ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๗๗

 
khampan.a
วันที่  10 ก.พ. 2556
หมายเลข  22462
อ่าน  1,490

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๗]

--- พระผู้มีพระภาคเสด็จไปสู่ที่ต่างๆ ด้วยพระมหากรุณา เพื่อที่จะให้สัตว์โลกได้ฟัง พระธรรม เพื่อที่จะได้ขัดเกลากิเลส และอบรมเจริญปัญญาของตนเองยิ่งขึ้น สำหรับ ผู้ที่เป็นพุทธสาวก หรือพุทธบริษัท นอกจากจะเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมแล้ว ก็ยังต้องเป็นผู้ ว่าง่าย คือ เป็นผู้ที่อยู่ในโอวาทของพระบรมศาสดาด้วย โดยการประพฤติปฏิบัติใน ชีวิตประจำวันจริงๆ

--- อุเบกขาบารมี หมายถึง ความไม่หวั่นไหว ความวางเฉย ไม่คล้อยตามไปโดยง่าย ในอารมณ์ที่น่าพอใจด้วยโลภะ และไม่คล้อยตามไปโดยง่ายในอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ คือ โทสะ

--- ผู้ที่เจริญจริงๆ ต้องเป็นผู้เจริญทางจิตใจ ทางกุศล เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสรู้เป็น พระอริยเจ้า คือ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ทรงแสดงธรรมแล้ว สาวกทั้ง หลายที่ได้อบรมเจริญบารมีมา ก็ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม คือ ธรรมที่เป็นความจริงที่ทำให้ผู้รู้แจ้งเป็นพระอริยบุคคล คือ เป็นผู้ประเสริฐ ถึงขั้นดับ กิเลสเป็นสมุจเฉทได้ตามลำดับ

อธิษฐาน หมายถึงความตั้งใจมั่นในการเจริญกุศล เพราะเหตุว่าจิตใจของคน

ส่วนใหญ่แล้วอกุศลทั้งนั้น ทั้งวัน โอกาสของกุศลน้อยมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอธิษฐาน

บารมี ก็เป็นผู้รู้ตัวว่า กิเลสยังเยอะ เพราะฉะนั้นยังจะต้องอาศัยความตั้งใจมั่นจริงๆ ใน

การเจริญกุศล มิฉะนั้นแล้วก็จะพลาดให้อกุศลทุกที

พระธรรม น่าฟัง น่าศึกษา น่าเข้าใจมาก ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็

สามารถที่จะเข้าใจได้ จึงต้องเป็นผู้กล้าที่จะเข้าใจความจริง

ความเข้าใจถูกเห็นถูก สามารถมีได้ เมื่อมีการฟังพระธรรมและเข้าใจ

อวิชชา ความไม่รู้ เป็นพื้นฐานของความไม่ดีทุกชนิด

อาจหาญร่าเริงที่จะเข้าใจว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม

ไม่มีเรา แม้แต่ขณะเดียว มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป

อยาก เป็นอะไร อยากมากๆ เป็นอะไร? เป็นธรรม เพราะความอยาก ไม่ว่า

จะระดับใด ก็คือ โลภะ เป็นธรรมที่มีจริงๆ

ช่วยตนเอง ด้วยการเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น

ถ้ากรรมที่ไม่ดี ถึงคราวให้ผล จะอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้น

ไม่มีการห้าม ไม่มีการบังคับ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมตาม

ความเป็นจริงของธรรม

ความไม่ดี เกิดบ่อย เพราะยังมีความไม่รู้อยู่

ถ้าไม่ประสงค์จะไปเกิดในอบายภูมิ ก็จะต้องไม่กระทำอกุศลกรรม

พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก

พึงเห็นคุณค่าของการฟังพระธรรมแต่ละคำ พระพุทธพจน์ทุกคำ ซึ่งเป็น

วาจาสัจจะ นั้น ไม่ผิดเลย

ถ้าไม่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ไม่เห็นคุณค่าของพระธรรม ก็จะไม่มีการฟัง

พระธรรม อย่างแน่นอน

จะศึกษาธรรม จะรู้ธรรม ก็คือ รู้ในสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้

สะสมอวิชชามามาก จึงต้องสะสมวิชชาคือปัญญามากเหมือนกัน จึงจะค่อยๆ

ละคลายอวิชชาได้

จะก้าวล่วงความไม่รู้ ได้ ก็ด้วยความรู้

โทษใครได้ไหมในขณะที่เร่าร้อน เพราะนั่นเป็นเพราะกิเลสของตนเองเท่านั้น

จริงๆ ไม่ใช่กิเลสของคนอื่น

แน่นอนที่สุด คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ มีจริงเพียงชั่วคราว เป็นสภาพ

ธรรมที่ทรงไว้ซึ่งทุกข์ เพราะไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ต้องดับไป

เขาด่าเรา เพราะเขาโกรธเรา ถ้าเขาด่าเรา แล้วเราโกรธเขา เรานั่นแหละ

ที่เสียประโยชน์ เพราะเป็นอกุศล // เขาโกรธเรา เขาเดือดร้อน เราโกรธเขา

เราก็เดือดร้อนเหมือนกัน // เขาไม่ชอบเรา ก็เป็นเรื่องของเขา เป็นทุกข์ของ

เขา แต่เราจะไม่เป็นทุกข์ ด้วยการไม่โกรธตอบเขา มีแต่จะเป็นเพื่อนกับเขา

ได้ทุกเมื่อ

ความเห็นผิด เป็นภัยใหญ่หลวง สิ่งผิดๆ จะตามมาอีกมากเพราะความเห็นผิด

ถ้าไม่สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในขณะนี้ ความเห็นผิด ก็จะมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น

มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ก็จะต้องฟังต่อไป เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าโอกาส

แห่งการฟังพระธรรมในชาตินี้ จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

บำรุงรักษาร่างกาย เพื่ออะไร? เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปได้ แล้วเพื่ออะไร? เพื่อ

อบรมเจริญปัญญา และสะสมกุศล

พูดความจริง เพื่อประโยชน์ของคนฟัง

มิตรที่ดี จะไม่ให้ในสิ่งที่ผิดๆ .

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๗๖ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๖

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรมด้วย ครับ

- เมื่อลืมตาตื่นขึ้นเราเห็นโรงละครของโลก ทางตามีอารมณ์เป็นตัวละคร แล้วก็

กลับเข้าโรงนั่นคือการกลับเป็นภวังค์ แล้วตัวละครหรืออารมณ์อื่นก็ออกมา สลับกัน

อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อเราหลับตาลง โรงละครนั้นจะไม่มีปรากฏ นั่นคือขณะที่เป็นภวังค์

เมื่อพิจารณาอยู่อย่างนี้ เราจะละหรือจะติดในตัวละครนั้นนี่คือโลกทางตา ส่วนทาง

อื่นๆ ก็โดยนัยเดียวกัน - ชีวิตของแต่ละท่านก็ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้ ก่อนจะถึงวัยนี้ ก็ไม่รู้ว่าถึงวัยนี้

ในลักษณะใด สำหรับพรุ่งนี้ก็มืดสนิท ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดบ้างแน่นอน ถ้าศึกษา

พระธรรมก็จะเริ่มเข้าใจทุกอย่างตรงตามความเป็นจริง รู้เหตุของความทุกข์ สุข

จนกระทั่งสามารถที่จะดับเหตุของความทุกข์ สุขนั้น ได้ตามพระธรรม นี่คือ ประโยชน์

ของการฟังพระธรรม แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น - ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาพระธรรม ชื่อว่าผู้นั้นยังไม่รู้จักพระพุทธเจ้า และไม่เข้าใจ

พระธรรม ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ต้องศึกษา ต้องฟัง ถึงแม้ว่าจะยากเมื่อเป็นสิ่งใหม่ก็ต้องค่อยๆ ฟัง เพื่อให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น - ควรเห็นประโยชน์ของปัญญา ผู้มีทรัพย์มากก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องมีความ

ทุกข์ ไม่มีใครพ้นไปได้เลย อยู่ไปโดยไม่รู้ว่าวันไหน จะมีความทุกข์อย่างมาก จะป่วย

เจ็บไข้อย่างหนัก จะพิการจะสูญสิ้นทรัพย์สมบัติหมด เมื่อไม่รู้สาเหตุ ความทุกข์ก็

ย่อมมาก ถ้าสามารถเข้าใจธรรมซึ่งเป็นเหตุเป็นผล จะเห็นพระคุณของพระธรรม - เมื่อมีโอกาสเกื้อกูลญาติมิตรด้วยพระธรรมสั้นๆ ข้อหนึ่งข้อใด เมื่อถึงกาลที่สมควรที่เป็นประโยชน์กับเขา ขณะนั้นเป็นการแสดงธรรม แสดงสิ่งที่ถูกที่ควร ซึ่งจะอุปการะ

ผู้นั้นให้มีการระลึกได้ เมื่อผู้ฟังเกิดปัญญาสามารถรู้จักตนเองตามความเป็นจริง - ทุกขณะตั้งแต่ตื่นจนหลับทุกวัน ถ้าเข้าใจเรื่องปรมัตถธรรม จะเห็นได้ว่า ทุกสิ่ง

ทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุปัจจัย ท่านที่สะสมปัจจัยที่จะได้เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินเสียง

ที่ดี ได้กลิ่นที่ดี ลิ้มรสที่ดี กระทบสัมผัสสิ่งที่ดี เป็นไปตามเหตุปัจจัย เพียงชั่วกาล

ชั่วขณะ เพราะเหตุว่าไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 10 ก.พ. 2556

บำรุงรักษาร่างกาย เพื่ออะไร? เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปได้ แล้วเพื่ออะไร? เพื่อ

อบรมเจริญปัญญา และสะสมกุศล

พูดความจริง เพื่อประโยชน์ของคนฟัง

มิตรที่ดี จะไม่ให้ในสิ่งที่ผิดๆ .

- ชีวิตของแต่ละท่านก็ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้ ก่อนจะถึงวัยนี้ ก็ไม่รู้ว่าถึงวัยนี้

ในลักษณะใด สำหรับพรุ่งนี้ก็มืดสนิท ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดบ้างแน่นอน ถ้าศึกษา

พระธรรมก็จะเริ่มเข้าใจทุกอย่างตรงตามความเป็นจริง รู้เหตุของความทุกข์ สุข

จนกระทั่งสามารถที่จะดับเหตุของความทุกข์ สุขนั้น ได้ตามพระธรรม นี่คือ ประโยชน์

ของการฟังพระธรรม แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ. ผเดิม ค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
บรรพต
วันที่ 10 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Boonyavee
วันที่ 10 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เข้าใจ
วันที่ 10 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
rrebs10576
วันที่ 11 ก.พ. 2556

พระธรรม น่าฟัง น่าศึกษา น่าเข้าใจมาก ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็

สามารถที่จะเข้าใจได้ จึงต้องเป็นผู้กล้าที่จะเข้าใจความจริง

- ควรเห็นประโยชน์ของปัญญา ผู้มีทรัพย์มากก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องมีความ

ทุกข์ ไม่มีใครพ้นไปได้เลย อยู่ไปโดยไม่รู้ว่าวันไหน จะมีความทุกข์อย่างมาก จะป่วย

เจ็บไข้อย่างหนัก จะพิการจะสูญสิ้นทรัพย์สมบัติหมด เมื่อไม่รู้สาเหตุ ความทุกข์ก็

ย่อมมาก ถ้าสามารถเข้าใจธรรมซึ่งเป็นเหตุเป็นผล จะเห็นพระคุณของพระธรรม

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 11 ก.พ. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 11 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 11 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 11 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 11 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 12 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
natural
วันที่ 12 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Noparat
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
nong
วันที่ 13 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
bsomsuda
วันที่ 13 ก.พ. 2556

สะสมอวิชชามามาก จึงต้องสะสมวิชชาคือปัญญามากเหมือนกัน

จึงจะค่อยๆ ละคลายอวิชชาได้

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 24 ก.พ. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
boonpoj
วันที่ 6 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 28 มิ.ย. 2556

สาธุคะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ