ผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท......

 
pirmsombat
วันที่  4 ก.พ. 2556
หมายเลข  22442
อ่าน  1,082

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจาก

[เล่มที่ 67] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส เล่ม ๖- หน้าที่ 129

[๑๘๐] ภิกษุผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท มีความรู้แจ้ง

ละความยึดถือว่าเป็นของเราแล้ว เที่ยวไป

พึงละชาติ ชรา ความโศกและความรำพัน อันเป็นทุกข์

ในอัตภาพนี้เสียทีเดียว.

[๑๘๑] คำว่า เอวํวิหารี ในอุเทศว่า " เอวํวิหารี สโต อปฺป-

มตฺโต " ดังนี้ ความว่า ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มี ซึ่ง

ความยินดี ความพัวพัน วิญญาณอันสหรคตด้วยอภิสังขาร กรรมภพ

และภพใหม่อันมีในปฏิสนธิ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้มีปกติอยู่อย่างนี้.

คำว่า สโต ความว่า มีสติด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ มีสติเจริญ

สติปัฏฐานเครื่องพิจารณาเห็นกายในกาย ฯล ฯ ภิกษุนั้น พระผู้มีพระ-

ภาคเจ้าตรัสว่า เป็นผู้มีสติ.

คำว่า อปฺปมตฺโต ความว่า ภิกษุ

เป็นผู้ทำด้วยความเต็มใจ คือ ทำเนืองๆ ทำไม่หยุด

มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ปลงฉันทะ ไม่ทอดธุระ ไม่ประมาท

ในกุศลธรรม คือ ความพอใจ ความพยายาม ความหมั่น

ความเป็นผู้มีความหมั่น ความไม่ถอยหลัง สติ สัมปชัญญะ

ความเพียรให้กิเลสร้อนทั่ว ความเพียรชอบ ความตั้งใจ ความประกอบเนืองๆ ใด

ในกุศลธรรมนั้นว่า เมื่อไร เราพึงบำเพ็ญศีลขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์

หรือพึงอนุเคราะห์ศีลขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในกุศลธรรมนั้น ....

มื่อไร เราพึงบำเพ็ญสมาธิขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือ

พึงอนุเคราะห์สมาธิขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในกุศลธรรมนั้น ... เมื่อไร

เราพึงบำเพ็ญปัญญาขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือพึงอนุเคราะห์

ปัญญาขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในกุศลธรรมนั้น ... เมื่อไร เราพึง

บำเพ็ญวิมุตติขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือพึงอนุเคราะห์วิมุตติ

ขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในกุศลธรรมนั้น ... เมื่อไร เราพึงบำเพ็ญ

วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ให้บริบูรณ์ หรือพึงอนุเคราะห์

วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ที่บริบูรณ์ด้วยปัญญาในกุศลธรรมนั้น ความพอใจ

เป็นต้นนั้น ชื่อว่า ความไม่ประมาทในกุศลธรรม ความพอใจ

ความพยายาม ... ความตั้งใจ ความประกอบเนืองๆ ใด ในกุศลธรรมนั้นว่า

เมื่อไร เราพึงกำหนดทุกข์ที่ยังไม่กำหนดรู้ เราพึงละกิเลสทั้งหลายที่ยัง

ไม่ได้ละ เราพึงเจริญมรรคที่ยังไม่เจริญ หรือเราพึงทำให้แจ้งซึ่งนิโรธ

ที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ความพอใจเป็นต้นนั้น ชื่อว่า ความไม่ประมาทในกุศลธรรม

เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ เป็นผู้มีสติไม่ประมาท.

[๑๘๒] ภิกษุเป็นกัลยาณปุถุชนก็ดี ภิกษุเป็นพระเสขะก็ดี ชื่อว่า

ภิกษุ ในอุเทศว่า " ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ " ดังนี้.

คำว่า จรํ ความว่า เที่ยวไป คือเที่ยวไป ... เยียวยา.

ความยึดถือว่าของเรามี ๒ อย่าง คือ ความยึดถือว่าของเรา ด้วย

อำนาจตัณหา ๑ ความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑ ฯ ล ฯ นี้ชื่อว่า

ความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจตัณหา ฯ ล ฯ นี้ชื่อว่า ความยึดถือว่าของ

เราด้วยอำนาจทิฏฐิ ชื่อว่า ความยึดถือว่าของเรา ละความยึดถือว่าของ

เราด้วยอำนาจตัณหา สละคืนความยึดถือว่าของเราด้วยอำนาจทิฏฐิ ละ สละ

บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มี ซึ่งความยึดถือว่าของเราทั้งหลาย

เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ภิกษุ ... ละแล้วซึ่งความยึดถือว่าของเราทั้งหลายเที่ยวไป.

[๑๘๓] ความเกิด ความเกิดพร้อม ... ความได้เฉพาะซึ่งอายตนะ

ทั้งหลายในหมู่สัตว์นั้นๆ แห่งสัตว์เหล่านั้นๆ ชื่อว่า ชาติ ในอุเทศว่า

" ชาติชฺชรํ โสกปริทฺเทวญฺจ อิเมว วิทฺวา ปชฺชเหยฺย ทุกขํ " ดังนี้

ความแก่ ความเสื่อม ... ความแก่รอบแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ชื่อว่า ชรา

ความโศก กิริยาที่โศก ... หรือของคนที่ถูกเหตุแห่งทุกข์อย่างใดอย่าง

หนึ่งกระทบเข้า ชื่อว่า ความโศก. ความร้องไห้ ความรำพัน ... หรือของ

คนที่ถูกเหตุแห่งทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งกระทบเข้า ชื่อว่า ปริเทวะ.

คำว่า อิธ ความว่า ในทิฏฐินี้ ฯ ล ฯ ในมนุษยโลกนี้.

คำว่า วิทฺวา ความว่า ผู้รู้แจ้ง คือ ถึงความรู้แจ้ง มีญาณ มีความ

แจ่มแจ้ง เป็นนักปราชญ์ ชาติทุกข์ ฯ ล ฯ ทุกข์คือโสกะ ปริเทวะ ทุกข์

โทมนัส และอุปายาส ชื่อว่า ทุกข์.

คำว่า ชาติชฺชรํ โสกปริทฺเทวญฺจ อิเธว วิทฺวา ปชฺชเหยฺย ทุกฺขํ

ความว่า ผู้รู้แจ้ง คือ ถึงความรู้แจ้ง มีญาณ มีความแจ่มแจ้งเป็นปราชญ์

พึงละ คือ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งชาติ ชรา ความโศก

และความร่ำไรในอัตภาพนี้เทียว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้รู้แจ้งพึงละชาติ

ชรา ความโศก และความร่ำไรอันเป็นทุกข์ในอัตภาพนี้เทียว เพราะฉะนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า

ภิกษุผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท มีความรู้แจ้ง

ละความยึดถือว่าเป็นของเรา แล้วเที่ยวไป

พึงละชาติ ชรา ความโศก และความรำพันอันเป็นทุกข์

ในอัตภาพนี้เสียทีเดียว.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nong
วันที่ 5 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 5 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 11 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ