเกลียวกันได้ มีการกระทำที่เป็นกุศลศีล
คือ การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทางกาย ทางวาจา
แต่บางคนก็ตรงกันข้าม มีแต่เรื่องริษยา เรื่องโกรธ นึกถึงแต่ความไม่ดีต่างๆ
มีความประพฤติทางกายทางวาจา ซึ่งไม่เหมาะไม่ควร ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
พูดคำอย่างนี้ แต่เมื่อเป็นคนพูดก็ลืมคิด และไม่รู้ว่าขณะนั้นก็เป็นอกุศล..."
(ปัญญ์ธรรม)
"...ทุกท่านได้ผ่านการศึกษาทางโลกมามาก หลายท่านสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ
มีความสุขในชีวิต บางท่านอาจคิดว่าพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรอีกในชีวิต
เพราะ ได้รับความสำเร็จทุกอย่าง แต่ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาพระธรรม
ชื่อว่าผู้นั้นยังไม่รู้จักพระพุทธเจ้า และ ก็ยังไม่เข้าใจพระธรรมด้วย
ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ต้องศึกษา ต้องฟัง ถึงแม้ว่าจะยาก
เมื่อเป็นสิ่งใหม่ ก็ต้องค่อยๆ ฟัง เพื่อให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
ดีกว่าจะปล่อยให้เป็นสิ่งใหม่ สิ่งยากไปเรื่อยๆ โดยไม่ฟังให้เข้าใจ
ฉะนั้น จึงควรเห็นประโยชน์ของปัญญา เพราะเหตุว่าผู้มีทรัพย์มาก
ก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องมีความทุกข์ ไม่มีใครพ้นไปได้เลย..."
(ปัญญ์ธรรม)
"...พระธรรมเกื้อกูลมากทีเดียว สำหรับผู้ที่เป็นสาวก คือ ฟังแล้วพิจารณา
แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วย
เพราะเหตุว่าถ้าผู้ใดฟังแล้ว ก็จงใจที่จะไม่ประพฤติปฏิบัติตาม
หรือว่า จงใจที่จะหลีกเลี่ยง ผู้นั้นไม่ใช่สาวก
คือ ไม่ใช่ผู้ที่ฟังแล้วน้อมประพฤติ ปฏิบัติตาม..."
(ปัญญ์ธรรม)
"...ในขณะนี้ที่ทุกคนมีโอกาสได้ฟังพระธรรม
จะเข้าใจมากน้อยเท่าไร ก็ต้องฟังต่อไปอีกเรื่อยๆ
ชาตินี้ยังไม่ถึงการรู้แจ้งเป็นพระอริยบุคคล ชาติหน้าต้องฟังอีก
ถ้ามีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม เกิดในประเทศที่สมควร ก็ขอจงฟังพระธรรมต่อไป
จนกว่าจะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง..."
(ปัญญ์ธรรม)
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิต และ กุศลศรัทธา ของคุณหมอวิภากร พงศ์วรานนท์
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
